Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไทยเชื้อสายมลายู (มลายู: Orang Melayu Thai, อักษรยาวี: ملايو تاي, มลายูปัตตานี: ออแรฺนายู, จาวี หรือบังซอยาวี) หรือ ชาวปตานี (มลายู: Orang Patani, ออแรฺตานิง) มีชื่อเรียกทางการว่า 'ชาวไทยและมาเลเซียเชื้อสายมลายู'[3][4] เป็นคำเรียกพลเมืองชาติพันธุ์มลายูในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยที่มีจำนวนมากเป็นอันดับ 6 ของประเทศ และมีประชากรมลายูมากเป็นอันดับ 3 โดยเป็นรองแค่ประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซีย และชาวมลายูส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดนราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา และสตูล นอกจากนี้ยังมีประชากรมุสลิมและผู้มีเชื้อสายมลายู[5][ต้องการอ้างอิงเต็มรูปแบบ]ในเมืองภูเก็ต[6][7] จังหวัดตรัง และจังหวัดระนอง[8] และชุมชนขนาดใหญ่ในกรุงเทพที่เป็นลูกหลานของผู้อพยพหรือผู้ถูกเนรเทศจากภาคใต้มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมา[9]
นักเรียนชาวไทยเชื้อสายมลายูในจังหวัดนราธิวาส | |
ประชากรทั้งหมด | |
3 ล้านคน[2] (2020, ประมาณ) | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
ประเทศไทย (ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้) ประเทศมาเลเซีย (รัฐกลันตัน, รัฐเกอดะฮ์, รัฐตรังกานู และรัฐปะลิส) | |
ภาษา | |
ไทย, ไทยถิ่นใต้, มลายูปัตตานี, มลายูเกอดะฮ์ และมลายูบางกอก | |
ศาสนา | |
ส่วนใหญ่ อิสลามนิกายซุนนี มัซฮับชาฟิอี | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายมลายู (โดยเฉพาะชาวเกอดะฮ์ กลันตัน และตรังกานูเชื้อสายมลายู), พม่าเชื้อสายมลายู, มลายูอื่น ๆ |
ชาวมลายูปัตตานี เป็นกลุ่มชนขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่จำนวนมากในจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นประชากรส่วนใหญ่ตั้งแต่จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดยะลา รวมไปถึงบางส่วนของจังหวัดสงขลา มีประชากร 3,359,000 คน หรือร้อยละ 3 ของประชากรทั้งประเทศ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เช่นเดียวกับกลุ่มชาวมลายูทั่วไป ชาวมลายูปัตตานีเรียกตนเองว่า ออแรฺนายู (Orang Melayu; اورڠ ملايو) ซึ่งมีความหมายว่า คนมลายู และบางที่ก็เติมคำข้างหน้าด้วยเป็น กีตอออแรฺนายู (Kita Orang Melayu; كيت اورڠ ملايو) ซึ่งแปลว่า พวกเราคือมลายู และจะเรียกชาวมาเลเซียว่า ออแรฺมาเล (Orang Malay) เพราะพวกเขาแยกแยะ และมีจิตสำนึกได้ดีว่าเขาไม่ใช่คนมาเลเซีย และเรียกคนไทยว่า ออแรฺซีแย (Orang Siam; اورڠ سيام) ส่วนชาวมลายูปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนไปอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จะถูกเรียกว่า ออแรฺนายูบาเกาะ (Orang Melayu Bangkok; اورڠ ملايو بڠكوق) ถือว่าเป็นชาวมลายู แต่ถูกกวาดต้อนไปกรุงเทพฯ และไม่ใช่ชาวออแรฺนายูอย่างเขา ชาวไทยเชื้อสายมลายูในกรุงเทพนั้นอาศัยอยู่กระจายตัวตั้งแต่สี่แยกบ้านแขก ในฝั่งธนบุรีเลยไปถึงเขตหนองจอก แต่คำคำนี้ยังรวมไปถึงคนมลายูรอบ ๆ ปริมณฑลด้วย