Loading AI tools
นักรณรงค์และนักแสดงหญิงชาวอังกฤษ (เกิด ค.ศ. 1990) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอ็มมา ชาร์ล็อต ดูแอร์ วอตสัน[1] (อังกฤษ: Emma Charlotte Duerre Watson; เกิด 15 เมษายน พ.ศ. 2533)[2] เป็นนักแสดง นางแบบ และนักกิจกรรมหญิงชาวบริติช เกิดในปารีสและเติบโตในออกซฟอร์ดไชร์ วอตสันเข้าเรียนโรงเรียนดรากอนสกูลขณะเป็นเด็ก และเรียนการแสดงที่โรงเรียนสเตจโคชเธียเตอร์อาตส์ สาขาออกซฟอร์ด เธอเป็นที่จดจำจากบทบาทการแสดงในบทเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ปรากฏตัวในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์แปดภาคตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544-2554 โดยก่อนหน้านั้นเธอเคยแสดงเฉพาะละครในชั้นเรียน[3] แฟรนไชส์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำให้วอตสันมีชื่อเสียงทั่วโลก ได้รับคำยกย่อง และรายได้มากกว่า 10 ล้านปอนด์[4] เธอยังคงรับงานแสดงนอกจากภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ อีก เรื่องแรกคือพากย์เสียงในภาพยนตร์ การผจญภัยของเดเปอโร และปรากฏในภาพยนตร์โทรทัศน์ฉบับดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง รองเท้าบัลเลต์ ตั้งแต่นั้นมา เธอได้รับบทในภาพยนตร์เรื่อง วัยป่วนหัวใจปึ้ก และวัยร้าย วัยลัก ได้รับบทเป็นตนเองในฉบับ "เกินจริง" ปรากฏตัวชั่วครู่ในภาพยนตร์ วันเนี๊ย...จบป่ะ[5] และรับบทเป็นบุตรบุญธรรมของตัวละครหลักในเรื่อง โนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก[6]
เอ็มมา วอตสัน | |
---|---|
วอตสันใน พ.ศ. 2556 | |
เกิด | เอ็มมา ชาร์ล็อต ดูแอร์ วอตสัน 15 เมษายน พ.ศ. 2533 ปารีส ประเทศฝรั่งเศส |
สัญชาติ | บริติช |
การศึกษา | มหาวิทยาลัยบราวน์ (ศศ.บ.) มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด |
อาชีพ |
|
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2542–ปัจจุบัน |
ลายมือชื่อ | |
ตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ถึง 2557 วอตสันแบ่งเวลาระหว่างงานภาพยนตร์กับการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบราวน์และวิทยาลัยวูสเตอร์ ออกซฟอร์ด และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบราวน์ ระดับปริญญาตรีในสาขาวรรณกรรมอังกฤษในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557[7] งานนางแบบของเธอเป็นโครงการรณรงค์ของบริษัทเบอร์เบอรี และลังโกม[8][9] เธอยังช่วยออกแบบเสื้อผ้าในนามของที่ปรึกษาด้านแฟชั่นให้กับพีเพิลทรีด้วย[10] ในปี พ.ศ. 2557 เธอได้รับเกียรติจากรางวัลแบฟตา โดยชนะรางวัลสาขาศิลปินบริติชแห่งปี[11] ในปีเดียวกันนั้น เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีขององค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ และช่วยริเริ่มโครงการรณรงค์ฮีฟอร์ชี (HeForShe) ที่รณรงค์ให้ผู้ชายสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ[12]
เอ็มมา วอตสันเกิดที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เธอเป็นลูกสาวของทนายความชาวอังกฤษชื่อ แจ็กลีน ลิวสบี และคริส วอตสัน[13][14][15] วอตสันอาศัยอยู่ในปารีสจนอายุ 5 ขวบ พ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็ก หลังจากพ่อแม่หย่าร้างกัน วอตสันย้ายกลับมาอยู่กับมารดาที่ออกซฟอร์ดไชร์ ประเทศอังกฤษ และอยู่กับบิดาที่ลอนดอนในวันสุดสัปดาห์[13][16] วอตสันเคยกล่าวว่าเธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้บ้าง แม้ว่า "ไม่คล่องแคล่ว" เท่าที่เคย[17] หลังจากย้ายไปที่ออกซฟอร์ดกับมารดาและน้องชาย เธอเข้าศึกษาที่โรงเรียนดรากอนสกูลในออกซฟอร์ด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2546 เธออยากเป็นนักแสดงตั้งแต่อายุ 6 ขวบ[18] และเรียนร้องเพลง เต้นรำ และการแสดงที่โรงเรียนสเตจโคชเธียเตอร์อาตส์แบบไม่เต็มเวลา[19]
เมื่ออายุ 10 ขวบ วอตสันได้แสดงในละครเวทีของโรงเรียนสเตจโคชหลายเรื่อง รวมถึงเรื่อง อาร์เธอร์: เดอะยังเยียร์แอนด์เดอะแฮปปีพรินซ์[20] แต่เธอไม่เคยแสดงมืออาชีพใด ๆ ก่อนภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ หลังจบโรงเรียนดรากอนสกูล วอตสันย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเฮดิงตันสกูล[13] ขณะอยู่ที่กองถ่ายภาพยนตร์ เธอและเพื่อน ๆ มีครูสอนพิเศษให้วันละห้าชั่วโมง[21] ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 เธอเข้าสอบ GCSE 10 วิชา ได้รับเกรด A* 8 วิชา และเกรด A 2 วิชา[13][22]
