Loading AI tools
การลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2022 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถูกลอบสังหารในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ระหว่างที่อาเบะกำลังปราศรัยเพื่อหาเสียงที่งานกิจกรรมทางการเมืองนอกสถานียามาโตะ-ไซไดจิในนครนาระ จังหวัดนาระ ประเทศญี่ปุ่น[2][3][4] ขณะที่อาเบะกำลังปราศรัยเพื่อหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เขาถูกยิงจากด้านหลังในระยะใกล้ด้วยปืนประดิษฐ์[1] อาเบะได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์นาระโดยเฮลิคอปเตอร์พยาบาล ที่ซึ่งคณะแพทย์ของโรงพยาบาลประกาศการเสียชีวิตของเขา[5]
การลอบสังหารชินโซ อาเบะ | |
---|---|
อาเบะในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 | |
สถานที่ | ใกล้สถานีรถไฟยามาโตะ-ไซไดจิ นครนาระ จังหวัดนาระ ประเทศญีปุ่น |
พิกัด | 34°41′38.6″N 135°47′02.2″E |
วันที่ | 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 ป. 11:30 JST (UTC+09:00) |
เป้าหมาย | ชินโซ อาเบะ |
ประเภท | การลอบสังหารโดยการยิง |
อาวุธ | ปืนประดิษฐ์[1][lower-alpha 1] |
ตาย | 1 (ชินโซ อาเบะ) |
เหตุจูงใจ | ความคับข้องใจต่อโบสถ์แห่งความสามัคคีและความเชื่อที่ว่าอาเบะและลัทธิมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด |
ผู้ต้องสงสัย เท็ตสึยะ ยามางามิ ถูกจับกุมในข้อหาพยายามฆ่า ณ ที่เกิดเหตุ จากนั้นถูกปรับใหม่เป็นฆาตกรรมหลังการเสียชีวิตของอาเบะ ยามางามิกล่าวกับตำรวจสืบสวนว่าเขาเก็บความขุ่นแค้นที่มีต่อโบสถ์แห่งความสามัคคี (Unification Church; บ้างเรียก ลัทธิมูนนี) ซึ่งเป็นเหตุให้มารดาของเขาล้มละลาย และตัดสินใจยิงอาเบะโดยเชื่อว่าอาเบะมีความสัมพันธ์กับกลุ่มดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยยังกล่าวหาอาเบะว่าเป็นผู้ขยายอิทธิพลของโบสถ์ในประเทศญี่ปุ่น[6]
ผู้นำจากหลากหลายประเทศยกย่องความสำเร็จของอาเบะ ขณะแสดงความสะเทือนใจและความโศกเศร้าต่อการเสียชีวิตของเขา[7] อาเบะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกลอบสังหารนับตั้งแต่ ไซโต มาโกโตะ และ ทากาฮาชิ โคเรกิโยะ ในเหตุการณ์ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479[8]
ชินโซ อาเบะ รวมถึงบิดาของเขา ชินตาโร อาเบะ และตาของเขา คิชิ โนบูซูเกะ มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับโบสถ์แห่งความสามัคคีซึ่งเป็นขบวนการศาสนาใหม่ที่มักได้รับข้อโต้แย้งโดยสาธารณชน ก่อตั้งโดย ซ็อน มย็อง มูน ในประเทศเกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่ของโบสถ์เดินทางไปที่บ้านของคิชิซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง[9] รายงานโดยคณะอนุกรรมาธิการสืบสวนสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ใน พ.ศ. 2521 โบสถ์แห่งความสามัคคีก่อตั้งโดยอธิบดีสำนักข่าวกรองกลางเกาหลีใต้ คิม ช็อง-พิล เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการสร้างอิทธิพลต่อการเมืองสากลในนามของ พัก จ็อง-ฮี ผู้จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา[10] โบสถ์เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าได้รับการสนับสนุนจากพรรคเสรีประชาธิปไตยตั้งแต่การเข้ามามีส่วนร่วมของโนบูซูเกะในท้ายคริสต์ทศวรรษ 1950 อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้ถูกเพิกเฉยโดยนักข่าวญี่ปุ่น[11]
ใน ค.ศ. 2006 ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวาระแรกของเขา อาเบะและรัฐมนตรีหลายคนส่งโทรเลขแสดงความยินดีแก่สหพันธ์สันติภาพสากล (Universal Peace Federation; UPF) องค์การนอกภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโบสถ์[12] สิบเดือนก่อนการลอบสังหาร ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2021 อาเบะออกอากาศระหว่างพูดสุนทรพจน์ความยาว 5 นาที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการงานรวมตัวสมาชิกสหพันธ์สันติภาพสากล โดยมีการปรากฏตนของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และบุคคลสำคัญในต่างประเทศอื่น ๆ[13]
