Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา [พะ-รด-รา-ชา] นามเดิม หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา (19 ธันวาคม พ.ศ. 2429 – 28 ธันวาคม พ.ศ. 2518) เป็นบิดาของนายกัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา อดีตองคมนตรี ผู้บัญชาการ (อธิการบดี) คนที่ 2 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ปลัดเทศบาลนครกรุงเทพคนแรก และอดีตสมาชิกวุฒิสภา
พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) | |
---|---|
อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | |
ดำรงตำแหน่ง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2472 – 1 กันยายน พ.ศ. 2475 (2 ปี 265 วัน) | |
ก่อนหน้า | พระยาอนุกิจวิธูร (สันทัด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) |
ถัดไป | แอลเลอร์ เอลลิส |
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย | |
ดำรงตำแหน่ง 1 มกราคม พ.ศ. 2486 – 28 ธันวาคม พ.ศ. 2518 (32 ปี 361 วัน) | |
ก่อนหน้า | พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน) |
ถัดไป | กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 19 ธันวาคม พ.ศ. 2429 |
เสียชีวิต | 28 ธันวาคม พ.ศ. 2518 (89 ปี) |
คู่สมรส | ท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา |
บุตร | กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา อายุส อิศรเสนา ณ อยุธยา สุคนธา โบเยอร์ ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์ |
บุพการี |
|
พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) เป็นบุตรของหลวงราชดรุณรักษ์ (หม่อมราชวงศ์สะอาด อิศรเสนา) กับนางเอี่ยม ราชดรุณรักษ์ (สกุลเดิม ตุลยานนท์) เกิดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2429 ที่บ้านถนนพระสุเมรุ ตำบลผ่านฟ้าลีลาศ อำเภอชนะสงคราม จังหวัดพระนคร[1] เริ่มเรียนหนังสือที่บ้านก่อน แล้วจึงเข้ารับการศึกษาเบื้องต้นต่อที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ (ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร) ต่อมาย้ายไปเรียนที่วัดมหาธาตุและโรงเรียนราชวิทยาลัย (ปัจจุบันคือ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์) ตามลำดับ ปี พ.ศ. 2446 จึงได้รับทุนกระทรวงธรรมการไปศึกษาวิชาครูที่ประเทศอังกฤษ โดยเข้าเรียนที่โรงเรียนเอาน์เดอล และมหาวิทยาลัยลอนดอน และได้เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2447[2] พ.ศ. 2453 ก่อนจบการศึกษาเพียงภาคเดียว กระทรวงธรรมการก็เรียกตัวกลับมารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบและโรงเรียนราชวิทยาลัย โดยได้กลับเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2453[3]สอนได้เพียงปีเดียวก็ย้ายไปสอนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่ตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งต่อมาได้ย้ายไปที่สวนกระจัง (ปัจจุบันคือวชิราวุธวิทยาลัย) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิชาการ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงอภิบาลบุริมศักดิ์ ถือศักดินา 400[4]
ปี พ.ศ. 2454 ย้ายกลับไปรับราชการกระทรวงธรรมการและเปลี่ยนราชทินนามเป็น หลวงประพันธ์เนติประวัติ เมื่อปี พ.ศ. 2458 ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองสอบไล่วิชา วันที่ 31 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2459 เป็น พระปรีชานุสาสน์ และเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2463 จึงเลื่อนเป็น พระยาภะรตราชา ถือศักดินา 1,600[5] และเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลนักเรียนไทยในอังกฤษทำหน้าที่ระหว่าง ปี พ.ศ. 2464 – พ.ศ. 2469 รวมเวลา 5 ปี และเป็น 1 ใน 58 ของนักเรียนเก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ ที่ร่วมก่อตั้งสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้นในต่างประเทศ
หลังจากกลับจากประเทศอังกฤษได้มาเป็นเลขานุการเสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ แล้วจึงย้ายไปเป็นคณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2470 ต่อมาอีก 2 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2472 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คนที่ 2 ต่อจากพระยาอนุกิจวิธูร (สันทัด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และในช่วงเดียวกันได้ทำหน้าที่ผู้รักษาการคณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปพร้อมกัน จนออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 พระยาภะรตราชาได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดเทศบาลนครกรุงเทพคนแรกในสมัยที่พลเอก เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เป็นนายกเทศมนตรี ต่อมาได้เป็นเทศมนตรีหลายสมัยและเป็นสมาชิกวุฒิสภาสองสมัย ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2486 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย กระทั่งถึงแก่อนิจกรรม รวมเวลาที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวถึง 39 ปี
พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) สมรสกับท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา (สกุลเดิม ทับเป็นไทย) คุณข้าหลวงในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2455 โดยจอมพล สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงพระกรุณาสวมมงคลและพระราชทานน้ำสังข์ แล้วคู่สมรสได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสนี้ทรงพระมหากรุณาพระราชทานเงินทุนแก่คู่สมรสเป็นจำนวน 100 ชั่ง (8,000 บาท)[6] มีบุตร ธิดารวม 6 คน ดังนี้
พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) กราบถวายบังคมลาถึงอนิจกรรมเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ที่เรือนพักในวชิราวุธวิทยาลัย สิริอายุ 89 ปี 9 วัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเกียรติยศพิเศษเสมอด้วยองคมนตรี โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศพที่ศาลาบัณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมของหลวงมีกำหนด 7 คืน สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมมีกำหนด 7 คืน และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมอีก 1 คืน แล้วทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 50 และ 100 วันพระราชทานตามลำดับ ถึงกำหนดพระราชทานเพลิงศพ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เป็นกรณีพิเศษ[7]
พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) เป็นครูตลอดจนวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเกียรติประวัติอันงดงามยิ่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้อนุมัติปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2511
เรือนภะรตราชา เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ รูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียล ได้รับการบูรณะเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานและเป็นการระลึกถึงพระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) อาคารได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2540
หอสมุดภะรตราชา เป็นอาคารชั้นเดียว ซึ่งพระยาภะรตราชาได้บริจาคทุนทรัพย์จำนวน 200,000 บาท สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นหอสมุดวชิราวุธวิทยาลัย โดย พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดหอสมุดเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2506 และต่อมาในคราวฉลองหนึ่งศตวรรษชาตกาลพระยาภะรตราชา เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2529 คณะนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยนำโดย พลตำรวจตรีจักร จักษุรักษ์ ได้พร้อมกันบริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างอาคารหอสมุดไปทางทิศตะวันออกของอาคารเดิมเพิ่มเติมอีก 1 หลัง พร้อมทั้งทำทางเชื่อมต่ออาคารทั้งสองเข้าด้วยกัน และได้ขออนุญาตขนานนามอาคารหอสมุดทั้งส่วนเก่าและที่ต่อเติมใหม่นั้นว่า “หอสมุดภะรตราชา” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระยาภะรตราชาสืบมาแต่บัดนั้น [35]
ลำดับสาแหรกของพระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.