ในปี พ.ศ. 2542 การคัดเลือกนักแสดงภาพยนตรเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์เริ่มขึ้น โดยเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายที่ขายดีที่สุดของเจ. เค. โรว์ลิง เจ้าหน้าที่ที่คัดเลือกนักแสดงพบวอตสันผ่านทางครูของเธอที่โรงละครออกซฟอร์ด และโปรดิวเซอร์รู้สึกประทับใจในความมั่นใจในตนเองของเธอ หลังการออดิชันแปดครั้ง โปรดิวเซอร์ เดวิด เฮย์แมน บอกวอตสันและผู้สมัครอีกสองคนคือ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ และ รูเพิร์ต กรินต์ว่าพวกเขาได้รับเลือกให้เป็นตัวละครเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ และรอน วีสลีย์ โดยเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน โรว์ลิงสนับสนุนวอตสันตั้งแต่การทดสอบหน้ากล้องครั้งแรก[18]
ในปี พ.ศ. 2544 วอตสันเปิดตัวแสดงความสามารถครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ภาพยนตร์ทำลายสถิติรายได้ในวันฉายวันแรกและสัปดาห์แรก และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในปีนั้น[23][24] นักวิจารณ์ชื่นชมการแสดงของนักแสดงนำทั้งสามคน โดยชื่นชมวอตสันเป็นพิเศษ หนังสือพิมพ์เดอะเดลีเทลิกราฟเรียกการแสดงของเธอว่า "น่าชื่นชม"[25] และเว็บไซต์ไอจีเอ็นกล่าวว่าเธอ "โดดเด่นมากกว่าคนอื่น ๆ"[26] วอตสันได้เข้าชิงรางวัลห้ารางวัลจากเรื่องศิลาอาถรรพ์ และได้รับรางวัลนักแสดงเด็กสาขานักแสดงนำเด็กหญิง[27]
ปีต่อมา วอตสันรับบทเป็นเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ ภาพยนตร์เรื่องที่สองในชุด นักวิจารณ์ชื่นชมการแสดงของเธอ หนังสือพิมพ์เดอะลอสแอนเจลิสไทมส์กล่าวว่าวอตสันและเพื่อน ๆ เติบโตขึ้นจากเรื่องเดิม[28] ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์วิจารณ์ผู้กำกับ คริส โคลัมบัส ที่จ้างวอตสันมาเป็นตัวละครยอดนิยมด้วยค่าตัวที่น้อย[29] การแสดงของวอตสันทำให้เธอได้รับรางวัลออตโตจากนิตยสารเยอรมัน บราโว[30]
ในปี พ.ศ. 2547 ภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบันออกฉาย วอตสันรู้สึกพอใจในบทบาทเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเธอแสดงออกอย่างเต็มที่มากขึ้น โดยเธอเรียกตัวละครของเธอว่า "มีเสน่ห์" และเป็น "บทอัศจรรย์"[31] แม้ว่านักวิจารณ์ตำหนิการแสดงของแรดคลิฟฟ์ มองว่าเขา "เล่นแข็ง" แต่พวกเขายกย่องวอตสัน หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ชมเชยการแสดงของวอตสันว่า "โชคดีที่คุณแรดคลิฟฟ์ที่ไร้อารมณ์ถูกชดเชยด้วยความอดทนของคุณวอตสัน แฮร์รี่ได้อวดทักษะพ่อมดที่หลากหลายขึ้น แต่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับเสียงปรบมือดังที่สุดจากหมัดปราศจากเวทมนตร์ต่อยเข้าที่จมูกของเดรโก มัลฟอย"[32] แม้ว่าเรื่องนักโทษแห่งอัซคาบันจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้น้อยที่สุดในภาพยนตร์ชุด แต่การแสดงของวอตสันจะชนะรางวัลออตโตสองรางวัล และรางวัลการแสดงเด็กแห่งปีจากนิตยสารโททัลฟิล์ม[33][34]
ด้วยภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ทำให้ทั้งวอตสันและภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งใหม่ ภาพยนตร์ทำสถิติสำหรับสัปดาห์ออกฉายสัปดาห์แรกของภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นภาพยนตร์ไม่ได้เริ่มฉายในสหรัฐอเมริกาในวันสุดสัปดาห์ของเดือนพฤษภาคม และเป็นภาพยนตร์ที่ฉายสัปดาห์แรกในสุดสัปดาห์ในสหราชอาณาจักร นักวิจารณ์ชื่นชมการเติบโตของวอตสันและการแสดงวัยรุ่นของเธอ หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ชมการแสดงของเธอว่า "เอาจริงเอาจังอย่างน่าประทับใจ"[35] สำหรับวอตสัน เรื่องขบขันในภาพยนตร์ส่วนมากเกิดจากความเครียดในหมู่ตัวละครหลักสามคนขณะที่พวกเขากำลังเติบโต เธอกล่าวว่า "ฉันชอบทุกตอนที่เราทะเลาะกัน ฉันคิดว่ามันเหมือนจริงมากที่พวกเขาทะเลาะกันและที่จะมีปัญหามากมาย"[36] หลังจากภาพยนตร์เรื่องถ้วยอัคนีได้เข้าชิงสามรางวัล วอตสันชนะรางวัลออตโตเหรียญทองแดง[37][38] ต่อมาในปีนั้น วอตสันกลายเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดบนปกนิตยสารทีนโว้ก[39] เมื่อเธอปรากฏตัวอีกครั้งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552[40] ในปี พ.ศ. 2549 วอตสันรับบทเฮอร์ไมโอนี่ในละครเดอะควีนส์แฮนด์แบก ตอนพิเศษของแฮร์รี่ พอตเตอร์เพื่อธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร[41]