อ้างอิงจากนักประวัติศาสตร์ ประเทศญี่ปุ่นได้มอบความช่วยเหลือกว่า 70% ของทรัพย์สินของโบสถ์แห่งความสามัคคี โบสถ์ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสิ่งที่เรียกว่า "การซื้อขายทางจิตวิญญาณ" (spiritual sales) ในประเทศ สตีฟ ฮัสซัน อดีตสมาชิกโบสถ์ได้อธิบายการซื้อขายทางจิตวิญญาณว่าคือสมาชิกโบสถ์ที่ตรวจสอบหาข่าวมรณกรรม (parishioners scanning obituaries) ไปเคาะประตูชาวบ้าน และบอกกับพวกเขาว่า "ผู้วายชนม์ที่ท่านรักกำลังสื่อสารกับเรา ด้วยเหตุนี้ ขอให้ท่านไปที่ธนาคารและส่งเงินให้แก่โบสถ์แห่งความสามัคคีเพื่อให้ผู้เป็นที่รักของท่านสามารถเดินทางขึ้นสู่สวรรค์ไปยังโลกแห่งวิญญาณ"[14]
ใน พ.ศ. 2530 ทนายความกว่า 300 คนในประเทศญี่ปุ่นจัดตั้งสมาคมที่เรียกว่า เครือข่ายทนายความต่อต้านการซื้อขายทางจิตวิญญาณแห่งชาติ[lower-alpha 2] เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ถูกบังคับให้บริจาคเป็นจำนวนมากหรือซื้อสินค้าราคาแพงจากโบสถ์แห่งความสามัคคี[15] [16] อ้างอิงจากสถิติที่รวบรวมโดยทนายความของสมาคมระหว่าง พ.ศ. 2530 ถึง 2564 สมาคมและศูนย์ผู้บริโภคของรัฐบาลท้องถิ่นได้รับ 34,537 ข้อร้องเรียนซึ่งกล่าวหาว่าโบสถ์ได้บังคับผู้คนให้บริจาคเงินก้อนใหญ่หรือสินค้าจำนวนมากอย่างไม่สมเหตุสมผลซึ่งมีมูลค่าราว 123.7 พันล้านเยน[17]
ตามกำหนดการ อาเบะจะกล่าวปราศรัยในจังหวัดนางาโนะ ในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อเป็นการสนับสนุนแก่ ซันชิโร มัตสึยามะ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกราชมนตรีสภาจังหวัดนางาโนะจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังมีขึ้นในวันที่ 10 กรกฎาคม[18] แต่การขึ้นกล่าวปราศรัยต้องถูกยกเลิกอย่างกะทันหันในวันที่ 7 กรกฎาคม[18] หลังมัตสึยามะหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาได้รับการกล่าวหาว่าประพฤติตนโดยมิชอบและการทุจริต[19][20] และได้รับการแทนที่โดยกิจกรรมที่ใกล้เคียงกันในจังหวัดนาระ ที่ซึ่งอาเบะจะกล่าวปราศรัยสนับสนุน เค ซาโต สมาชิกราชมนตรีสภาสังกัดพรรคเสรีประชาธิปไตยที่กำลังหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ในจังหวัด[21] สำนักงานตัวแทนพรรคเสรีประชาธิปไตยในจังหวัดนาระแถลงว่ากำหนดการดังกล่าวไม่ได้เป็นที่รู้จักโดยประชาชนทั่วไป[22] ขณะที่เอ็นเอชเครายงานว่ากิจกรรมทางการเมืองนี้ได้รับการโฆษณาอย่างกว้างขวางบนทวิตเตอร์และโดยรถเครื่องเสียง[23]
ในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลาประมาณ 11:10 น. ซาโตขึ้นพูดบนทางแยกของถนนใกล้ทางออกเหนือของสถานียามาโตะ-ไซไดจิในนาระ อาเบะมาถึง 9 นาทีให้หลัง และเริ่มกล่าวปราศรัยในเวลาประมาณ 11:29 น.[23][22]
วิดีโอหลายคลิปจากแหล่งข้อมูลภายนอก | |
---|---|
การจำลองเหตุยิงใหม่ | |
2 นาที 26 วินาทีก่อนการยิงชินโซ อาเบะ, เดอะนิกเก[24] |
ขณะอาเบะกำลังกล่าวปราศรัย ผู้ก่อการที่ถูกกล่าวหาสามารถเข้าถึงตัวได้ภายในไม่กี่เมตรแม้จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้อารักขาอยู่[25] เวลาประมาณ 11:30 น. เมื่ออาเบะพูดว่า "เขา [ซาโต] แทนที่กำลังคิดว่าทำไมถึงทำไม่ได้..."[26] อาเบะถูกยิงสองครั้งจากด้านหลังด้วยปืนประดิษฐ์[lower-alpha 1][1][30] ที่คล้ายกับปืนลูกซองตัดลำกล้อง (sawed-off shotgun) หรือ ปืนลูกซองแฝด[27][30] กระสุนยิงนัดแรกพลาด ทำให้อาเบะหันมาทางด้านหลังโดยทันที ส่งผลให้กระสุนปืนจากการยิงนัดที่สองอย่างรวดเร็วโดนบริเวณลำคอและหน้าอกของอาเบะ[31][32][33] อาเบะก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย ล้มลงทั้งยืน และฟุบตัวนอนแนบพื้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาเบะควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืน[34][35]
