Loading AI tools
อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ (20 มิถุนายน พ.ศ. 2458 – 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542) อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา 5 สมัย เจ้าของฉายา โค้วตงหมง และเจ้าของวลี ยุ่งตายห่า
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ | |
---|---|
ประสิทธิ์ ใน พ.ศ. 2495 | |
ประธานรัฐสภาไทยและ ประธานสภาผู้แทนราษฎร | |
ดำรงตำแหน่ง 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 – 12 มกราคม พ.ศ. 2519 | |
รองนายกรัฐมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 25 กันยายน พ.ศ. 2519 – 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | |
นายกรัฐมนตรี | หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | |
ดำรงตำแหน่ง 18 ธันวาคม พ.ศ. 2515 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | |
นายกรัฐมนตรี | จอมพล ถนอม กิตติขจร |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | |
ดำรงตำแหน่ง 20 เมษายน พ.ศ. 2519 – 23 กันยายน พ.ศ. 2519 | |
นายกรัฐมนตรี | หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 20 มิถุนายน พ.ศ. 2458 จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 (83 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
คู่สมรส | ศิริเพ็ญ กาญจนวัฒน์ |
ลายมือชื่อ | |
ประสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2458 เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 5 คน ของหมื่นสุวรรณศิริพงษ์ (ติ๊ดเส่ง แซ่โค้ว หรือ ชัย กาญจนวัฒน์) กับส้มจีน แซ่เซียว[1] สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ธรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง สมรสกับศิริเพ็ญ กาญจนวัฒน์ มีธิดา 1 คน
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ เริ่มชีวิตการทำงาน โดยการเป็นครูและครูใหญ่โรงเรียนอี้งฮุ้น (หวงหวน) ต่อมาได้เป็นข้าราชการกระทรวงเศรษฐการ เป็นเจ้าของสำนักงาน ทนายความมนูกิจ[2]
นอกจากนี้ ประสิทธิ์ยังมีตำแหน่งสำคัญๆในธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ กรรมการธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ปี พ.ศ. 2496) กรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ปี พ.ศ. 2511) รองประธานกรรมการและกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ปี พ.ศ. 2519) และประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ปี พ.ศ. 2527)
ขณะเดียวกัน ประสิทธิ์ยังเป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ที่มีผลงานมากมาย ที่สำคัญได้แก่ เป็นผู้แปลเรียบเรียงหนังสือชื่อ เจียง ไค เช็ค ประมุขจีนใหม่ แปลรัฐธรรมนูญแห่งสหภาพโซเวียต และเขียนบทความเกี่ยวกับการเมืองลงหนังสือพิมพ์การเมืองอีกหลายเรื่อง รวมทั้งเป็นเจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์การเมืองชื่อ "การเมือง" อีกด้วย
ประสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทราครั้งแรก ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2489 แต่ได้รับเลือกตั้งครั้งแรก ใน พ.ศ. 2495 และได้รับเลือกเรื่อยมา รวม 5 สมัย
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ได้รับตำแหน่งทางการเมืองสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 11 เป็นรัฐมนตรีสมัยแรกในปี พ.ศ. 2501 ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสหกรณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ[3] และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในปี พ.ศ. 2515
สังคมได้รับรู้มานานแล้วว่าฐานะของเขาเป็นพ่อค้าที่กว้างขวางและให้การสนับสนุนนักการเมืองจํานวนมาก อีกทั้งยังทราบกันดีว่าเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มทุนธนาคารกรุงเทพที่เข้ามาเล่นการเมือง ซึงอาจจะทําให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกันได้ ด้วยความคลางแคลงดังกล่าวทําให้ภายหลังมีเสียงเรียกร้องอย่างมากจากประชาชนให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีพาณิชย์ แม้ประภาสจะแสดงความลําบากใจแต่ก็ไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องและยังกล่าวอีกว่าตนให้การสนับสนุนประสิทธิ์อย่างเต็มที่
ในช่วงวิกฤตการณ์ข้าวในไทย เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2515 (ค.ศ.1972) เมื่อเกิดภัยธรรมชาติทําให้ฝนแล้งทั่วโลก ประเทศส่งออกข้าวที่สําคัญหลายประเทศประสบปัญหาภัยแล้ง ทําให้เกิดภาวขาดแคลนข้าวทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่ผลิตข้าวได้น้อยลง ราคาข้าวภายในประเทศเริ่มเขยิบตัวสูงขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนพ.ศ. 2515 (ค.ศ.1972) เป็นต้นมา และสูงขึ้นเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.2516 (ค.ศ.1973) พร้อมกันนั้นได้พบว่าเริ่มมีการขาดแคลนข้าวเกิดขึ้นในบางพื้นที่