ภาพยนตร์เรื่องที่ห้าในแฟรนไชส์คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ ออกฉายในปี พ.ศ. 2550 จากความสำเร็จด้านรายได้ครั้งใหญ่ ภาพยนตร์ทำสถิติทำรายได้ในสัปดาห์แรกสูงที่สุดที่ 332.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[42] วอตสันชนะรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม[43] เนื่องจากชื่อเสียงของวอตสันและภาพยนตร์ยังคงดำเนินต่อเนื่อง วอตสันและนักแสดงภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ และรูเพิร์ต กรินต์ พิมพ์ฝ่ามือ รอยเท้า และไม้กายสิทธิ์ที่บริเวณหน้าโรงละครกรอแมนส์ไชนีสเธียเตอร์ในฮอลลิวูดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2550[44]
จนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 กล่าวกันว่างานแสดงของวอตสันในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์สร้างรายได้ให้เธอมากกว่า 10 ล้านปอนด์ และเธอตระหนักว่าเธอไม่ต้องทำงานเพื่อเงินอีกต่อไป[4] ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 เธออยู่ในอันดับที่ 6 ในรายชื่อ "ดาราหนุ่มสาวที่มีรายได้มากที่สุด" จัดโดยนิตยสารฟอบส์[45] และในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เธอได้ชื่อเป็นดาราสาวที่มีรายได้สูงสุดของฮอลลิวูด โดยมีรายได้ประมาณ 19 ล้านปอนด์ใน พ.ศ. 2552[46]
แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องภาคีนกฟีนิกซ์ประสบความสำเร็จ อนาคตของแฟรนไชส์แฮร์รี่ พอตเตอร์กลายเป็นความไม่แน่นอน เมื่อนักแสดงทั้งสามคนลังเลที่จะต่อสัญญาการแสดงบทบาทของพวกเขาต่อไปในภาพยนตร์สองตอนสุดท้าย[47] ในที่สุดแรดคลิฟฟ์ยินยอมรับแสดงภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2550[47] แต่วอตสันยังคงลังเลใจต่อไป[48] เธออธิบายว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ เนื่องจากเป็นการผูกมัดเธอกับบทบาทนี้ไปอีกสี่ปี แต่ในที่สุดเธอยอมรับว่าเธอ "ไม่อยากทิ้ง[บทเฮอร์ไมโอนี่]ไป"[49] และรับแสดงบทดังกล่าวในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2550[50]
วอตสันแสดงภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์เรื่องแรกคือเรื่อง รองเท้าบัลเลต์ ออกอากาศทางช่องบีบีซีในปี พ.ศ. 2550 ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน เขียนโดยโนล สเตรตเฟลด์[51][52] ผู้กำกับภาพยนตร์ แซนดรา โกลด์บาเชอร์ ให้ความเห็นว่าวอตสันแสดงได้ "สมบูรณ์แบบ" กับบทบาทนักแสดงหญิง พอลีน ฟอสซิล "เธอมีออร่าที่เฉียบแหลมละเอียดอ่อนที่ทำให้คุณอยากจ้องมองที่เธอ"[53] รองเท้าบัลเลต์ ฉายในสหราชอาณาจักรในวันเปิดกล่องของขวัญปี พ.ศ. 2550 ให้ผู้ชม 5.7 ล้านคน ได้รับคำวิจารณ์คละกันไป[54][55][56]
วอตสันพากย์เสียงให้บทเจ้าหญิงพีในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง เดเปอโร...รักยิ่งใหญ่จากใจดวงเล็ก ภาพยนตร์ตลกสำหรับเด็กนำแสดงโดยแมททิว บรอเดริก และนักแสดงร่วมเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ร็อบบี โคลเทรน (รูเบอัส แฮกริด) แสดงในเรื่องนี้เช่นกัน[57] การเดเปอโร...รักยิ่งใหญ่จากใจดวงเล็กออกฉายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 และทำรายได้ได้ 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก[58]
การถ่ายทำฉากสำคัญให้ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์เรื่องที่หก เริ่มขึ้นในปลายปี พ.ศ. 2550 โดยในส่วนของวอตสัน ถ่ายทำตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม ถึง 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551[59][60] แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม ฉายรอบปฐมฤกษ์ในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552[61] เลื่อนจากเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551[62] เนื่องจากนักแสดงหลายคนเป็นวัยรุ่นตอนปลาย นักวิจารณ์วิจารณ์พวกเขาในระดับเดียวกับนักแสดงคนอื่น ๆ ในเรื่อง โดยหนังสือพิมพ์ลอสแอนเจลิสไทมส์บรรยายเป็น "การแนะนำสู่การแสดงแบบทันสมัย"[63] หนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์รู้สึกว่าวอตสัน "แสดงได้มีเสน่ห์ที่สุดจนถึงทุกวันนี้"[64] ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะเดลีเทลิกราฟบรรยายถึงนักแสดงนำว่า "กระตือรือต้น อิสระ และมีพลังที่จะแสดงสิ่งที่พวกเขามีให้กับส่วนที่เหลือของเรื่อง"[65] ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 วอตสันกล่าวว่าเธออยากเรียนระดับมหาวิทยาลัยหลังเธอถ่ายทำภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์จบทั้งหมด[66]
การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต เริ่มวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552[67] สิ้นสุดวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553[68] ด้วยเหตุผลด้านการเงินและบทภาพยนตร์ นวนิยายเล่มนี้ถูกแบ่งออกเป็นภาพยนตร์สองตอนซึ่งถ่ายทำต่อเนื่องกัน[69][70] แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 ออกฉายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 และภาค 2 ออกฉายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554
เธอปรากฏในมิวสิกวิดีโอของวงวันไนต์โอนลี หลังพบกับนักร้องนำ จอร์จ เครก ในงานรณรงค์โฆษณาวินเทอร์/ซัมเมอร์เบอร์เบรี 2010 วิดีโอเพลง "เซย์ยูโดนต์วอนต์อิต" ออกอากาศทางช่องแชนเนิล 4 ในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553 และออกเผยแพร่วันที่ 16 สิงหาคม[71]
หลังจบเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ วอตสันแสดงภาพยนตร์เรื่อง 7 วัน แล้วคิดถึงกันตลอดไป รับบทเป็นลูซี ผู้ช่วย ที่ถูกตัวละครหลัก โคลิน คลาร์ก เกี้ยวพาราสี และออกเที่ยวกับเขาหลายครั้ง[72][73]
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 มีรายงานว่าวอตสันกำลังพิจารณาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง วัยป่วนหัวใจปึ้ก[74] ภาพยนตร์เริ่มถ่ายทำในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2554 และออกฉายเดือนกันยายน พ.ศ. 2555[75]
ภาพยนตร์เรื่อง วัยร้าย วัยลัก (2556) วอตสันรับบทเป็นนิกกี ภาพยนตร์สร้างจากเหตุการณ์ของกลุ่มโจรปล้นบลิงริงที่เกิดขึ้นจริง โดยวอตสันเล่นเป็นอเล็กซิส เนเออส์ ในโทรทัศน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวัยรุ่นเจ็ดคนที่เข้ามาพัวพันกับการปล้น ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์คละกันเป็นส่วนใหญ่ แต่นักวิจารณ์ให้คำชมวอตสันที่แสดงเป็นนิกกีอย่างเป็นเอกฉันท์ วอตสันยังได้แสดงในภาพยนตร์ตลกพยากรณ์เรื่อง วันเนี๊ย...จบป่ะ (2556) โดยเธอ เซธ โรเกน เจมส์ แฟรนโก และคนอื่น ๆ เล่นเป็น "ตนเองในแบบเกินจริง"[5] และวอตสันได้ทิ้ง "ระเบิด f-bomb" ครั้งที่เป็นที่จดจำในเรื่อง[76] เธอกล่าวว่าเธอไม่อาจพลาดโอกาสที่เธอจะได้แสดงภาพยนตร์ตลกเรื่องแรก และ "ทำงานร่วมกับนักแสดงตลกที่ดีที่สุด...ในโลกในตอนนี้"[77]
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 วอตสันยืนยันบทไอลาในภาพยนตร์เรื่อง โนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก ของแดร์เรน อาโรนอฟสกี ถ่ายทำในเดือนถัดมาและออกฉายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2557[6] ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 มีรายงานว่าวอตสันกำลังเจรจาแสดงเป็นตัวละครซินเดอเรลล่า ในภาพยนตร์ดิสนีย์ฉบับคนแสดง เค็นเน็ท แบรเนอ กำกับภาพยนตร์ ขณะเคต แบลนเชตต์ รับบทเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย วอตสันได้รับข้อเสนอให้เสนอบทดังกล่าว แต่เธอปฏิเสธ[78]
วอตสันได้รับการติดต่อให้แสดงบทเอ็มมา ฟอร์เรสต์ ในภาพยนตร์เรื่องยัวร์วอยซ์อินมายเฮด ในขณะนั้น ผู้กำกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เดวิด เยตส์ ก็ได้รับการติดต่อเช่นกัน ในบทสัมภาษณ์เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 ปรากฏว่าวอตสันไม่ได้แสดงในภาพยนตร์ดังกล่าวแล้ว สแตนลีย์ ทุชชีกล่าวว่าบทนั้นจะให้เอมีลี บลันต์แสดงแทน[79] อย่างไรก็ตาม ก่อนเดือนกันยายน พ.ศ. 2556 มีการยืนยันว่าวอตสันจะได้กลับมารับบทฟอร์เรสต์อีกครั้ง และภาพยนตร์จะเริ่มถ่ายทำเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน โดยผู้กำกับคนใหม่คือ ฟรานเซสกา เกรกอรินี[80]
จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 วอตสันมีกำหนดได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เดวิด เฮย์แมน ในภาพยนตร์เรื่อง ควีนออฟเดอะเทียร์ลิง สร้างจากหนังสือไตรภาพที่ยังไม่วางจำหน่าย เธอจะรับบทนำเป็นฮีโรผู้หญิง เคลซี กลินน์ รวมถึงเป็นผู้ควบคุมงานสร้างด้วย[81] วอร์เนอร์บราเธอส์เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์[82]
มีรายงานในเดือนกันยายน พ.ศ. 2556 ว่าวอตสันจะแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ไวล์เวอร์ยัง ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง 29 ของอะดีนา แฮลเพิร์น ที่เป็นเรื่องราวของคุณยายที่จิตใจยังสาวที่ใช้เวลากับหลานสาว (วอตสัน) แทนที่จะอยู่กับลูกสาวของเธอเอง ภาพยนตร์กำกับโดยสตีเฟน เชอบอสกี ที่เคยร่วมงานกับวอตวันในภาพยนตร์เรื่อง วัยป่วนหัวใจปึ้ก[83] วอตสันยังได้รับคัดเลือกแสดงคู่กับอีธาน ฮอว์ก ในภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง รีเกรสชัน อเลฮานโดร อาเมนาบาร์ เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ออกฉายในปี พ.ศ. 2558[84]
