Loading AI tools
สะพานในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สะพานทศมราชัน (ชื่อเดิม สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9) เป็นสะพานถนนประเภทสะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร ในเส้นทางของทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก ดูแลโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นสะพานขึงเสาคู่แห่งแรกของประเทศไทย คู่ขนานด้านท้ายน้ำของสะพานพระราม 9 มีขนาด 8 ช่องจราจร ความกว้างประมาณ 42 เมตร ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย เพื่อใช้ทดแทนสะพานพระราม 9 ที่จะมีการปิดปรับปรุงภายหลังเปิดการจราจรบนทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตกอย่างเต็มรูปแบบ และกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 แต่จะเปิดใช้งานได้หลังจากทางขึ้น-ลงสะพานฝั่งธนบุรีสร้างเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งกำหนดไว้ในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 คาดว่าจะสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ได้อย่างมากวันละ 150,000 คัน
สะพานทศมราชัน | |
---|---|
พิกัด | 13.68201°N 100.51798°E |
เส้นทาง | ทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก |
ข้าม | แม่น้ำเจ้าพระยา |
ที่ตั้ง | แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ไทย |
ชื่อทางการ | สะพานทศมราชัน |
ชื่ออื่น | สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 |
ผู้ดูแล | การทางพิเศษแห่งประเทศไทย |
เหนือน้ำ | สะพานพระราม 9 |
ท้ายน้ำ | สะพานภูมิพล 1 |
ข้อมูลจำเพาะ | |
ประเภท | สะพานขึง |
วัสดุ | เหล็กและคอนกรีต |
ความยาว | 450 เมตร (1,480 ฟุต) |
ความกว้าง | 42 เมตร (138 ฟุต) |
ความสูง | 87 เมตร (285 ฟุต) |
ช่วงยาวที่สุด | 780 เมตร (2,560 ฟุต) |
จำนวนตอม่อ | 4 |
เคลียร์ตอนล่าง | 41 เมตร (135 ฟุต) |
ประวัติ | |
ผู้ออกแบบ | บริษัท เอพซิลอน จำกัด |
ผู้สร้าง | บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) |
วันเริ่มสร้าง | 16 มกราคม พ.ศ. 2563 |
วันสร้างเสร็จ | 30 มีนาคม พ.ศ. 2566 |
งบก่อสร้าง | 6,636,192,131.80 บาท |
วันเปิด | ตุลาคม พ.ศ. 2567 |
ที่ตั้ง | |
สะพานแห่งนี้ออกแบบโดยบริษัท เอพซิลอน จำกัด เป็นสะพานประเภทสะพานขึงเสาคู่ (Double-Pylon Cable-Stayed Bridge) แห่งแรกของประเทศไทย ตามแนวคู่ขนานทางด้านท้ายน้ำของสะพานพระราม 9 มีขนาด 8 ช่องจราจร (แบ่งเป็นขาเข้าเมืองและขาออกเมืองฝั่งละ 4 ช่องจราจร) และมีความกว้างวัดจากขอบสะพานทั้ง 2 ฝั่งได้ประมาณ 42 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างมากที่สุดในประเทศไทย ตัวสะพานจะเริ่มยกระดับจากระดับชั้นที่ 2 ซึ่งสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 10 เมตร ทำให้ผู้ใช้ทางสามารถวิ่งขึ้นและลงสะพานได้สะดวกมากขึ้น เพื่อลดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพาน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับสะพานพระราม 9 โดยท้องสะพานมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ 41 เมตร และเสาขึงมีความสูง 87 เมตร ซึ่งเท่ากับสะพานพระราม 9 เดิม[1] ส่วนช่วงกลางสะพานยาว 450 เมตร และตัวสะพานยาว 780 เมตร มีจุดเริ่มต้นบริเวณเชิงลาดสะพานพระราม 9 ฝั่งธนบุรี ในพื้นที่แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปเชื่อมต่อกับทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร และบรรจบกับทางแยกต่างระดับบางโคล่ ในพื้นที่แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา เชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานครโดยตรง รวมระยะทางทั้งโครงการจำนวน 2 กิโลเมตร โดยมีการออกแบบตัวสะพานให้สอดคล้องและไม่โดดเด่นกว่าสะพานพระราม 9 เดิม[2] นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยยังจำลองสะพานเต็มรูปแบบเพื่อทดสอบความแข็งแรงของสะพานต่อแรงลม ซึ่งจากผลการทดสอบ พบว่า สามารถรองรับแรงลมได้มากถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่าความแรงของพายุทอร์นาโด สะพานแห่งนี้จึงมีความมั่นคงและแข็งแรงอย่างมากในการรองรับเหตุแผ่นดินไหวหรือพายุ[3]