แหล่งข่าวจากตำรวจบอกกับเอ็นเอชเคว่าตอนแรกหลังจากถูกยิง อาเบะยังรู้สึกตัวและสื่อสารได้[36] แพทย์ที่มาถึง ณ ที่เกิดเหตุกล่าวว่าไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าอาเบะมีสติสัมปชัญญะ[37] เพียงไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินนำเขาส่งโรงพยาบาลท้องถิ่น อาเบะมีบาดแผลที่คอด้านขวา และใต้อกซ้ายของเขามีเลือดออกอยู่ภายใน มีรายงานว่าอาเบะไม่แสดงสัญญาณชีพเมื่อเขาถึงโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์นาระในคาชิฮาระ[2][38] โดยอาจเป็นเพราะภาวะหัวใจหยุดเต้นก่อนการมาถึงโรงพยาบาลของเขา[39][2][38] ในเวลา 14:45 น. ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี จัดงานแถลงข่าวโดยกล่าวว่าอาเบะอยู่ในสภาวะวิกฤต และแพทย์ "กำลังทำทุกอย่าง[เท่าที่ทำได้]"[40]
แม้คณะแพทย์พยายามอย่างสุดความสามารถ อาเบะได้รับการประกาศว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลา 17:03 น. ประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่งหลังจากถูกยิง[5][41][42] ด้วยอายุ 67 ปี หลังการเสียชีวิตของเขา ฮิเดตาดะ ฟูกูชิมะ แพทย์ประจำโรงพยาบาล กล่าวว่าสาเหตุการตายของอาเบะคือการเสียเลือดแม้จะมีการถ่ายเลือดกว่า 100 หน่วย[lower-alpha 3][43][44] การชันสูตรพลิกศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปผลว่าอาเบะเสียชีวิตจากการเสียเลือดหลังกระสุนทำให้หลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้าได้รับความเสียหาย[45]
อาเบะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนแรกที่ถูกลอบสังหารหลังจากไซโต มาโกโตะ และทากาฮาชิ โคเรกิโยะ ถูกฆ่าในเหตุการณ์ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479[46] สมาชิกสภานิติบัญญัติญี่ปุ่นคนแรกที่ถูกลอบสังหารหลังจากโคกิ อิชิอิ ถูกฆ่าโดยสมาชิกกลุ่มฝั่งขวาใน พ.ศ. 2545 และนักการเมืองญี่ปุ่นคนแรกที่ถูกฆ่าในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งหลังจากอิจโจ อิโต ที่ต่อมาเป็นนายกเทศมนตรีนครนางาซากิถูกยิงในระหว่างการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในเดือนเมษายน พ.ศ. 2550[47][48]
ในเวลา 11:45 น. รัฐบาลญี่ปุ่นจัดตั้งสำนักประสานงานภายใต้ศูนย์จัดการภาวะวิกฤตที่สำนักนายกรัฐมนตรี[49][50] ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี ขณะกำลังหาเสียงในนครซางาเอะ จังหวัดยามางาตะ ในตอนเที่ยง ยกเลิกกำหนดการการหาเสียงที่เหลือของตนและเดินทางกลับสำนักงานนายกรัฐมนตรี ณ กรุงโตเกียว ในเวลา 14:29 น.[51][38] อ้างอิงจากหัวหน้าเลขาธิการรัฐมนตรี ฮิโรกาซุ มัตสึโนะ คณะรัฐมนตรีคิชิดะถูกเรียกตัวกลับโตเกียวทุกคน ยกเว้น โยชิมาซะ ฮายาชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่กำลังเข้าร่วมการประชุมจี20 ในประเทศอินโดนีเซีย[52] หลังจากการลอบสังหาร คิชิดะ สั่งให้มีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแก่รัฐมนตรีและนักการเมืองชั้นนำในญี่ปุ่น[53] มีการส่งตำรวจรักษาความปลอดภัย (Security Police; SP) เพื่อให้การอารักขาแก่ อากิเอะ อาเบะ หญิงม่ายของอาเบะ หลังจากเธอเดินทางถึงเกียวโตเป็นมาตรการป้องกันภัยล่วงหน้า[54]
ผู้นำทางการเมืองส่วนใหญ่ยกเลิกการหาเสียงทุกงานในวันที่ 8 กรกฎาคม หลังจากการโจมตี และกลับมาเริ่มหาเสียงอีกครั้งในวันถัดไป 9 กรกฎาคม โดยผู้นำพรรคการเมืองหลักให้คำมั่นว่าจะไม่ยินยอมให้ความรุนแรงเข้ามาแทรกแซงกระบวนการประชาธิปไตย[55][56]
เอ็นเอชเคเจเนอรัลทีวีเครือข่ายโทรทัศน์เชิงพาณิชย์ทั้งหมด 4 จาก 5 เครือข่าย รวมถึงสถานีวิทยุ ยกเลิกหรือเลื่อนตารางการออกอากาศรายการเพื่อถ่ายทอดรายการข่าวสดตลอดทั้งวัน[57][58][59][60] ในบรรดารายการที่ได้รับผลกระทบ ตอนที่สองทั้งตอนของอนิเมะเทปเปน—!!! ถูกยกเลิกเนื่องจากมีโครงเรื่องเกี่ยวกับการลอบสังหาร จากเดิมมีการกำหนดออกอากาศในวันที่ 9 กรกฎาคม[61][62][63][64]
