![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8b/2010-07-20_Black_windup_alarm_clock_face.jpg/640px-2010-07-20_Black_windup_alarm_clock_face.jpg&w=640&q=50)
เสียงในหู
From Wikipedia, the free encyclopedia
เสียงในหู[6] (อังกฤษ: Tinnitus) เป็นเสียงที่ได้ยินแต่ไม่มีจริง ๆ นอกร่างกาย[1][7] โดยสามารถแบ่งเป็นแบบที่มีเสียงจริงหรือแบบไม่มี[7] แม้บ่อยครั้งจะอธิบายว่า หูอื้อหรือเสียงดังเหมือนโทรศัพท์/กระดิ่ง/นาฬิกาปลุก แต่ก็อาจเป็นเสียงกรอบแกรบ เสียงฟ่อ หรือเสียงกระหึ่ม/ดังลั่น[2] โดยน้อยครั้งมากที่เป็นเสียงคนหรือเสียงดนตรี[3] เสียงอาจค่อยหรือดัง ต่ำหรือสูง อาจมาจากเพียงหูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง[2] ดังเป็นบางครั้งบางคราวหรือดังตลอด[8] โดยปกติแล้ว อาการจะค่อย ๆ เกิด[3] ในคนไข้บางคน เสียงจะทำให้ซึมเศร้าหรือกังวล และสามารถกวนสมาธิ[2]
เสียงในหู (Tinnitus) | |
---|---|
![]() | |
เสียงในหูบ่อยครั้งมีอาการได้ยินเสียงดังกริ๊ง ๆ ของนาฬิกาปลุก/โทรศัพท์ | |
การออกเสียง |
|
สาขาวิชา | โสตศอนาสิกวิทยา, โสตวิทยา |
อาการ | ได้ยินเสียงทั้ง ๆ ที่ไม่มีเสียงภายนอกร่างกายจริง ๆ[1] |
ภาวะแทรกซ้อน | ซึมเศร้า วิตกกังวล ไม่มีสมาธิ[2] |
การตั้งต้น | ค่อย ๆ เกิด[3] |
สาเหตุ | การเสียการได้ยินเหตุเสียงดัง การติดเชื้อในหู โรคระบบหัวใจหลอดเลือด โรคเมนิแยร์ เนื้องอกในสมอง เครียด[2][4] |
วิธีวินิจฉัย | ขึ้นอยู่กับอาการ การตรวจการได้ยิน การตรวจประสาท[1][3] |
การรักษา | ให้คำแนะนำ/ปรึกษา ใช้เครื่องสร้างเสียง ใช้เครื่องช่วยฟัง[2][5] |
ความชุก | ~12.5%[5] |
การมีเสียงในหูไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการที่อาจมีเหตุได้หลายอย่าง[2] เหตุสามัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการเสียการได้ยินเหตุเสียงดัง[2] เหตุอื่น ๆ รวมทั้งการติดเชื้อในหู โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคเมนิแยร์ เนื้องอกในสมอง เครียด การได้รับยาบางอย่าง การบาดเจ็บที่ศีรษะในอดีต และขี้หู[4][3][2][9][10]เป็นอาการที่สามัญมากกว่าในผู้ที่ซึมเศร้า[3] การวินิจฉัยอาการนี้มักจะขึ้นอยู่กับคำบอกของคนไข้ แม้ก็มีแบบคำถามหลายแบบที่ประเมินว่าการได้ยินเสียงในหูรบกวนในชีวิตประจำวันแค่ไหนด้วย[3] และก็มีวิธีการตรวจการได้ยิน (audiogram) ตลอดถึงการตรวจทางประสาท[1][3] ถ้าพบปัญหาอะไร แพทย์อาจตรวจโดยดูภาพเช่นที่ทำโดยเอ็มอาร์ไอ การตรวจสอบอื่น ๆ อาจช่วย เช่น ในกรณีที่เสียงในหูเกิดตามจังหวะการเต้นหัวใจ ในบางครั้งบางคราว แพทย์ที่ใช้หูฟังตรวจอาจได้ยินเสียงจริง ๆ ซึ่งในกรณีนี้ก็จะเป็นแบบที่มีเสียงจริง[3]
วิธีการป้องกันก็คือเลี่ยงเสียงดัง[2] ถ้ามีเหตุที่เป็นมูลฐาน การรักษาเหตุนั้นอาจทำให้อาการนี้ดีขึ้น[3] ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว การรักษาปกติจะเป็นการปรึกษากับจิตแพทย์/คุยกับนักจิตวิทยา[5] เพื่อหาวิธีลดการใส่ใจ/การสำนึกถึงเสียงในหู[11] แม้การเล่นดนตรีเพื่อกลบเสียง[12] หรืออุปกรณ์สร้างเสียงกลบ หรือเครื่องช่วยฟัง ก็อาจช่วยบางกรณี[2] จนถึงปี 2013 ยังไม่มียาที่มีประสิทธิผล[3] เป็นอาการที่สามัญ คือเกิดกับประชากรประมาณ 10-15% แต่คนส่วนมากจะทนรับได้และเป็นปัญหาสำคัญแก่บุคคลเพียงแค่ 1-2%[5]
คำภาษาอังกฤษว่า tinnitus มาจากภาษาละติน คือ tinnīre ซึ่งหมายความว่า ตีระฆัง/ทำเสียง[3]