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2556 วอตสันได้รับเลือกให้เป็นผู้หญิงแห่งปีโดยนิตยสารบริติชจีคิว[85] ในเดือนเดียวกันนั้น เธอเป็นนักแสดงหนึ่งในสองคนที่อยู่อันดับสูงสุดของผลสำรวจดาราภาพยนตร์เซ็กซี่ที่สุดแห่งปี 2556 นำหน้าสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน และเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ จากผลสำรวจออนไลน์ที่มีแฟนคลับภาพยนตร์โหวตมากกว่า 50,000 คน เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ได้รับโหวตสูงสุดในฐานะนักแสดงชาย[86]
วอตสัน ร่วมกับจูดี เดนช์ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ไมก์ ลี จูเลีย ลุยส์-เดรย์ฟัส และมาร์ก รัฟฟาโล ได้รับรางวัลบริเทนเนียอะวอดส์ 2014 จัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคมที่ลอสแอนเจลิส วอตสันได้รับรางวัลศิลปินชาวบริติชแห่งปี และมอบรางวัลให้มิลลี หนูแฮมสเตอร์ของเธอที่ตายขณะวอตสันถ่ายทำเรื่องศิลาอาถรรพ์[11]
ปี พ.ศ. 2558 มีผลงานที่เอ็มมาแสดงออกฉาย เช่น โคโลเนีย หนีตาย ร่วมแสดงโดยแดเนียล บรูล และมีคาเอล นีควิสต์[87] วอตสันจะรับบท เบลล์ ในภาพยนตร์คนแสดงดัดแปลงเรื่อง บิวตีแอนด์เดอะบีสต์ พ.ศ. 2560 คู่กับแดน สตีเวนส์ ซึ่งรับบทเป็นบีสต์.[88] เธอจะร้องเพลงในภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ซึ่งเธอเรียกว่า "น่าหวาดกลัวในตัวเอง"[89] เธอยังร่วมแสดงในภาพยนตร์ รีเกรสชั่น สัมผัส…ผวา ภาพยนตร์ระทึกขวัญออกฉายในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 แสดงร่วมกับอีธาน ฮอว์ก และเพื่อนนักแสดงจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ เดวิด ทิวลิส[90] และเซ็นชื่อรับแสดงคู่กับทอม แฮงส์ ในภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่อง เดอะเซอร์เคิล[91]
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 วอตสันประกาศว่าพักงานแสดงเป็นเวลาหนึ่งปี เธอวางแผนใช้เวลากับ "การพัฒนาส่วนบุคคล" และงานเกี่ยวกับสิทธิสตรี[92]
ในปี พ.ศ. 2548 วอตสันเริ่มงานอาชีพนางแบบด้วยการถ่ายโฟโตชู้ตให้นิตยสารทีนโว้ก และเป็นดาราอายุน้อยที่สุดที่ได้ขึ้นปก[2] สามปีต่อมา สื่อของบริติชรายงานว่าวอตสันจะเป็นพรีเซนเตอร์ของเชอแนลแทนเคียรา ไนต์ลี แต่ทั้งสองคนปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง[93] ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 หลายปีหลังข่าวลือ วอตสันยืนยันว่าเธอจะร่วมกับเบอร์เบอรี เป็นพรีเซนเตอร์ในโครงการฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเธอได้รับค่าตอบแทนประมาณหกหลัก[8][94] เธอยังปรากฏตัวในโครงการโครงการฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี พ.ศ. 2553 ของเบอร์เบอรีร่วมกับอเล็กซ์ น้องชายของเธอ จอร์จ เครก และแมตต์ กิลเมอร์ นักดนตรี และแม็กซ์ เฮิร์ด นายแบบ[95] ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 วอตสันได้รับรางวัลสไตล์ไอคอนจากนิตยสารแอล มอบโดยวิเวียน เวสต์วูด[96] วอตสันยังคงทำงานโฆษณาแฟชันต่อไปหลังเธอประกาศว่าเธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ลังโคมในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554[9]
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 วอตสันประกาศว่าเธอเกี่ยวข้องกับพีเพิลทรี ตราสินค้าค้าแฟชันโดยชอบธรรม[10] วอตสันทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาฝ่ายสร้างสรรค์ให้กับพีเพิลทรีสร้างเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิที่จำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553[10][97] ขอบเขตของรูปแบบมีแรงบันดาลจจากฝรั่งเศสและลอนดอนตอนใต้[97][98] หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์บรรยายคอลเล็กชันนี้ว่า "ฉลาดมาก" แม้ว่ามี "ความหวังเงียบ ๆว่า [เธอ] จะสับสนกับการถักเสื้อผ้าครั้งแรก"[99] คอลเล็กชันนี้ถูกเผยแพร่ในนิตยสารหลายฉบับ เช่น ทีนโว้ก [100]คอสโมโพลิตัน และพีเพิล วอตสันซึ่งไม่ได้ค่าตัวในการร่วมมือครั้งนี้[101] ยืนยันว่าการแข่งขันของเสื้อผ้าชุดนี้มีเล็กน้อย[99] แต่แย้งว่า "แฟชันเป็นวิธีที่ดีที่จะให้อำนาจคนและเพิ่มทักษะให้พวกเขาด้วย กล่าวคือ แทนที่จะมอบเงินสดให้การกุศล คุณสามารถช่วยผู้คนได้โดยซื้อเสื้อผ้าที่พวกเขาทำและสนับสนุนสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ" และเสริมว่า "ฉันคิดว่าคนหนุ่มสาวอย่างฉันกำลังจะตระหนักกันมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับแฟชันที่ผ่านไปเร็วและต้องการตัดสินใจให้ดี แต่ไม่มีทางเลือกมากขนาดนั้น"[99] วอตสันยังคงร่วมงานกับพีเพิลทรี จนออกคอลเล็กชันฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวในปี พ.ศ. 2553[102]