เวลาประมาณ 21:00 น. ในวันที่เกิดเหตุการณ์ โยชิฮิเดะ ซูงะ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมอาเบะที่โรงพยาบาล[65] และ ฮิโรกาซุ มัตสึโนะ ตามเข้าเยี่ยมหลังจากซูงะด้วย[66]
ร่างของอาเบะจะต้องเข้ารับการชันสูตรพลิกศพทางตุลาการ (judicial autopsy) และนำร่างออกจากโรงพยาบาลพร้อมด้วยภรรยาของเขา อากิเอะ อาเบะ ในเวลา 05:55 น. ในวันที่ 9 กรกฎาคม[67] ขบวนรถยนต์ที่เกี่ยวข้อง 5 คัน บรรทุกร่างของอาเบะ, โทโมมิ อินาดะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศนั่งอยู่หนึ่งในห้าคันนั้น เวลา 13:35 น. พวกเขามาถึงที่บ้านพักของอาเบะในโตเกียว เมื่อมาถึง ซานาเอะ ทากาอิจิ ประธานคณะกรรมการวิจัยนโยบายพรรคเสรีประชาธิปไตย, ทัตสึโอะ ฟูกูดะ , ประธานคณะกรรมการสามัญพรรคเสรีประชาธิปไตย[68] และ ฮิซาชิ ฮิเอดะ ประธานฟูจิซันเกคอมมูนิเคชันกรุป (Fujisankei Communications Group) ผู้มีมิตรภาพร่วมกับอาเบะ ยืนต้อนรับ หลังจากนั้น คิชิดะเข้าเยี่ยมแสดงความเสียใจ และอดีตนายกรัฐมนตรี โยชิโร โมริ และ จุนอิจิโร โคอิซูมิ, ฮิโรยูกิ โฮโซดะ (ประธานสภาผู้แทนราษฎร), อากิโกะ ซันโต (ประธานราชมนตรีสภา), โทชิฮิโระ นิไก (อดีตเลขาธิการพรรคเสรีประชาธิปไตย), โคอิจิ ฮางิอูดะ (ผู้ช่วยใกล้ชิดอาเบะและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม), เท็ตสึโอะ ไซโต (นักการเมืองสังกัดพรรคโคเมโต และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว) และ ยูริโกะ โคอิเกะ (ผู้ว่าราชการมหานครโตเกียว) เข้าเยี่ยมแสดงความเสียใจเช่นกัน[69]
ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 กรกฎาคม มีการย้ายหีบศพของอาเบะไปยังวัดโซโจจิที่สวนสาธารณะชิบะในเขตมินาโตะของโตเกียว[70][71] การเฝ้าศพอาเบะเริ่มต้นในเวลา 18:00 น.[70] อ้างจากพรรคเสรีประชาธิปไตย มีผู้เข้าร่วมพิธีกว่า 2,500 คน[72]
พิธีศพตามศาสนาพุทธโดยนักบวชนิกายโจโดะจัดขึ้นที่วัดโซโจจิในวันถัดไป พิธีศพถูกจำกัดผู้เข้าร่วมที่ครอบครัวของอาเบะและสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตยบางคน หลังพิธีศพ มีการเคลื่อนย้ายหีบศพของอาเบะเดินทางผ่านย่านนางาตาโจโดยมีฝูงชนขนาดใหญ่ชมขบวนรถยนต์จากทางเท้า[73] หีบศพเคลื่อนผ่านอาคารหอประชุมพรรคเสรีประชาธิปไตย,[74] อาคารสภานิติบัญญัติแห่งชาติและทำเนียบนายกรัฐมนตรี, ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปยังโรงประกอบพิธีฌาปนกิจศพคิริงายะในเขตชินางาวะเพื่อประกอบการฌาปนกิจศพเป็นการส่วนตัว[75][76] ระหว่างพิธีศพ อาเบะได้รับชื่อพุทธหลังเสียชีวิต (ไคเมียว) ซึ่งสะท้อนชีวิตของเขาบนเวทีการเมือง[lower-alpha 4]
มีการวางแผนการจัดพิธีอำลาหลังพิธีศพเสร็จสิ้น[70] สถานที่จัดวางแผนไว้ภายในเขตเลือกตั้งจังหวัดยามางูจิที่ 4 และโตเกียว[73]
เท็ตสึยะ ยามางามิ | |
---|---|
山上徹也 | |
เกิด | [77] จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น | 10 กันยายน ค.ศ. 1980
สถานะการจับกุม | ถูกจับกุมแล้ว |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
แผนก/ | กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น |
ประจำการ | ค.ศ. 2002–2005 |
ชั้นยศ | จ่าเอก |
เท็ตสึยะ ยามางามิ (ญี่ปุ่น: 山上徹也; โรมาจิ: Tetsuya Yamagami) ชายวัย 41 ปีที่อาศัยอยู่ในนครนาระถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดนาระ ณ ที่เกิดเหตุ บนฐานของเหตุอันควรสงสัยว่าพยายามฆ่าผู้อื่น ทั้งนี้หลังมีการประกาศการเสียชีวิตของอาเบะ ข้อกล่าวหาถูกปรับเป็นการฆาตกรรม ยามางามิถูกจับกุมและนำตัวส่งสถานีตำรวจนาระนิชิ[78] ตามคำบอกเล่า เขาอยู่ในอาการสงบและไม่ได้มีท่าทีที่จะหลบหนี[79][80][81] ยามางามิไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน[82] จวบจนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการต่อยามางามิที่กำลังถูกควบคุมตัวที่สำนักงานอัยการระหว่างการสอบสวน[75]
