90377 เซดนา
ดาวเคราะห์น้อย / From Wikipedia, the free encyclopedia
เซดนา (การตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อย: 90377 เซดนา; อังกฤษ: Sedna; สัญลักษณ์: [12]) เป็นดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ในบริเวณส่วนนอกของระบบสุริยะซึ่งในปี พ.ศ. 2558 อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 86 หน่วยดาราศาสตร์ (AU) หรือ 1.29 × 1010 กิโลเมตร อยู่ห่างออกไปมากกว่าดาวเนปจูนเกือบสามเท่า กระบวนการสเปกโทรสโกปีเปิดเผยว่าพื้นผิวของเซดนามีองค์ประกอบคล้ายกับวัตถุพ้นดาวเนปจูนอื่น ๆ บางชิ้น โดยเป็นส่วนผสมของน้ำ มีเทน และไนโตรเจนแข็งกับโทลีนจำนวนมาก ผิวของเซดนาเป็นหนึ่งในผิวดาวที่มีสีแดงมากที่สุดท่ามกลางวัตถุอื่นในระบบสุริยะ เซดนาอาจเป็นดาวเคราะห์แคระ ในบรรดาวัตถุพ้นดาวเนปจูนทั้งแปดที่ใหญ่ที่สุด เซดนาเป็นวัตถุเดียวที่ไม่พบดาวบริวาร[13][14]
เซดนาถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล | |
การค้นพบ [1] | |
---|---|
ค้นพบโดย: | ไมเคิล บราวน์ แชด ทรูจีโล ดาวิด ราบิโนวิตซ์ |
ค้นพบเมื่อ: | 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 |
ชื่อตามระบบ MPC: | (90377) เซดนา |
ชื่ออื่น ๆ: | 2003 VB12 |
ชนิดของดาวเคราะห์น้อย: | TNO [2] · ไกลออกไป เซดนอยด์ [3] |
ลักษณะของวงโคจร [2] | |
ต้นยุคอ้างอิง 13 มกราคม พ.ศ. 2559 (JD 2457400.5) | |
ระยะจุดไกล ดวงอาทิตย์ที่สุด: | ≈ 936 AU (Q)[4] 1.4×1011 km 5.4 วันแสง |
ระยะจุดใกล้ ดวงอาทิตย์ที่สุด: | 76.0917±0.0087 AU (q) 1.1423×1010 km |
กึ่งแกนเอก: | 506.8 AU[5][4] 7.573×1010 km |
ความเยื้องศูนย์กลาง: | 0.85491±0.00029 |
คาบดาราคติ: | ≈ 11400 yr[4][lower-alpha 1] |
อัตราเร็วเฉลี่ย ในวงโคจร: | 1.04 กิโลเมตร/วินาที |
มุมกวาดเฉลี่ย: | 358.163°±0.0054° |
ความเอียง: | 11.92872° (i) |
ลองจิจูด ของจุดโหนดขึ้น: | 144.546° (Ω) |
มุมของจุด ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด: | 311.29°±0.014° (ω) |
ลักษณะทางกายภาพ | |
มิติ: | 995±80 km (แบบจำลองเทอร์โมฟิสิกส์) 1060±100 km (std. thermal model)[7] |
คาบการหมุน รอบตัวเอง: | 10.273 ชม. (0.4280 วัน) 10.3 h ± 30%[2][8](ซิเดอเรียล) |
อัตราส่วนสะท้อน: | 0.32±0.06[7] |
อุณหภูมิ: | ≈ 12 K (see note) |
ชนิดสเปกตรัม: | (แดง) B−V=1.24; V−R=0.78[9] |
โชติมาตรปรากฏ: | 21.1[10] 20.5 (จุดที่ใกล้ที่สุด)[11] |
โชติมาตรสัมบูรณ์: | 1.83±0.05[7] 1.6[2] |
วงโคจรส่วนใหญ่ของเซดนาอยู่ไกลออกจากดวงอาทิตย์ไปมากกว่าตำแหน่งปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าตำแหน่งที่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุดจะอยู่ห่างออกไปถึง 937 AU[4] (31 เท่าของระยะของดาวเนปจูน) ทำให้เซดนาเป็นวัตถุหนึ่งที่ไกลที่สุดในระบบสุริยะ นอกเหนือจากดาวหางคาบยาว[lower-alpha 2][lower-alpha 3]
เซดนามีวงโคจรที่ยาวและยืดเป็นพิเศษ โดยใช้เวลาโคจรหนึ่งรอบประมาณ 11,400 ปี และมีจุดใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดที่ 76 AU สิ่งนี้นำมาสู่ความคิดเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเซดนา ศูนย์ดาวเคราะห์น้อยจัดเซดนาให้อยู่ในแถบหินกระจาย ซึ่งเป็นกลุ่มของวัตถุที่มีวงโคจรยืดยาวออกไปไกลเนื่องด้วยแรงโน้มถ่วงจากดาวเนปจูน การจัดให้เซดนาอยู่ในแถบหินกระจายนี้กลายเป็นข้อถกเถียง เพราะเซดนาไม่เคยเข้ามาใกล้ดาวเนปจูนมากพอที่จะเหวี่ยงกระจายเซดนาออกไปด้วยแรงโน้มถ่วงจากดาวเนปจูน ทำให้นักดาราศาสตร์บางคนเชื่อว่าเซดนาเป็นวัตถุหนึ่งในเมฆออร์ตชั้นใน แต่บางคนก็เชื่อว่าเซดนามีวงโคจรที่ยืดยาวแบบนี้เนื่องด้วยดาวฤกษ์ที่เฉียดผ่านเข้ามาใกล้ โดยอาจเป็นหนึ่งในดาวของกระจุกดาวของดวงอาทิตย์ตอนเกิด (กระจุกดาวเปิด) หรือระบบดาวเคราะห์อื่นอาจจับยึดไว้ สมมติฐานอีกอย่างหนึ่งเสนอว่าวงโคจรของเซดนาได้รับผลกระทบจากดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งที่พ้นวงโคจรดาวเนปจูน[16]
ไมเคิล บราวน์ นักดาราศาสตร์ผู้ค้นพบเซดนาและดาวเคราะห์แคระอีริส เฮาเมอา และมาคีมาคี คิดว่าเซดนาเป็นวัตถุพ้นดาวเนปจูนในปัจจุบันที่สำคัญที่สุดในทางวิทยาศาสตร์ เพราะว่าการทำความเข้าใจในวงโคจรที่ไม่เสถียรนี้เป็นไปได้ที่จะให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของระบบสุริยะในช่วงแรก[17][18]