อย่างที่จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี โดยที่จังหวัดปทุมธานีจะพบคนกลุ่มนี้ในเขตคลองประชาเก่ง คลองบางโพธิ์เหนือ และคลองหนึ่ง สถานที่ตั้งถิ่นฐานมีสุเหร่าเป็นแห่งแรกที่บ้านสวนพริกไทย ส่วนในนนทบุรีมีชนกลุ่มนี้ที่สามารถพูดภาษามลายูได้ที่ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ดที่ถูกกวาดต้อนมาจากจังหวัดปัตตานีสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นเวลากว่า 200 ปีมาแล้ว ในอยุธยาเองก็มีชุมชนชาวไทยเชื้อสายมลายูอยู่ที่คลองตะเคียนใต้เกาะอยุธยา ซึ่งเข้ามาอาศัยนานแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา
สาเหตุของความไม่สงบในชายแดนภาคใต้โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวมลายูในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ส่วนหนึ่งมาจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมกับชาวไทยและประสบการณ์ในอดีตที่เคยถูกบังคับดูดกลืนให้กลายเป็นคนไทยหลังอาณาจักรสุโขทัยผนวกอาณาจักรปัตตานี[10] ใน ค.ศ. 1816 ประเทศสยามแบ่งรัฐสุลต่านปัตตานีออกเป็น 7 จังหวัดตามนโยบายแบ่งแยกและปกครอง ถึงแม้ว่าจะมีกบฎอยู่บ้าง โดยทั่วไปนโยบายนี้ทำให้บ้านเมืองสงบสุขจนถึงต้นคริสต์ศตรรษที่ 20 ใน ค.ศ. 1901 กระทรวงมหาดไทยของสยามได้รวม 7 จังหวัดไปเป็นมณฑลปัตตานี ซึ่งทำให้เหลือ 4 จังหวัด ดังนี้: ปัตตานี, บังนารา, สายบุรี และยะลา รัฐเกอดะฮ์ถูกยกไปให้อังกฤษตามสนธิสัญญาอังกฤษ–สยาม พ.ศ. 2452 ซึ่งทำให้อำเภอที่เคยอยู่ในรัฐเกอดะฮ์บางส่วนกลายเป็นจังหวัดสตูล[11] มุสลิมเชื้อสายมลายูในสตูลไม่ค่อยมีแนวคิดแบ่งแยกดินแดน ซึ่งน่าจะเป็นผลจากความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรสตูลต่อสยาม เมื่อเทียบกับการแบ่งแยกในรัฐสุลต่านปัตตานีอย่างรุนแรง สังคมมลายูที่มีความโน้มเอียงสนับสนุนไทยสามารถพบได้ในจังหวัดภูเก็ต, ระนอง และกรุงเทพ[12][13]
ความเป็นมลายู นั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญได้แก่ ภาษามลายู ศาสนาอิสลาม และวัฒนธรรม เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่พูดภาษามลายูได้ เลือกวิถีวัฒนธรรมมลายู โดยเฉพาะต้องนับถือศาสนาอิสลามถือว่าเป็นชาวมลายู ถ้าสักแต่พูดภาษามลายู มีชีวิตในวิถีวัฒนธรรมมลายู แต่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ก็ไม่ถือว่าเป็นมลายู
อย่างไรก็ตามศาสนาอิสลามจะเกาะเกี่ยวกับความเป็นมลายูตลอด เมื่อใครเข้ารับศาสนาอิสลามหรือเข้าอิสลามก็จะเรียกว่าเข้ามลายู (มาโซะ มลายู หรือมะโซะยาวี) หรือ เป็นมลายูซึ่งประเด็นนี้น่าสนใจเพราะเขาจะเรียกว่า"เข้าไทย"(มาโซะ ซีแย) เมื่อมีใครเปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธในทำนองเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันชีวิตวัฒนธรรม โดยเฉพาะภาษามลายูก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ฮีลัง บาฮาซา ฮีลัง บังซา” แปลเป็นไทยได้ว่า “ถ้าภาษา (มลายู) หาย ชาติ (หรือความเป็นมลายู) ก็จะหายด้วย” ดังนั้นเขาจึงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องชาติหรือความเป็นมลายูของตัวเองไม่ให้สูญสลายหายไป รวมทั้งพยายามยืนหยัดที่จะใช้ภาษามลายูสืบไป
