ประเทศสวีเดน
ประเทศในทวีปยุโรปตอนเหนือ / From Wikipedia, the free encyclopedia
สวีเดน (อังกฤษ: Sweden; สวีเดน: Sverige, ออกเสียง: [ˈsvæ̌rjɛ]) หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสวีเดน (อังกฤษ: Kingdom of Sweden; สวีเดน: Konungariket Sverige) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ เขตแดนทางตะวันตกจรดประเทศนอร์เวย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจรดประเทศฟินแลนด์ และช่องแคบสแกเกอร์แรก ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดช่องแคบคัตเทกัต และทางตะวันออกจรดทะเลบอลติก และอ่าวบอทเนีย ด้วยขนาดพื้นที่ 447,425 ตารางกิโลเมตร (172,752 ตารางไมล์) สวีเดนจึงเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มนอร์ดิก และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับห้าในทวีปยุโรป เมืองหลวงและเมืองใหญที่สุดคือกรุงสต็อกโฮล์ม ภาษาราชการคือภาษาสวีเดน และประชากรเกือบทั้งหมดสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว[20]
ราชอาณาจักรสวีเดน Konungariket Sverige (สวีเดน) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศสวีเดน (เขียวเข้ม) – ในทวีปยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | สต็อกโฮล์ม 59°21′N 18°4′E |
ภาษาราชการ | สวีเดน[c] |
ภาษาชนกลุ่มน้อย | |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2019) | |
ศาสนา (ค.ศ. 2017) | 66.8% คริสต์ —60.3% คริสตจักรแห่งสวีเดน[lower-alpha 1] —6.5% อื่น ๆ 27.0% ไม่มีศาสนา 5.0% อิสลาม 1.2% อื่น ๆ[8][9] |
เดมะนิม | |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ |
สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ | |
• ประธานริกส์ดอก | อันเดรียส นอร์เลน |
อุล์ฟ คริสเตอช็อน | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
ประวัติ | |
• ก่อตั้งราชอาณาจักรสวีเดน | ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 |
• ส่วนหนึ่งของสหภาพคัลมาร์ | ค.ศ. 1397–1523 |
• ส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรสวีเดนและนอร์เวย์ | 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1814 – สิงหาคม ค.ศ. 1905[10] |
1 มกราคม ค.ศ. 1995 | |
• เข้าร่วมเนโท | 7 มีนาคม ค.ศ. 2024 |
พื้นที่ | |
• รวม | 450,295 ตารางกิโลเมตร (173,860 ตารางไมล์) (อันดับที่ 55) |
8.37 (ใน ค.ศ. 2015)[11] | |
ประชากร | |
• กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ประมาณ | 10,402,070[12] (อันดับที่ 88) |
25 ต่อตารางกิโลเมตร (64.7 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 198) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 563,882 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[13] (อันดับที่ 39) |
• ต่อหัว | 52,477 ดอลลาร์สหรัฐ[13] (อันดับที่ 16) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 528,929 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[13] (อันดับที่ 23) |
• ต่อหัว | 50,339 ดอลลาร์สหรัฐ[13] (อันดับที่ 12) |
จีนี (ค.ศ. 2020) | 26.9[14] ต่ำ |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.945[15] สูงมาก · อันดับที่ 7 |
สกุลเงิน | ครูนาสวีเดน (SEK) |
เขตเวลา | UTC+1 (เวลายุโรปกลาง) |
UTC+2 (เวลาออมแสงยุโรปกลาง) | |
รูปแบบวันที่ | ปปปป-ดด-วว |
ขับรถด้าน | ขวา[e] |
รหัสโทรศัพท์ | +46 |
รหัส ISO 3166 | SE |
โดเมนบนสุด | .se[f] |
|