เท็ตสึยะ ยามางามิ เกิดในจังหวัดมิเอะ[83] ยามางามิเติบโตในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและเปิดกิจการการก่อสร้าง[84] ตามคำบอกเล่า เขาเป็นคนเงียบและเก็บตัวในโรงเรียนมัธยมปลาย[85][86][87] เขาเขียนในหนังสือรุ่นว่าเขา "คิดไม่ออกเลย" ว่าเขาอยากทำอะไรในอนาคต[88][89] แม้ว่ายามางามิจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียง เขาไม่สามารถศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้เนื่องจากปัญหาทางการเงินของครอบครัวเขา ขณะที่ยามางามิยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตาของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้แม่ของเขาต้องเข้าดูแลกิจการก่อสร้าง[90]
ยามางามิเข้าร่วมกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น (JMSDF) ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2545 เขาถูกส่งให้ไปประจำที่ฐานทัพเรือคูเระและได้รับการมอบหมายตำแหน่งในเรือพิฆาตชื่อ เจเอส มัตสึยูกิ[91][88][92] ยามางามิถูกปลดจากตำแหน่งในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 ด้วยตำแหน่งทหารพลาธิการ[91] พร้อมกับยศจ่าเอก[85]
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ยามางามิเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้ควบคุมรถยกในจังหวัดเกียวโตให้แก่บริษัทผู้ผลิตที่ดำเนินกิจการในภูมิภาคคันไซ[93] ตามคำบอกเล่าของผู้คนที่นั่น เขาเป็นคนเงียบครึม และกล่าวว่ายามางามิออกจากงานในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 หลังเขาอ้างว่าเขา "รู้สึกไม่ค่อยดี"[94][88][95] ยามางามิเป็นผู้ว่างงานในเวลาที่เขาถูกจับกุม[94][84]
ยามางามิบอกตำรวจสืบสวนว่าแรงจูงใจของเขาเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องทางการเมือง[96][97][98][99] หลังจากเข้าร่วมโบสถ์แห่งความสามัคคีในช่วง พ.ศ. 2534 ถึง 2541[lower-alpha 5][100] แม่ของเขาได้มอบเงินราว 100 ล้านเยน, แปลงที่ดินซึ่งตกทอดมาจากพ่อของเธอ และบ้านที่เธออยู่ร่วมกับลูกสามคน ภายหลังแม่ของยามางามิได้รับการประกาศให้ล้มละลายใน พ.ศ. 2545[101]
ยามางามิกล่าวอ้างว่าเขาเคยพยายามกระทำอัตวินิบาตกรรมใน พ.ศ. 2548 ด้วยความหวังที่จะมอบสิทธิประโยชน์ของประกันชีวิตให้แก่พี่น้องของเขา[100] พี่ชายคนโตของยามางามิที่กำลังต่อสู้กับมะเร็งอย่างยาวนานไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ เขาเสียชีวิตจากอัตวินิบาตกรรมใน พ.ศ. 2558[102] อ้างถึงลุงของเขา เหตุการณ์ดังกล่างส่งผลให้ยามางามิซึมเศร้า[100][103]
ยามางามิต่อว่าโบสถ์ที่ก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินของครอบครัวเขาและเก็บความคับข้องใจที่มีต่อโบสถ์[104][105] หลังเขาค้นคว้าความสัมพันธ์ระหว่างโบสถ์และอาเบะช่วงหลายเดือนก่อนการโจมตี เขาเชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เผยแพร่อิทธิพลของโบสถ์ในประเทศญี่ปุ่น[106]
ในวันที่ 11 กรกฎาคม ความเกี่ยวข้องของแม่ของยามางามิกับโบสถ์แห่งความสามัคคีได้รับการยืนยันโดย โทโมฮิโระ ทานากะ ประธานโบสถ์สาขาโตเกียวภายในงานแถลงข่าว[107][108] ทานากะกล่าวว่าแม่ของยามางามิเข้าร่วมโบสถ์ครั้งแรกใน พ.ศ. 2541 หยุดเข้าร่วมในช่วง พ.ศ. 2552 และกลับมาสร้างความสัมพันธ์กับโบสถ์ใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2562 หรือ พ.ศ. 2563[109] เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนทรัพย์สินที่บริจาคโดยแม่ของยามางามิตั้งแต่การเข้าร่วมของเธอใน พ.ศ. 2541 โดยอ้างว่าขาดบันทึกการบริจาคของเธอ[107][110] ทานากะยังไม่ได้กล่าวแสดงความสำคัญถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างองค์กรและอาเบะตามที่ถูกกล่าวหา โดยกล่าวว่าอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นสมาชิกจดทะเบียนหรือที่ปรึกษาของโบสถ์ หากแต่กล่าวสุนทรพจน์แก่ "องค์กรที่เป็นมิตร" ของพวกเขา ซึ่งก็คือโบสถ์แห่งความสามัคคีเพียงเท่านั้น[111][112][113]