ชาวไทยเชื้อสายมลายูหลายคน ยังแต่งกายแบบมลายูให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะทางภาคใต้ ผู้ชายยังแต่งกายด้วยการนุ่งโสร่ง ผู้หญิงนุ่งผ้าปาเต๊ะ โพกศีรษะเหมือนชาวมุสลิมในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันวัฒนธรรมการแต่งกายของมาเลเซียก็เข้ามา ทำให้ชาวมลายูแต่งตัวให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นมลายู และอิสลามอยู่อย่างมั่นคง
ชาวมลายูในประเทศไทยส่วนใหญ่พูดภาษามลายูปัตตานี (บาซอยาวี/ตานี) อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าชาวไทยเชื้อสายมลายูทุกคนสามารถพูดภาษามลายูปัตตานีได้ เพราะชาวไทยเชื้อสายมลายูบางส่วนในจังหวัดสตูลและบริเวณใกล้เคียงพูดภาษามลายูสตูล ในขณะที่ชาวมลายูในกรุงเทพได้พัฒนาสำเนียงของตนเองไปเป็นภาษามลายูบางกอก ชาวกรุงเทพ สตูล และปัตตานีมีความใกล้ชิดกันและมีคำศัพท์ใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถเข้าใจในบางคำ
กลุ่มเชื้อชาติมลายูส่วนใหญ่ในจังหวัดสตูล (และเป็นชนกลุ่มน้อยในจังหวัดพัทลุง[14][ต้องการตรวจสอบความถูกต้อง][15][ต้องการอ้างอิงเต็มรูปแบบ][16] ตรัง, กระบี่, พังงา และสงขลา เช่นเดียวกันกับรัฐในประเทศมาเลเซีย เช่นรัฐเกอดะฮ์, รัฐเปรัก และรัฐปะลิส) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่แตกต่าง ซึ่งโดยทั่วไปนับถือศาสนาอิสลาม แต่มีความเป็นไทย (กับอิทธิพลมลายูบางส่วน) และพูดภาษาไทยถิ่นใต้ที่มีคำยืมภาษามลายูบางส่วน[17]
นับตั้งแต่ศาสนาอิสลามเริ่มเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวมลายูใช้อักษรอาหรับดัดแปลงที่มีชื่อว่าอักษรยาวี ไม่เหมือนกับส่วนอื่นในโลกมลายู เช่นมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ที่มีผู้ใช้อักษรนี้ลดลงและใช้อักษรลาตินมากขึ้น ชาวมลายูในประเทศไทยยังคงใช้อักษรยาวีอยู่ต่อไป
ประชากรไทยเชื้อสายมลายูส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมมัซฮับชาฟิอี โดยมีศาสนาอิสลามเป็นองค์ประกอบสำคัญในอัตลักษณ์ความเป็นไทยเชื้อสายมลายู ใครก็ตามที่ออกจากศาสนานี้ โดยเฉพาะศาสนาพุทธนิกายเถรวาทจะถูกถือว่าเป็นชาวไทยทันที แม้ว่าตนจะมีเชื้อสายมลายูก็ตาม[ต้องการอ้างอิง]
กลุ่มชาวมลายูที่นับถือศาสนาพุทธจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่โดยทั่วไป[18] ส่วนอิทธิพลของพราหมณ์ และไสยศาสตร์ยังคงสืบทอดในบางท้องถิ่น[19][20] และหลงเหลือภูมินามในท้องที่ เช่น จาเฆาะบาลอ (คลองพระพุทธรูป) บาโงกือเต๊ะ (โคกกุฏิ) และ บูกิตสามิง (เขาพระ)[19][21] ปัจจุบันชาวมลายูที่เป็นพุทธผสมกลมกลืนไปกับชาวไทยพุทธในพื้นที่ไปแล้ว[22] บางส่วนก็มาจากการเปลี่ยนศาสนาไปนับถือศาสนาพุทธ[23] ดังกรณีชาวมลายูพุทธที่บ้านเชิงเขา จังหวัดนราธิวาส จะมีประเพณีบุญข้าวใหม่ โดยจะนำข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวไปให้ผู้อาวุโสชาวมลายูมุสลิมในหมู่บ้านดุอาอุทิศส่วนกุศลแก่บรรพชนของตัวเอง[24][25] ขณะที่ชุมชนมุสลิมบางแห่งยังคงดำรงพิธีกรรมตามแบบศาสนาพราหมณ์ไปด้วย[19]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.