Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เลี่ยว ลี่ (จีน: 廖立; พินอิน: Liào Lì; มีบทบาทในช่วง ค.ศ. 209–234) ชื่อรอง กงเยฺวียน (จีน: 公淵; พินอิน: Gōngyuān) เป็นขุนนางของรัฐจ๊กก๊กในยุคสามก๊กของจีน[1]
เลี่ยว ลี่ | |
---|---|
廖立 | |
นายพันฉางฉุ่ย (長水校尉 ฉางฉุ่ยเซี่ยวเว่ย์) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 223 – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | เล่าเสี้ยน |
หัวหน้ารัฐบาล | จูกัดเหลียง |
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 219 – ค.ศ. 223 | |
กษัตริย์ | เล่าปี่ |
เจ้าเมืองปากุ๋น (巴郡太守 ปาจฺวิ้นไท่โฉ่ว) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. ค.ศ. 215 – ค.ศ. 219 | |
เจ้าเมืองเตียงสา (長沙太守 ฉางชาไท่โฉ่ว) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 209 – ค.ศ. 215 | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไม่ทราบ นครฉางเต๋อ มณฑลหูหนาน |
เสียชีวิต | ไม่ทราบ อำเภอเม่า มณฑลเสฉวน |
อาชีพ | ขุนนาง |
ชื่อรอง | กงเยฺวียน (公淵) |
เลี่ยว ลี่เป็นชาวอำเภอหลินยฺเหวียน (臨沅縣 หลินยฺเหวียนเซี่ยน) เมืองบุเหลง (武陵郡 อู่หลิงจฺวิ้น) ซึ่งตั้งอยู่ในนครฉางเต๋อ มณฑลหูหนานในปัจจุบัน[2] เลี่ยว ลี่เริ่มรับราชการกับขุนศึกเล่าปี่เมื่อราวปี ค.ศ. 209[3] หลังจากเล่าปี่สืบทอดตำแหน่งเจ้ามณฑลเกงจิ๋วถัดจากเล่ากี๋ เล่าปี่รับเลี่ยว ลี่ซึ่งเวลานั้นอายุน้อยกว่า 30 ปีมาทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย (從事 ฉงชื่อ) และภายหลังแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเตียงสา (長沙 ฉางชา)[4]
ในปี ค.ศ. 211[3] เมื่อเล่าปี่นำกองกำลังไปยังมณฑลเอ๊กจิ๋ว (ครอบคลุมพื้นที่มณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่งในปัจจุบัน) เล่าปี่มอบหมายให้จูกัดเหลียงหัวหน้าที่ปรึกษาอยู่รักษาอาณาเขตในมณฑลเกงจิ๋วระหว่างที่ตนไม่อยู่ ในช่วงเวลานั้นซุนกวนพันธมิตรของเล่าปี่ส่งทูตมาพบจูกัดเหลียงและขอให้แนะนำขุนนางบัณฑิตที่เชี่ยวชาญการจัดการราชการของรัฐ จูกัดเหลียงตอบว่า "บังทองและเลี่ยว ลี่เป็นผู้มากความสามารถในเกงจิ๋ว สามารถช่วยเหลือข้าในการปกครองรัฐได้"[5]
ในปี ค.ศ. 215 เมื่อความตึงเครียดระหว่างเล่าปี่และซุนกวนในเรื่องกรณีพิพาทเรื่องอาณาเขตในมณฑลเกงจิ๋วได้เพิ่มสูงขึ้น ซุนกวนสั่งให้ขุนพลลิบองนำกองกำลังไปยึดสามเมืองทางใต้ของมณฑลเกงจิ๋ว ในช่วงเวลานั้นเลี่ยว ลี่ทิ้งตำแหน่งเจ้าเมืองเตียงสาและหนีไปทางตะวันตกไปยังเซงโต๋นครหลวงของมณฑลเอ๊กจิ๋วเพื่อไปสมทบกับเล่าปี่ เล่าปี่ให้ความเคารพเลี่ยว ลี่อย่างสูงจึงไม่ได้ตำหนิเลี่ยว ลี่เรื่องที่เสียเมืองเตียงสาไป และแต่งตั้งให้เลี่ยว ลี่เป็นเจ้าเมืองของเมืองปากุ๋น (巴郡 ปาจฺวิ้น; ครอบคลุมบางส่วนของนครฉงชิ่งในปัจจุบัน) แทน[6]
ในปี ค.ศ. 219 หลังจากเล่าปี่ยึดครองเมืองฮันต๋งและสถาปนาตนเป็นอ๋องแห่งฮันต๋ง ได้แต่งตั้งให้เลี่ยว ลี่เป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)[7]
