ยุทธการที่เทอร์มอพิลี
From Wikipedia, the free encyclopedia
ยุทธการที่เทอร์มอพิลี (อังกฤษ: Battle of Thermopylae; Greek: Μάχη τῶν Θερμοπυλῶν, มาแค ตอน แธมอปูลอน) เกิดขึ้นในปี 480 ปีก่อนคริสตกาล พันธมิตรรัฐกรีกตั้งรับการรุกรานของจักรวรรดิเปอร์เซีย ณ ช่องเขาเทอร์มอพิลีในกรีซตอนกลาง กองทัพกรีกเสียเปรียบด้านจำนวนอย่างมหาศาล แต่ก็ยังสามารถยันกองทัพเปอร์เซียได้เป็นเวลาสามวัน ยุทธการดังกล่าวเป็นหนึ่งในการรบจนตัวตายที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ กองทัพกรีกขนาดเล็กนำโดยกษัตริย์ลีออนิดัสที่ 1 แห่งสปาร์ตา ได้เข้าปิดช่องเขาเล็ก ๆ ซึ่งขัดขวางกองทัพมหึมาของจักรวรรดิเปอร์เซีย ภายใต้การนำของจักรพรรดิเซอร์ซีสที่ 1 ไว้ หลังจากการรบสามวัน เฮโรโดตุสเชื่อว่ามีคนทรยศที่บอกเส้นทางให้กับกองทัพเปอร์เซียซึ่งนำไปสู่ด้านหลังของกองทัพสปาร์ต้า และในวันที่สาม กองทัพกรีกได้ถอนตัวออกไปราว 2,300 นาย
ยุทธการที่เทอร์มอพิลี | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามกรีก-เปอร์เซีย | |||||||||
ลีโอนิดัส ณ เทอร์มอพิลี (ค.ศ. 1814) วาดโดย ฌัก-หลุยส์ ดาวีด | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
นครรัฐกรีก
| จักรวรรดิอะคีเมนิด | ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
พระเจ้าลีออนิดัสที่ 1 แห่งสปาร์ตา † ดีโมฟิลุสแห่งเธสปิอี † ลีออนติอาดีสแห่งธีบส์ |
เซิร์กซีสที่ 1 มาร์โดนิอุส ไฮดาร์เนสที่ 3 อาร์ตาปานุส[7] | ||||||||
หน่วยที่เกี่ยวข้อง | |||||||||
กองทัพสปาร์ตา
| กองทัพเปอร์เซีย | ||||||||
กำลัง | |||||||||
7,000 นาย[8][9] | 70,000–300,000 นาย[10][lower-alpha 2][12] | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
4,000 นาย (ตามการบันทึกของเฮอรอโดทัส)[13] | ป. 20,000 นาย (เฮอรอโดทัส)[8] | ||||||||
หลังเที่ยงวันของวันที่สาม กองทัพเปอร์เซียสามารถเจาะผ่านแนวกรีกได้ แต่ก็ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับความสูญเสียของกองทัพกรีก การต้านทานอย่างบ้าระห่ำของกองทัพกรีกได้ซื้อเวลาอันหาค่ามิได้ในการเตรียมกองทัพเรือ ซึ่งอาจตัดสินผลแพ้ชนะของสงคราม[14] ต่อมา ภายหลังชัยชนะของกองทัพเรือกรีกนำโดยนายพลเธมิสโตคลีส ในยุทธนาวีที่ซาลามิส ทำให้กองทัพเรือเปอร์เซียถูกทำลายสิ้น จักรพรรดิเซอร์ซีสสั่งถอนทัพกลับมายังทวีปเอเชีย เหลือเพียงกองทัพเปอร์เซียใต้การนำของมาร์โดนิอัสเพื่อทำสงครามต่อไป[15]
ยุทธการดังกล่าวนั้นได้ถูกยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างหลายครั้งโดยนักการทหาร ในการศึกษาทางด้านความได้เปรียบของการฝึกฝน อุปกรณ์เครื่องแต่งกายและภูมิประเทศที่เหมาะสม ว่าเป็นตัวคูณกำลังรบ[16] รวมไปถึงสัญลักษณ์ของความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อแผ่นดินของตน[16]