วอตสันได้รับรางวัลนักออกแบบชาวบริติชยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลแฟชันบริติชอะวอดส์ 2014 ในงานยังมีดารามากมาย เช่น เดวิด เบคแคม เอมัล คลูนีย์ เคต มอส และเคียรา ไนต์ลีย์
หลังจบจากโรงเรียน วอตสันพักเรียนหนึ่งปี[103] เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูตในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552[70] แต่กล่าวว่าเธอตั้งใจเรียนต่อไป[66] และเธอยืนยันในภายหลังว่าเธอเลือกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยบราวน์ในพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอส์แลนด์[104] ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 หลังจากเรียนมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 18 เดือน วอตสันปรากฏว่าเธอยืดเวลาเรียนออกไปอีก "หนึ่งหรือสองภาคเรียน"[105] แม้ว่าเธอเข้าเคยเรียนที่วิทยาลัยวูสเตอร์ ออกซฟอร์ด ระหว่างปีการศึกษา 2554-2555 ในฐานะ "นักเรียนเยือน"[106]
วอตสันกล่าวกับเอลเลน ดีเจนเนอเรสก่อนจบการศึกษาว่าเธอต้องเรียนห้าปีแทนสี่ปี เนื่องจากงานแสดงของเธอ เธอ "พักเรียนสองภาคเรียนเต็ม"[107] ในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยบราวน์ด้านวรรณคดีอังกฤษ[7] ในปี พ.ศ. 2556 เธอได้รับการรับรองให้สอนโยคะและการทำสมาธิ เธอเรียนพิเศษการทำสมาธิเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่อาคารแห่งหนึ่งของชาวแคนาดา โดยเป็นสถานที่ที่ผู้อาศัยไม่ได้รับอนุญาตให้พูด เพื่อ "หาวิธีอยู่บ้านกับตนเอง"[108][109] เธอกล่าวกับนิตยสารแอลออสเตรเลียว่า อนาคตที่ไม่แน่นอนหมายถึงการค้นหา "หนทางที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยและรู้สึกเหมือนตนอยู่บ้าน เพราะฉันไม่อาจเชื่อใจสถานที่จริง ๆ ได้เลย"[110]
วอตสันพบและเริ่มคบหากับนักเรียนที่ออกซฟอร์ด วิล แอดาโมวิกซ์ ในปี พ.ศ. 2554 ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก[111] เขาไปกับเธอในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวีมูวีอะวอดส์ 2013 ซึ่งวอตสันได้รับรางวัลเทรลเบลเซอร์[112] ทั้งคู่เลิกรากันในต้นปี พ.ศ. 2557[113] ต่อมาในปีนั้น วอตสันคบหากับนักกีฬารักบี้ของออกซฟอร์ดชื่อ แมทธิว แจนนี[114] ความสัมพันธ์สิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายน ผู้แถลงข่าวแทนวอตสันกล่าวว่าทั้งคู่เลิกรากันเนื่องจาก "ตารางงานไม่มีเวลาว่าง"[115]
ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องโนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก วอตสันถูกถามเกี่ยวกับศรัทธา และเธอบรรยายตนว่าเป็นผู้มีจิตใจรอบรู้กว้างขวาง มีศรัทธา[116]
วอตสันส่งเสริมการศึกษาของเด็กหญิงด้วยการแวะเยี่ยมประเทศบังกลาเทศและแซมเบีย[117] ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 เธอมีนัดพบในฐานะทูตสันถวไมตรีสตรีของสหประชาชาติ[12] ในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้น วอตสันซึ่งยอมรับว่ารู้สึกกังวลใจ[118] ส่งที่อยู่ให้สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในนครนิวยอร์กเพื่อออกโครงการรณรงค์ฮีฟอร์ชี (HeForShe) ซึ่งเรียกร้องให้ผู้ชายสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางเพศ ในสุนทรพจน์ครั้งนั้น เธอกล่าวว่าเธอเริ่มสงสัยถึงสมมุติฐานเกี่ยวกับเพศเมื่ออายุแปดขวบเมื่อเธอถูกเรียกว่า "เจ้ากี้เจ้าการ" (ลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอเป็นผู้สมบูรณ์แบบ)[119] ขณะที่เด็กชายไม่ถูกเรียกเช่นนั้น และขณะอายุ 14 ปี เมื่อเธอ "ถูกสื่อบางแหล่งให้ความสำคัญทางเพศ"[120] คำกล่าวของวอตสันได้ชื่อว่ามีคตินิยมสิทธิสตรี "ความเชื่อที่ว่าผู้ชายและผู้หญิงควรมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน" และเธอประกาศว่าเรื่องที่เธอ "เกลียดผู้ชาย" เป็นสิ่งที่เธอ "ต้องหยุดให้ได้"[118] ต่อมาวอตสันได้รับภัยคุกคามหลังจากกล่าวสุนทรพจน์ไม่ถึง 12 ชั่วโมง ทำให้เธอรู้สึก "โกรธเกรี้ยว ถ้าพวกเขาพยายามทำให้ฉันเลิกทำสิ่งนี้ มันจะเป็นตรงข้ามกันเลย"[121] ในปี พ.ศ. 2558 มาลาลา ยูซาฟไซ บอกกับวอตสันว่าเธอตัดสินใจเรียกตนเองว่าผู้สนับสนุนสิทธิสตรีหลังจากได้ฟังสุนทรพจน์ของวอตสัน[122]