ประเทศสวีเดนมีประชากรที่เบาบาง เว้นแต่ในเขตเมืองใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยป่าไม้ ภูเขาสูง และทะเลสาบขนาดใหญ่ แม่น้ำหลายสายไหลมาจากเทือกเขาสแกนดิเนเวีย และยังมีแนวชายฝั่งที่กว้างขวาง สวีเดนมีประชากรราว 10.5 ล้านคน และความหนาแน่นของประชากรอยู่ที่ 25 คนต่อตารางกิโลเมตร โดยกว่า 87% ของประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 1.5% ของแผ่นดินทั้งหมด มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสภาพอากาศที่หลากหลายเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ
กลุ่มชนเจอร์แมนิกเข้ามาตั้งรกรากในสวีเดนตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และดำรงชีพด้วยการทำประมงก่อนจะรวมตัวกันเป็นชาวทะเลที่รู้จักกันในชื่อ ชาวนอร์ส รัฐอิสระของสวีเดนเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 12 หลังจากการระบาดทั่วของกาฬโรคครั้งใหญ่ในกลางศตวรรษที่ 14 ซึ่งคร่าชีวิตชาวสแกนดิเนเวียไปกว่าหนึ่งในสาม[21][22] การครอบงำของสันนิบาตฮันเซอในยุโรปเหนือได้คุกคามชาวสแกนดิเนเวียทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง หลังสิ้นสุดยุคไวกิง สวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพคัลมาร์ใน ค.ศ. 1397 ร่วมกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ แต่ได้ออกจากสหภาพในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ในสงครามสามสิบปี และได้รบกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะรัสเซีย เดนมาร์ก และนอร์เวย์[23] ซึ่งไม่ยอมรับการที่สวีเดนออกจากสหภาพ ในศตวรรษที่ 17 สวีเดนได้ขยายอาณาเขตด้วยสงครามและกลายเป็นหนึ่งชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ก่อนจะสูญเสียพื้นที่ราชอาณาจักรรวมถึงฟินแลนด์ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดน และนับตั้งแต่เข้าร่วมสงครามสหราชอาณาจักรสวีเดนและนอร์เวย์ใน ค.ศ. 1814 สวีเดนอยู่ในภาวะสันติและปราศจากสงครามระหว่างประเทศมาตลอด โดยมีนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และเป็นกลางในสงครามรวมถึงในสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเย็น[24] ใน ค.ศ. 2014 สวีเดนได้เฉลิมฉลองสันติภาพประเทศครบ 200 ปี ทำลายสถิติของสวิตเซอร์แลนด์[25]
สวีเดนเป็นผู้ส่งออกเหล็ก ทองแดง และไม้ชั้นนำของยุโรปตั้งแต่สมัยยุคกลาง อย่างไรก็ดี การขนส่งและการคมนาคมที่ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ และแร่เหล็ก การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและการจัดการศึกษาทั่วไป ช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว และในทศวรรษ 1890 ประเทศได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้เกิดระบบสวัสดิการของรัฐบาลขึ้น ปัจจุบัน สวีเดนมีความโน้มเอียงในทางเสรีนิยม และความเท่าเทียมกันในสังคม
สวีเดนมีรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยอำนาจนิติบัญญัติตกเป็นของสมาชิกรัฐสภาซึ่งมีสมาชิก 349 คน สวีเดนเป็นรัฐรวมซึ่งแบ่งออกเป็น 21 เทศมณฑล และ 290 เทศบาล สวีเดนถือเป็นประเทศพัฒนาแล้ว[26] และรักษาระบบสวัสดิการสังคมตามตัวแบบนอร์ดิกที่มีระบบสาธารณสุขและการศึกษาที่มีคุณภาพ[27][28] มีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับที่ 11 ของโลก และอยู่ในอันดับที่สูงในด้านคุณภาพชีวิต[29] สุขภาพ การศึกษา การคุ้มครองเสรีภาพของพลเมือง ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ความเท่าเทียมกันของรายได้[30] ความเสมอภาคทางเพศ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนามนุษย์[31] สวีเดนเข้าร่วมสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1995 แต่ได้ปฏิเสธการเป็นสมาชิกยูโรโซนภายหลังการลงประชามติ และยังเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ สภานอร์ดิก สภายุโรป องค์การการค้าโลก และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สวีเดนได้แสดงเจตนารมณ์ในการเข้าเป็นสมาชิกเนโทใน ค.ศ. 2022[32]