กระทรวงคมนาคม ได้พิจารณาให้สะพานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562[4] ผู้ออกแบบจึงมีการออกแบบสะพานให้สื่อถึงพระองค์ในหลายส่วน เช่น ส่วนยอดของเสาสะพาน ซึ่งเปรียบเสมือนฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ ซึ่งภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) ประทานให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566[5] และนำมาประกอบพิธีประดิษฐานบนยอดเสาฝั่งพระนครเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ปีเดียวกัน[6], ตราพระปรมาภิไธยย่อ วปร., สายเคเบิลสีเหลือง สีประจำวันจันทร์ วันพระบรมราชสมภพของพระองค์, ประติมากรรมพญานาค ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมะโรง นักษัตรประจำปีพระบรมราชสมภพของพระองค์ คือ พ.ศ. 2495, เสาขึงรั้วกันกระโดด สื่อถึงต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์ เป็นต้น[7] ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า "ทศมราชัน" หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และจะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดสะพานด้วยพระองค์เอง ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในช่วงเดือนกรกฎาคมให้ตรงกับพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567[8] แต่ต่อมาได้เลื่อนไปเป็นช่วงเดือนตุลาคมตามสถานการณ์การก่อสร้างสะพาน
ภายหลังการก่อสร้างสะพานในด้านโครงสร้างและสถาปัตยกรรมได้เสร็จสิ้นลงตามสัญญาจ้างก่อสร้างหลักแล้ว ยังได้มีการประดับไฟเพื่อเพิ่มสีสันให้แก่สะพานอีกด้วย โดยสามารถเปลี่ยนสีไฟไปตามเทศกาลต่าง ๆ ได้ โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้
ไฟประดับสะพานนี้เปิดให้ประชาชนได้ชมในเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ เริ่มจากวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งมีการเปิดไฟสีฟ้า เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง[10]
สะพานทศมราชัน รับเหมาก่อสร้างโดยบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)[11] โดยมีการลงนามในสัญญารับเหมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562[12] และเริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 ใช้เวลาการก่อสร้าง 1,170 วัน (ประมาณ 39 เดือน) ด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 6,636,192,131.80 บาท[13] โดยเริ่มลงเสาเข็มเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีเดียวกัน[11] จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ได้ทำพิธีเทคอนกรีตจุดสุดท้ายเชื่อมต่อสะพานอย่างเป็นทางการ (Final Casting Ceremony) โดยศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี ทำให้โครงสร้างของสะพานขึงเชื่อมกัน 100% จากนั้นได้ทำการลาดยาง ตีเส้นผิวการจราจร เก็บรายละเอียดโครงสร้างเล็กน้อย รวมถึงการตกแต่งสถาปัตยกรรมเบื้องต้น เช่น การติดตั้งประติมากรรมพญานาค[14] จนแล้วเสร็จตามสัญญาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม[15] โดยปัจจุบันเข้าสู่กระบวนการทดสอบระบบสะพานส่วนต่าง ๆ[16] รวมถึงระบบไฟประดับสะพาน[17] อย่างไรก็ตาม สะพานแห่งนี้ยังขาดทางขึ้น-ลงทางฝั่งธนบุรี ซึ่งการก่อสร้างอยู่นอกเหนือจากสัญญาการก่อสร้างสะพาน และติดปัญหาการรื้อย้ายแนวท่อประปา และระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดจ่ายไฟฟ้าหล่อเลี้ยงให้กับพื้นที่ย่านใจกลางทางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร คือช่วงถนนสาทรถึงถนนสีลม ประกอบกับมีพื้นที่ทำงานที่จำกัด ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำงาน ทำให้การก่อสร้างทางขึ้น-ลงสะพานล่าช้า[18] จึงคาดว่าจะเปิดการจราจรบนสะพานได้ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567[16] ก่อนที่ต่อมาจะเลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม[19] เดือนกรกฎาคม และเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567[20] ตามลำดับ โดยเปิดให้รถสัญจรเป็นส่วนแรกของทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกตะวันตก ตั้งแต่ตัวสะพานไปจนถึงด่านสุขสวัสดิ์ ก่อนจะเปิดทางพิเศษสายนี้ตลอดสายอย่างเต็มรูปแบบในช่วงปี พ.ศ. 2568 หลังจากนั้นระยะหนึ่ง จะทำการปิดปรับปรุงสะพานพระราม 9 ครั้งใหญ่ต่อไป[21]
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยเปิดสะพานทศมราชัน เพื่อจัดกิจกรรม "Luck Lock Love รักล้นสะพาน" ขึ้น ในระหว่างวันที่ 14-18 และ 23-25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เพื่อฉลองเทศกาลวันวาเลนไทน์ และเฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปีของกระทรวงคมนาคม โดยมีกิจกรรมหลักคือการจดทะเบียนสมรสให้กับคู่รักที่ลงทะเบียนล่วงหน้าจำนวน 111 คู่ ตามจำนวนปีครบรอบของกระทรวงคมนาคม[22] ซึ่งในวันแรกที่มีการจัดกิจกรรม มีคู่รักมาจดทะเบียนสมรสบนสะพานจำนวน 45 คู่[23]
นอกจากนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยยังเตรียมจัดกิจกรรมอีก 1 กิจกรรม คือ มหกรรมการเดินวิ่ง "วิ่งข้ามเวลา สู่อนาคต" ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับกิจกรรม "วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ" บนสะพานพระราม 9 ที่จัดขึ้นพร้อมกับพิธีเปิดสะพาน เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567 แต่ต่อมาการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้เลื่อนออกไปจัดในช่วงพิธีเปิดสะพานแทน[24]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.