สถานการณ์ทั่วไปในเดือนสิงหาคมพ.ศ.2516 (ค.ศ.1973) พบว่า ราคาข้าวเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่าเท่าตัว คนจนทั้งในเมืองและต่างจังหวัดต่างประสบความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอีก10% และราคาสินค้ายังชีพก็มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั่นราคานํ้ามันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลต่อราคาสินค้าอืนๆอีก นอกจากนี้การขึ้นค่าเงินเยนยังมีส่วนทําให้สินค้าเข้าแพงขึ้นด้วย แม้ปัจจัยเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อชาวนาน้อยมาก แต่สําหรับพ่อค้า นักศึกษาและชาวเมืองจะได้รับผลร้ายอย่างชัดเจน
ในกรณีของประสิทธิ์ และประภาส พบว่าเกียวข้องกับการกักตุนและส่งออกข้าว ส่วนณรงค์เองภายหลังก็พบว่าลักลอบส่งข้าวออกทางจังหวัดสตูลเป็นแสนกระสอบ
กล่าวโดยสรุป สาเหตุภายในของปัญหาข้าวเกิดจากปัญหาโครงสร้างอํานาจทางการเมืองที่ตัวแทนของทุนคือ ประสิทธิ์ กาญจนวัตน์ ได้เข้ามานั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี ภายใต้การคุ้มกันของผู้ทีมีอํานาจอันดับสองคือประภาส นีคือก้าวใหม่ของรัฐไทยที่ทุนเข้ามาเกี่ยวข้องกับอํานาจรัฐอย่างใกล้ชิด ทุนนั้นมีตรรกะที่ชัดเจนในการหาผลประโยชน์ดังนั้นจึงไม่สามารถต้านทานความต้องการที่จะหาประโยชน์จากสภาวะขาดแคลนที่เกิดขึ้นได้ เมื่อรัฐบาลตัดสินใจนําเอาองค์ประกอบอีกส่วนหนึ่งคือการใช้อํานาจของเผด็จการทหารมาใช้ โดยกตป.และมาตรา 17 ก็เกิดแรงกระตุ้นในการเข้ามาแก่งแย่งแสวงหาผลประโยชน์ โครงสร้างทางการเมืองดังกล่าวสะท้อนความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้นํา ซึงทําให้รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาข้าวได้ ดังนั้นแทนที่รัฐบาลจะได้รับการจัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพกลับยิ่งทําให้เกิดผลเสียมากยิ่งขึ้น
สําหรับโครงสร้างอํานาจภายนอกนั้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯมีปัญหา เราได้เห็นบทบาทของสหรัฐฯในการเข้ามาขอให้ไทยช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในยามที่สถานการณ์ข้าวของประเทศอยู่ในภาวะคับขัน แม้เราจะไม่รู้ว่าข้อเรียกร้องเหล่านั้นเป็นไปโดยจงใจหรือไม่ แต่สิ่งที่สหรัฐฯได้กระทําไปส่งผลให้สถานการณ์ข้าวของไทยเลวร้ายลงอย่างแน่นอน
ปัญหาข้าวแพงเป็นที่มาของปัญหาเศรษฐกิจอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง อันนํามาสู่การนัดหยุดงานซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่สําคัญคือวิกฤตข้าวเป็นปัญหาของกรุงเทพฯ ซึงภาพของการเข้าคิวซื้อข้าวถึง2 วัน การจํายอมซื้อข้าวราคาแพงจากตลาดมืด การขาดแคลนข้าวของภิกษุสงฆ์ได้บ่มเพาะความรู้สึกต่อต้านรัฐบาลทั้งนี้รัฐบาลได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมซึ่งทวีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ความล้มเหลวในการรับมือกับภาวะขาดแคลนข้าวและค่าครองชีพทีพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในสังคมโดยตรงนั้นทําให้ประชาชนเกิดความรู้ สึกที่ว่า ปัญหาของพวกเขาไม่ได้รับความใส่ใจจากรัฐบาล และเมื่อเกิดความคลางแคลงว่ามีผู้ที่อยู่ในแวดวงรัฐบาลได้ประโยชน์จากปัญหาทางเศรษฐกิจของพวกเขาส่งผลให้ความไม่พอใจที่มีต่อรัฐบาลยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกกลายเป็นพลังทางสังคมอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งการแสดงตัวที่เป็นรูปธรรมที่เมื่อรวมเข้ากับกลุ่มนักศึกษาแล้วกลายเป็นคลื่นมหาชนที่ร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ
หลังจากนั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช[4] จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากนายกรัฐมนตรีลาออก และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี[5] แต่ดำรงตำแหน่งเพียง 12 วัน และได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพียงวันเดียวก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการรัฐประหารของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่
ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น สมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2522 ก่อนที่จะวางมือทางการเมืองในปี พ.ศ. 2527
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 5 สมัย คือ
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งตับและลำไส้ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 สิริอายุรวม 83 ปี 239 วัน
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.