ภายหลังจากเล่าปี่สวรรคตในปี ค.ศ. 223[8] เล่าเสี้ยนพระโอรสขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิพระองค์ถัดไปของรัฐจ๊กก๊ก หลังการขึ้นครองราชย์ เล่าเสี้ยนแต่งตั้งให้เลี่ยว ลี่มีตำแหน่งเป็นนายพันฉางฉุ่ย (長水校尉 ฉางฉุ่ยเซี่ยวเว่ย์)[9]
เลี่ยว ลี่ประเมินตัวเองไว้สูงมาโดยตลอดและเชื่อว่าตนทัดเทียมกับจูกัดเหลียงผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีของจ๊กก๊กทั้งในด้านความสามารถและเกียรติคุณ แต่เลี่ยว ลี่ก็ตระหนักว่าสถานะของตนในราชสำนักจ๊กก๊กยังด้อยกว่าขุนพลลิเงียมและคนอื่น ๆ เลี่ยว ลี่จึงรู้สึกไม่เป็นสุขอย่างมาก[10]
ครั้งหนึ่งเมื่อขุนนางผู้ช่วยของจูกัดเหลียงคือหลี่ เช่า (李邵) และเจียวอ้วนมาเพื่อหารือกับเลี่ยว ลี่ในบางประเด็น เลี่ยว ลี่บอกกับทั้งคู่ว่า:
"กองทัพจะออกรบในแดนไกล ท่านทั้งหลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนยุทธวิธี ในอดีต จักรพรรดิองค์ก่อน (เล่าปี่) เลือกจะรบกับง่อเพื่อเข้าควบคุมสามเมืองทางใต้แทนที่จะพิชิตฮันต๋ง ท้ายที่สุดพระองค์ก็ยังเสียสามเมืองให้ง่อ เป็นการเสียเวลาและกำลังอย่างสูญเปล่าแก่กองกำลังของเรา เมื่อฮันต๋งล่ม พระองค์ก็ปล่อยให้แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับบุกเข้าเอ๊กจิ๋วและเกือบทำให้เราต้องเสียการปกครองทั้งมณฑลไป แม้ภายหลังยึดฮันต๋งมาได้ พระองค์ก็ล้มเหลวในการกู้คืนศพของกวานโหว (กวนอู) และเสียเซียงหยงให้ข้าศึก กวนอูก็ประเมินตัวเองสูงเกินไปทั้งที่ตนเป็นผู้นำทัพที่ไร้ความสามารถ ทั้งยังหัวแข็งและบ้าบิ่นเกินไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราแพ้ในยุทธการและเสียไพร่พล คนอย่างเอี่ยงลองและเหวิน กง (文恭) เป็นชนชั้นกลาง เหวิน กงไม่รู้จักบทบาทของตนในฐานะเจ้าหน้าที่ ในอดีต เอี่ยงลองชื่นชมม้าเลี้ยงและน้องชายอย่างมากถึงขั้นขึ้นเทียบกับนักปราชญ์ บัดนี้เขากลายเป็นหัวหน้าเลขานุการ ทุกสิ่งที่เขาทำมีเพียงการพยายามจะทำให้เรื่องราวระหว่างผู้คนราบรื่น กัว เหยี่ยนฉาง (กุยฮิวจี๋) เอาแต่ทำตามผู้อื่นอย่างไร้หัวคิด เขาไม่มีความสามารถในการทำการใหญ่แต่ก็ยังได้เป็นขุนนางมหาดเล็ก บัดนี้จ๊กตกต่ำลง ข้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่ควรเลยที่จะปล่อยให้สามคนนี้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญเช่นนี้ อองเลี้ยนก็เป็นชนชั้นต่ำ ละโมบและทุจริต หากเขาได้อำนาจก็จะนำความทุกข์ทรมานอย่างมากมาสู่ผู้คน นั่นทำให้เราต้องลงเอยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้"[11]
หลี่ เช่าและเจียวอ้วนรายงานจูกัดเหลียงเรื่องการหมิ่นประมาทของเลี่ยว ลี่ จูกัดเหลียงจึงเขียนฎีกาถวายจักรพรรดิเล่าเสี้ยนว่า:
