พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014–15
From Wikipedia, the free encyclopedia
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014–15 (หรือเรียกว่า บาร์คลีส์พรีเมียร์ลีก ด้วยเหตุผลด้านผู้สนับสนุน) เป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ 23 นับแต่เริ่มจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 เริ่มต้นฤดูกาลวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2014[4] และสิ้นสุดฤดูกาลวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2015.[5] มีทีมเข้าร่วมแข่งขันในลีก 20 ทีม โดยมี 17 ทีมเดิมจากฤดูกาลก่อน และอีก 3 ทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ โดยมี 2 ทีมที่ได้เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ ได้แก่ เลสเตอร์ซิตี, เบิร์นลีย์ และอีก 1 ทีมที่เป็นผู้ชนะในรอบเพลย์ออฟ คือ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์
ฤดูกาล | 2014–15 |
---|---|
ชนะเลิศ | เชลซี |
ตกชั้น | ฮัลล์ซิตี เบิร์นลีย์ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ |
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก | เชลซี แมนเชสเตอร์ซิตี อาร์เซนอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด |
ยูฟ่ายูโรปาลีก | ทอตนัมฮอตสเปอร์ ลิเวอร์พูล เวสต์แฮมยูไนเต็ด |
จำนวนการแข่งขันทั้งหมด | 380 |
จำนวนประตูทั้งหมด | 975 (2.57 ต่อนัด) |
ผู้ยิงประตูสูงสุด | เซร์คีโอ อะกูเอโร (26 ประตู)[1] |
ทีมเหย้าชนะสูงสุด | เซาแทมป์ตัน 8–0 ซันเดอร์แลนด์ (18 ตุลาคม 2014) |
ทีมเยือนชนะสูงสุด | สวอนซี ซิตี 0–5 เชลซี (17 มกราคม 2015) |
ประตูสูงสุด | เอฟเวอร์ตัน 3–6 เชลซี (30 สิงหาคม 2014) |
สถิติชนะติดต่อกันสูงสุด | 8 นัด[2] อาร์เซนอล |
สถิติไม่แพ้ติดต่อกันสูงสุด | 16 นัด[2] เชลซี |
สถิติไม่ชนะติดต่อกันสูงสุด | 13 นัด[2] เลสเตอร์ซิตี |
สถิติแพ้ติดต่อกันสูงสุด | 8 นัด[2] นิวคาสเซิลยูไนเต็ด |
ผู้เข้าชมมากที่สุด | 75,454 คน[3] แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0–1 เวสต์บรอมมิชอัลเบียน (2 พฤษภาคม 2015) |
ผู้เข้าชมน้อยที่สุด | 16,163 คน[3] ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 2–2 สโตกซิตี (20 กันยายน 2014) |
ผู้เข้าชมทั้งหมด | 13,746,753 คน[3] |
ผู้เข้าชมโดยเฉลี่ย | 36,175 คน[3] |
← 2013–14 2015–16 → |
นอกจากนี้แล้ว พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ยังทำสถิติมูลค่าการซื้อขายนักฟุตบอลในแต่ละทีมต่าง ๆ สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเพียงแค่ในการซื้อขายรอบแรก (ก่อนถึงวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2014 เวลา 22.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช) โดยมีมูลค่ารวมกันถึง 835 ล้านปอนด์ ซึ่งนอกจากจะทำลายสถิติสูงสุดของการซื้อขายรอบแรกที่เคยทำไว้เมื่อฤดูกาลก่อน คือ 630 ล้านปอนด์ เพียงเฉพาะยอดการซื้อขายเฉพาะแค่รอบแรกครั้งนี้ ยังมากกว่าสถิติซื้อขายทั้ง 2 รอบของฤดูกาลก่อนที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ คือ 760 ล้านปอนด์ อีกด้วย โดยทีมที่ทำสถิติซื้อตัวนักฟุตบอลสูงสุด คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในราคาเกือบ 150 ล้านปอนด์[6] อีกทั้งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ซื้อตัวอังเคล ดี มารีอา นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินามาจากเรอัลมาดริดในลาลิกาของสเปน ด้วยค่าตัวเกือบถึง 60 ล้านปอนด์ นับว่าเป็นสถิติสูงสุดของการซื้อขายตัวนักฟุตบอลของวงการฟุตบอลอังกฤษ นอกจากนี้แล้วภาพโดยรวมยังถือว่า ใช้จำนวนเงินซื้อขายนักฟุตบอลแพงกว่าลีกอื่น ๆ ในทวีปยุโรปด้วยกัน (เช่น ลาลิกาของสเปน หรือเซเรียอาของอิตาลี) ถึงเกือบเท่าตัว[7]
ผลการแข่งขัน เชลซี เป็นทีมที่ได้แชมป์ไป นับเป็นการครองตำแหน่งแชมป์เป็นสมัยที่ 5 โดยได้แชมป์ตั้งแต่การแข่งขัดนัดที่ 35 ซึ่งยังไม่จบฤดูกาล เนื่องจากทีมที่อยู่ตารางคะแนนอันดับ 2 และ 3 คือ แมนเชสเตอร์ซิตี และอาร์เซนอล ไม่สามารถทำคะแนนไล่ทันได้แล้ว โดยเชลซีเป็นฝ่ายเอาชนะ คริสตัลพาเลซ ไปได้ 1-0 ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ จากซ้ำลูกจุดโทษของเอแดน อาซาร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก นอกจากนี้แล้วเชลซียังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คือ เป็นทีมที่ขึ้นนำในตารางคะแนนตั้งแต่เริ่มเปิดฤดูกาล จนถึงจบ โดยที่ไม่มีทีมใดสามารถแซงขึ้นนำได้ [8]
นอกจากนี้แล้ว ในฤดูกาลนี้ยังมีสถิติใหม่เกิดขึ้น คือ การทำแฮตทริกเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยซาดิโน มาเน นักฟุตบอลชาวเซเนกัล ของเซาแทมป์ตัน ที่เอาชนะ แอสตันวิลลา ไปได้ถึง 6-1 ที่สนามเซนต์แมรีส์ โดยใช้เวลาไปทั้งหมดเพียง 2.56 นาที ทำลายสถิติเดิมของร็อบบี ฟาวเลอร์ ของลิเวอร์พูล ที่ทำไว้ 4.33 นาที ตั้งแต่ฤดูกาล 1994–95 ที่พบกับ อาร์เซนอล[9]