ในวันที่ 14 กรกฎาคม โบสถ์ได้เผยแพร่แถลงการณ์อ้างว่าก่อนการลอบสังหาร พวกเขาได้ตกลงร่วมกันว่าจะคืนเงินจำนวน 50 ล้านเยนที่ได้รับบริจาคโดยแม่ของยามางามิในช่วง พ.ศ. 2547 ถึง พ.ศ. 2558 และไม่มีบันทึกการบริจาคครั้งใหม่เพิ่มเติมโดยเธอหลังจากการคืนเงิน[114]
สื่อหลายสำนักระบุตัวตนของผู้สังหารว่าเป็น ฮิเดโอะ โคจิมะ โดยผิดพลาด[115][116][117][118][119] มีผู้กล่าวว่าการรายงานที่ผิดพลาดมีต้นกำเนิดจากมุกตลกในบอร์ดข้อความออนไลน์ โฟร์แชนและทวิตเตอร์ ซึ่งนักการเมืองฝ่ายขวาจัดชาวฝรั่งเศส ดาเมียง ริว ,[120][121] สำนักข่าวกรีก ANT1 และเว็บไซต์สัญชาติอิหร่าน Mashregh News ได้เผยแพร่ข้อมูลนั้นโดยเข้าใจว่าเป็นข้อเท็จจริงในเวลาต่อมา[115][122] ANT1 รายงานเพิ่มเติมว่าผู้ต้องสงสัย "มีความลุ่มหลงในเช เกบารา"[123] สำนักข่าวอัปโหลดวิดีโอข่าวลงยูทูบก่อนจะถูกลบออกไป[124] ริวลบทวีตของเขาออกและเผยแพร่คำขอโทษ[125][120] บริษัทของโคจิมะ โคจิมะโปรดักชัน ประณามการรายงานที่เป็นเท็จและขู่จะดำเนินคดีทางกฎหมายต่อผู้ที่ยังเผยแพร่ข่าวลือดังกล่าว[126][115][119]
30 นาทีหลังการยิง มีสายโทรศัพท์ข่มขู่เตือนการโจมตีสำนักงานของมัตสึยามะผู้ซึ่งเป็นคนแรกในหมายกำหนดการของอาเบะที่เขาจะกล่าวปราศรัยให้[127] ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมในวันถัดมา[128]
ประมาณไม่กี่ชั่วโมงหลังเหตุยิง มีการข่มขู่ว่าจะลอบสังหารทางออนไลน์ในสิงคโปร์และสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ต่อผู้นำของพวกเขา นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน ไช่ อิงเหวิน ตามลำดับ ในสิงคโปร์ ชายอายุ 45 ปีถูกจับกุมที่บ้านของเขาโดยกองบังคับการตำรวจกลาง (Central Police Division) หลังเขาแสดงความคิดเห็นข่มขู่ว่าจะลอบสังหารลีในรายงานข่าวการลอบสังหารอาเบะบนเฟซบุ๊กของซีเอ็นเอ[129] และในไต้หวัน ชายอายุ 22 ปีจากไถหนานถูกจับกุมที่บ้านของเขาในเขตหย่งกัง ควบคุมตัวส่งสถานีตำรวจท้องถิ่น และโอนไปให้สำนักงานอัยการเขตไถหนานจากการข่มขู่ในทำนองเดียวกัน[130]
ประเทศไทยยังมีการกำชับการรักษาความปลอดภัยข้าราชการรัฐบาลและได้วางแผนเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกที่จะจัดขึ้นในกรุงเทพมหานครในวันที่ 17–18 พฤศจิกายน[131]
นายกรัฐมนตรีปัจจุบัน ฟูมิโอะ คิชิดะ เรียกการลอบสังหาร "การกระทำที่ให้อภัยไม่ได้" และ "การกระทำอันป่าเถื่อนอย่างขี้ขลาด"[132][133] โดยให้ความสำคัญว่าอาเบะถูกยิงขณะกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง คิชิดะประณามการลอบสังหารว่าเป็นการโจมตีประชาธิปไตยของประเทศญี่ปุ่นและให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้อง "การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมทุกวิถีทางที่ทำได้"[134]
ก่อนการเสียชีวิตของอาเบะจะได้รับการประกาศ ผู้ว่าราชการมหานครโตเกียว ยูริโกะ โคอิเกะ แถลงว่า "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การกระทำอันชั่วร้าย นั้นไม่สามารถให้อภัยได้โดยเด็ดขาด อีกทั้งยังเป็นการดูหมิ่นประชาธิปไตย[ของประเทศญี่ปุ่น]"[135] คาซูโอะ ชิอิ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นเรียกการลอบสังหาร "ป่าเถื่อน", การโจมตีเสรีภาพในการพูดและเป็นการกระทำการก่อการร้ายในโพสต์บนทวิตเตอร์[136] โทโมฮิโกะ ทานิงูจิ อดีตที่ปรึกษาของอาเบะ เปรียบเทียบการเสียชีวิตของเขากับการลอบสังหารจอห์น เอฟ. เคนเนดีในแง่ของผลประทบทางสังคมในประเทศญี่ปุ่น[137]