"นายพันฉางฉุ่ยเลี่ยว ลี่เป็นคนเห็นแก่ตัวและเย่อหยิ่ง เขาวิพากย์วิจารณ์ขุนนางสำคัญเสีย ๆ หาย ๆ และยังว่าร้ายรัฐอย่างเปิดเผยว่าแต่งตั้งคนธรรมดาสามัญแทนที่ผู้มีความรู้และความสามารถในตำแหน่งสำคัญ เขายังกล่าวอีกว่าผู้นำการทหารของเรานั้นเป็นเด็กเหลือขอ เขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของจักรพรรดิองค์ก่อนและใส่ร้ายขุนนางของเรา หากมีผู้บอกว่ากองทัพของเราฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและกำหนดหน่วยต่าง ๆ อย่างชัดแจ้ง เลี่ยว ลี่จะแสดงสีหน้าเย่อหยิ่งและตอบด้วยความโกรธว่า 'ไม่ควรค่าแก่การกล่างถึงเลย!' นี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาพูดแบบนี่้ หากแม้แกะเพียงตัวเดียวยังสามารถทำให้แกะทั้งฝูงหลงทางได้ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคนเช่นเลี่ยว ลี่ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงจะไม่ทำให้คนอื่น ๆ ในสังคมหลงผิดและสับสน"[12]
จูกัดเหลียงยังเขียนอีกว่า
"เมื่อครั้งเลี่ยว ลี่รับใช้จักรพรรดิองค์ก่อน เขาไม่มีทั้งความภักดีและความกตัญญู เมื่อครั้งควรจะรักษาเตียงสา แต่กลับทิ้งเมืองปล่อยประตูเปิดไว้ให้ข้าศึกเข้าครอง เมื่อครั้งเขารับราชการในเมืองปากุ๋น ก็มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่น่าสงสัย เมื่อครั้งเขาอยู่ใต้บังคับบัญชามหาขุนพล ก็เอาแต่ใส่ไคล้ผู้คน เมื่อครั้งเขาอยู่เฝ้างานพระบรมศพของของจักรพรรดิองค์ เขาตัดศีรษะบางคนที่อยู่ใกล้พระบรมศพ ภายหลังจากฝ่าบาทขึ้นเสวยราชย์ ทรงแต่งตั้งขุนนางในตำแหน่งสำคัญ ๆ ของราชสำนัก เมื่อเลี่ยว ลี่ทราบว่าเขาได้รับตำแหน่งทางการทหาร ก็บอกกับข้าพระพุทธเจ้าว่า 'ข้าจะเหมาะกับการทหารได้อย่างไร เหตุใดข้าจึงได้รับตำแหน่งในหมู่นายพันทั้งห้าแทนที่จะเป็นเสนาบดี' ข้าพระพุทธเจ้าตอบเขาว่า 'ท่านดำรงตำแหน่งสำคัญในฐานะรองจากขุนพล เหตุที่ท่านไม่ได้เป็นเสนาบดีนั้น ก็จงดูลิเงียมเป็นตัวอย่าง เขาก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีี ท่านเองก็คู่ควรกับตำแหน่งชั้นนายพันทั้งห้าแล้ว' เลี่ยว ลี่จึงเริ่มไม่พอใจนับตั้งแต่นั้น"[13]
เล่าเสี้ยนจักรพรรดิจ๊กก๊กทรงให้ออกพระราชโองการความว่า:
"เมื่อชาวเหมียวก่อกบฏก็ถูกลงโทษด้วยการเนรเทศ เลี่ยว ลี่หลงผิดและสับสน ข้าทนสั่งประหารชีวิตเขาไม่ได้จึงขอสั่งเนรเทศเขาไปอยู่ที่ห่างไกล"[14]
เลี่ยว ลี่ถูกถอดจากตำแหน่งและลดสถานะลงเป็นสามัญชน เลี่ยว ลี่และครอบครัวถูกเนรเทศไปยังเมืองเวิ่นชาน (汶山郡 เวิ่นชานจฺวิ้น; ปัจจุบันอยู่บริเวณอำเภอเม่า มณฑลเสฉวน) แล้วอาศัยในฐานะเกษตรกร ดำรงชีพด้วยการทำนา ในปี ค.ศ. 234[15] เมื่อเลี่ยว ลี่ได้ข่าวการเสียชีวิตของจูกัดเหลียง เลี่ยว ลี่ก็หลั่งน้ำตาร้องไห้ว่า "บัดนี้ข้าต้องใช้ชีวิตที่เหลือเยี่ยงจั่วเริ่น!"[lower-alpha 1][17]
หลายปีต่อมา เมื่อเกียงอุยขุนพลจ๊กก๊กผ่านมาทางเมืองเวิ่นชาน เกียงอุยได้ไปเยี่ยมเลี่ยว ลี่และเห็นว่าเลี่ยว ลี่ยังคงเป็นผู้ทรนงตนและทะเยอทะยานอย่างที่เคยเป็น และยังคงความสงบและใจเย็นเวลาพูด เลี่ยว ลี่เสียชีวิตในเวิ่นชานโดยไม่ทราบปีที่เสียชีวิต หลังเลี่ยว ลี่เสียชีวิต ภรรยาและบุตรของเลี่ยว ลี่ได้รับการอภัยโทษและได้รับอนุญาตให้กลับมายังเซงโต๋นครหลวงของจ๊กก๊ก[18]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.