ปี | ภาพยนตร์ | รับบทเป็น | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2544 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ | เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ | |
2545 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ | ||
2547 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน | ||
2548 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี | ||
2550 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ | ||
รองเท้าบัลเลต์ | พอลลีน ฟอสซิล | ภาพยนตร์โทรทัศน์ | |
2551 | เดเปอโร...รักยิ่งใหญ่จากใจดวงเล็ก | เจ้าหญิงพี | พากย์เสียง |
2552 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม | เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ | |
2553 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 | ||
2554 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 | ||
7 วัน แล้วคิดถึงกันตลอดไป | ลูซี | ||
2555 | วัยป่วนหัวใจปึ้ก | แซม | |
2556 | วันเนี๊ย...จบป่ะ | ตัวเอง | |
วัยร้าย วัยลัก | นิกกี | ||
2557 | โนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก | ไอลา | |
2558 | เดอะไวการ์ออฟดิบลีย์ | บาทหลวงไอริส | ตอน: The Bishop of Dibley[123] |
รีเกรสชั่น สัมผัส…ผวา | แอนเจลา เกรย์ | ||
โคโลเนีย หนีตาย | ลีนา | ||
2560 | โฉมงามกับเจ้าชายอสูร | เบลล์ | |
เดอะเซอร์เคิล | เม ฮอลแลนด์ | ||
2562 | สี่ดรุณี | มาร์กาเรต "เม็ก" มาร์ช | |
ปี (พ.ศ.) | องค์กร | รางวัล | ภาพยนตร์ | ผล |
---|---|---|---|---|
2545 | Young Artist Awards | Best Performance in a Feature Film – Leading Young Actress | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ | ชนะ[27] |
Young Artist Awards | Best Ensemble in a Feature Film | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Saturn Award-Best Performance by a Younger Actor | Best Performance by a Younger Actor | เสนอชื่อเข้าชิง[124] | ||
Empire Award | Best Newcomer | เสนอชื่อเข้าชิง[125] | ||
American Moviegoer Awards | Outstanding Supporting Actress | เสนอชื่อเข้าชิง[126] | ||
นักแสดงเยาวชนยอดเยี่ยม | การแต่งตัวชุดที่ดีที่สุดในภาพยนตร์ขนาดยาวปานกลาง | เสนอชื่อเข้าชิง[27] | ||
2545 | Phoenix Film Critics Society | Best Performance by a Youth in a Leading or Supporting Role | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ | ชนะ |
Phoenix Film Critics Society | Best Acting Ensemble | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2546 | Otto Awards | Best Female Film Star (Silver) | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ | ชนะ[30] |
2547 | Otto Awards | Best Female Film Star (Bronze) | N/A | ชนะ |
2547 | Broadcast Film Critics Association | Best Young Actress | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน | เสนอชื่อเข้าชิง |
Total Film Award | Child Performance of the Year | ชนะ[127] | ||
สมาคมนักวิจารณ์ละครโทรทัศน์ | นักแสดงหญิงดีเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง[128] | ||
2548 | Otto Awards | Best Female Film Star (Gold) | ชนะ[129] | |
Broadcast Film Critics Association | Best Young Actress | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี | เสนอชื่อเข้าชิง[130] | |
2549 | Otto Awards | Best Female Film Star (Gold) | ชนะ[131] | |
MTV Movie Awards | Best On-Screen Team | เสนอชื่อเข้าชิง[38] | ||
2550 | ITV National Film Awards | Best Female Performance | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ | ชนะ[43] |
UK Nickelodeon Kids' Choice Awards | Best Movie Actress | ชนะ[132] | ||
Otto Awards | Best Female Film Star (Gold) | ชนะ | ||
2551 | Empire Award | Best Actress | เสนอชื่อเข้าชิง[133] | |
Constellation Award-Best Female Performance | Best Female Performance | ชนะ[134] | ||