โทโมอากิ โอนิซูกะ หัวหน้าตำรวจจังหวัดนาระ ยอมรับการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมในงานกิจกรรมทางการเมืองซึ่งเป็นเหตุให้อาเบะเสียชีวิต และให้คำมั่นที่จะระบุและแก้ไขข้อผิดพลาด โอนิซูกะกล่าวว่า "มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะและจะระบุปัญหาและวางมาตรการอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน"[138]
เครือข่ายทนายความต่อต้านการซื้อขายทางจิตวิญญาณแห่งชาติซึ่งก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ถูกโบสถ์แห่งความสามัคคีบังคับให้บริจาคเงินและซื้อสินค้าราคาแพงโดยมิชอบ ได้จัดงานแถลงข่าวต่อการลอบสังหารอาเบะ หลังทนายความของสมาคมแสดงความเสียใจแก่อาเบะ พวกเขาชี้ให้เห็นว่าแต่ก่อนสมาคมไม่พอใจอาเบะจากการส่งข้อความแสดงความยินดีต่อโบสถ์แห่งความสามัคคี[139] สมาคมร้องขอไม่ให้นักการเมืองชาวญี่ปุ่นร่วมงานกิจกรรมหรือส่งข้อความแสดงความยินดีต่อโบสถ์แห่งความสามัคคีและกล่าวว่าเกือบ 30 ปี อาเบะและนักการเมืองชาวญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ไม่ได้มีการวางมาตรการใด ๆ ต่อโบสถ์แห่งความสามัคคี[140][141][15]
ในวันที่ 11 กรกฎาคม คณะรัฐมนตรีของคิชิดะตัดสินใจมอบฐานันดรศักดิ์ผู้น้อยชั้นหนึ่ง (ญี่ปุ่น: 従一位; โรมาจิ: Ju Ichi'i) รวมถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ ชั้นสังวาล มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม[142] ทำให้อาเบะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 4 ตั้งแต่ยาซูฮิโระ นากาโซเนะ ที่ได้รับสังวาลภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน[143][144][145]
เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการยิงและการเสียชีวิตของอาเบะ ตัวแทนจากหลากหลายประเทศรวมถึงผู้นำโลกทั้งอดีตและปัจจุบันแสดงความเสียใจ[146][147]
แอนโทนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่าภายใต้การนำของอาเบะ ประเทศญี่ปุ่นเป็น "หนึ่งในประเทศเอเชียที้มีความคิดเห็นพ้องตรงกันกับออสเตรเลียมากที่สุด" แอลบานีสยังกล่าวถึงผลงานนโยบายการต่างประเทศของอาเบะ โดยเพิ่มเติมว่า "ควอดและข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกเป็นผลพวงมาจากการความเป็นผู้นำทางการทูตของเขา" แอลบานีสกล่าวว่ามรดกของอาเบะ "ครอบคลุมทั่วโลก และลึกซึ้ง และเป็นประโยชน์ต่อออสเตรเลีย"[148] สถานที่ที่สำคัญในเมลเบิร์น, แอดิเลด, ซิดนีย์ และเพิร์ท เปิดไฟแสงสีแดงและขาว มีการลดธงครึ่งเสาในวันที่พิธีศพจัดขึ้น[149]
มีการประกาศวันไว้อาลัยแห่งชาติในประเทศบังกลาเทศ, ประเทศบราซิล, ประเทศอินเดีย, ประเทศเนปาล, ประเทศภูฏาน, ประเทศกัมพูชา, ประเทศคิวบา และประเทศศรีลังกา โดยทุกประเทศต่างลดธงครึ่งเสาในวันที่มีการประกาศให้เป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติ ในบังกลาเทศ มีการกำหนดวันไว้อาลัยแห่งชาติในวันที่ 9 กรกฎาคม[150] ฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล กำหนดให้มีการไว้อาลัยเป็นระยะเวลา 3 วันในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเชื้อสายญี่ปุ่นมากที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น[151] นเรนทระ โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประกาศว่าประเทศอินเดียจะกำหนดวันไว้อาลัยแห่งชาติเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม ปฏิกิริยาของโมทีถูกมองว่าเป็นส่วนตัวอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับผู้นำโลกคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกอดีตนายกรัฐมนตรีว่า "อาเบะ-ซัง" ในบล็อกแสดงความไว้อาลัยของเขา[152][153][154][155] รัฐบาลเนปาลกำหนดวันที่ 9 กรกฎาคม เป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติและให้ธงต่าง ๆ ลดครึ่งเสา[156] ประเทศภูฏานกำหนดให้วันที่ 9 กรกฎาคมเป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติโดยให้ธงลดลงครึ่งเสา[157] นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศให้วันที่ 10 กรกฎาคมเป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติ, ให้ลดธงครึ่งเสาและกำหนดให้ปิดสถานบันเทิงในวันดังกล่าว[158][159] ประเทศคิวบาประกาศให้วันที่ 11 กรกฎาคม เป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติโดยให้ธงต่าง ๆ ลดลงครึ่งเสา[160] ในวันที่ 12 กรกฎาคม ประเทศศรีลังกากำหนดให้เป็นวันไว้อาลัยแห่งชาติแห่งชาติโดยให้ธงต่าง ๆ ในอาคารภาครัฐลดลงครึ่งเสา[161] โดยที่ไม่มีการประกาศวันไว้อาลัยแห่งชาติแห่งชาติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย รัฐบาลกำหนดให้ลดธงครึ่งเสาในวันที่ 8 กรกฎาคม และนายกรัฐมนตรีไทย ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางเยี่ยมสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเพื่อแสดงความเคารพด้วยตนเอง[162][163]
ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน สั่งให้ธงชาติต่าง ๆ ในสหรัฐลดลงครึ่งเสาจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2565[164][165] และเข้าเยี่ยมสถานเอกอัครราชญี่ปุ่นเพื่อลงนามในหนังสือแสดงความอาลัย[166] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในระหว่างกำลังเดินทางเพื่อเข้าร่วม การประชุมสุดยอดจี20 ไบเดนให้ แอนโทนี บลิงเกน เดินทางเยือนนอกกำหนดการไปโตเกียวและพบกับนายกรัฐมนตรีคิชิดะเพื่อแสดงความอาลัยด้วยตนเอง จากนั้นแสดงจดหมายที่ไบเดนเขียนให้แก่ครอบครัวอาเบะ[167][168][166][169] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เจเน็ต เยลเลน ยกเลิกการเดินทางเยี่ยมท่าเรือโยโกฮามะซึ่งเป็นกำหนดการก่อนการลอบสังหารอาเบะระหว่างการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น[170] ในวันที่ 11 กรกฎาคม เยลเลนพร้อมด้วยเอกอัครราชทูตประจำประเทศญี่ปุ่น ราห์ม เอมานูเอล เข้าร่วมการเฝ้าศพที่วัดโซโจจิ ขณะที่ในสหรัฐ สมาชิกจากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรคริพับลิกันร่วมกันแสดงความอาลัยแก่อาเบะ[145][169][171]
คณะมนตรียุโรป (European Council) เผยแพร่ภาพและคลังวิดีโอในความทรงจำของอาเบะ ปรากฏภาพอดีตนายกรัฐมนตรีแสดงปฏิสัมพันธ์ทางการทูตกับผู้นำต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป[172]
ชาติผู้นำควอดอย่างประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินเดีย และสหรัฐ เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกล่าวว่าองค์กรจะทวีคูณงานของพวกเขามุ่งสู่ "ภูมิภาคที่มีความสันติภาพและความรุ่งเรือง" เพื่อเป็นเกียรติของอาเบะ ทำเนียบขาวแถลงว่าอาเบะเป็นผู้ที่ีบทบาทสำคัญในการร่วมก่อตั้งหุ้นส่วนควอดอย่างเป็นรูปธรรมและได้ทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อก้าวหน้าไปยังวิสัยทัศน์ร่วมกันคืออินโด-แปซิฟิกที่เปิดกว้างและเสรี[173] ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าด้วยการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด กล่าวแสดงการสนับสนุนที่ให้ไว้โดยควอด[174]
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ไช่ อิงเหวิน ประกาศว่าจะกำหนดวันไว้อาลัยแห่งชาติในวันที่ 11 กรกฎาคม โดยธงชาติไต้หวันจะลดลงครึ่งเสา[175] ไทเป 101 ส่องแสงเป็นข้อความแสดงความอาลัยต่าง ๆ ต่อการเสียชีวิตของอาเบะ[176][177] ในวันที่ 11 กรกฎาคม ไหล ชิง-เท รองประธานาธิบดีไต้หวัน เยี่ยมที่พักของอาเบะในฐานะผู้แทนพิเศษต่อประธานาธิบดีไช่เพื่อแสดงความอาลัยร่วมกับ แฟรงก์ เซ ผู้แทนไต้หวันต่อประเทศญี่ปุ่น ไหลเป็นเจ้าหน้าที่รัฐชาวไต้หวันซึ่งมีตำแหน่งสูงที่สุดที่จะเยือนประเทศญี่ปุ่นในรอบ 50 ปีหลังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันใน พ.ศ. 2515 เพื่อประโยชน์ของประเทศจีน[178]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.