SyFy Genre | Best Female Performance | ชนะ[135] | ||
รางวัลเกรเมอร์ | Best UK TV Actress | รองเท้าบัลเล่ต์ | เสนอชื่อเข้าชิง[136] | |
2553 | People's Choice Awards | Favorite On-Screen Team | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม | เสนอชื่อเข้าชิง |
MTV Movie Awards | Best Female Performance | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Teen Choice Awards | Actress Fantasy | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2554 | Capri Art Film Festival Awards | Best Ensemble Cast Award | 7 วัน แล้วคิดถึงกันตลอดไป | เสนอชื่อเข้าชิง |
Kids' Choice Awards | Favorite Movie Actress | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 | เสนอชื่อเข้าชิง | |
People's Choice Awards | Favorite Movie Star (Under 25) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Empire Awards | Best Actress | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
National Movie Awards | Performance of the Year | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | Best Female Performance | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Best Kiss (shared with Daniel Radcliffe) | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Best Fight (shared with Daniel Radcliffe, Rupert Grint, Arben Bajraktaraj and Rod Hunt) | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
Teen Choice Awards | Choice Movie: Actress Sci-Fi/Fantasy | ชนะ | ||
Choice Movie: Liplock (shared with Daniel Radcliffe) | ชนะ | |||
Choice Summer Movie: Female | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 | ชนะ | ||
2555 | Kid's Choice Awards | Favorite Movie Actress | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 | เสนอชื่อเข้าชิง |
People's Choice Awards | Favorite Ensemble Movie Cast[137] | ชนะ | ||
People's Choice Awards | Favorite Movie Star (Under 25) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Nickelodeon Kids' Choice Awards | Favorite Movie Actress | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Saturn Awards | Best Supporting Actress | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | Best Female Performance | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | Best Kiss(shared with Rupert Grint) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | Best Cast(shared with Daniel Radcliffe, Rupert Grint and Tom Felton) | ชนะ | ||
Phoenix Film Critics Society Awards | Best Actress in a Supporting Role | วัยป่วนหัวใจปึ้ก | เสนอชื่อเข้าชิง | |
San Diego Film Critics Society Awards | Best Supporting Actress | ชนะ | ||
San Diego Film Critics Society Awards | Best Ensemble Performance | ชนะ | ||
Boston Society of Film Critics Awards | Best Supporting Actress | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2556 | People's Choice Awards | Favorite Drama Movie Actress[138] | วัยป่วนหัวใจปึ้ก | ชนะ |
MTV Movie Awards | Best Female Performance | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | Best Kiss(shared with Logan Lerman) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | Best Musical Moment(shared with Logan Lerman and Ezra Miller) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
MTV Movie Awards | MTV Trailblazer Award | ชนะ | ||
Teen Choice Awards | Actress Drama | ชนะ | ||
Teen Choice Awards | Movie – Liplock(shared with Logan Lerman) | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
Teen Choice Awards | Choice Style Icon | เอ็มมา วอตสัน | เสนอชื่อเข้าชิง | |
2557 | People's Choice Awards | Favorite Comedic Movie Actress[139] | วันเนี๊ย...จบป่ะ | เสนอชื่อเข้าชิง |
Teen Choice Awards | Choice Movie Actress: Drama | โนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก | เสนอชื่อเข้าชิง | |
Britannia Awards | British Artist of the Year | เอ็มมา วอตสัน | ชนะ | |
British Fashion Awards | Best British Style[140] | ชนะ |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.