ยุทธการที่อิเหลง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยุทธการอิเหลง (จีน: 夷陵之战) หรือ ยุทธการที่จูเต๋ง (จีน: 猇亭之戰) เป็นการรบระหว่างรัฐจ๊กก๊กและรัฐง่อก๊ก ระหว่างปี ค.ศ. 221 ถึง ค.ศ. 222 ในช่วงต้นยุคสามก๊กของจีน ยุทธการนี้มีความสำคัญเพราะเป็นการรบที่ง่อก๊กสามารถพลิกสถานการณ์จากการเสียเปรียบในช่วงต้น กลายมาเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ในภาวะคุมเชิงกัน ก่อนจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะอย่างเด็ดขาดต่อฝ่ายจ๊กก๊ก ชัยชนะของง่อก๊กหยุดการบุกของจ๊กก๊กได้ และนำไปสู่การสวรรคตของเล่าปี่จักรพรรดิผู้สถาปนารัฐจ๊กก๊ก ซึ่งการนำทัพของจ๊กก๊กในครั้งนี้มีทหารจำนวน1,000,000คน เพื่อมารบกับง่อก๊กที่เกณฑ์ทหารมาหมดแคว้นซึ่งมีจำนวนทหารมากถึง100,000คน(อาจเหลือซุนกวนในแคว้นเพียงคนเดียว) แม้เล่าปี่จะนำทัพรัฐจ๊กก๊กโดยมีทหารจำนวน1,000,000คน แต่กับทิ้งทหารไม่กี่หมื่นคนไว้ให้ขงเบ้งรักษาแคว้น ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ขงเบ้งสานต่ออุดมการ์ของเล่าปี่ที่เหลือจนกระอักเลือดตายเพราะไม่มีกำลังทหารมากพอ
ยุทธการที่อิเหลง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคสามก๊ก | |||||||
ยุทธการที่อิเหลง/จูเต๋ง | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ง่อก๊ก |
จ๊กก๊ก; กองกำลังชนเผ่าจากบุเหลง | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
ลกซุน ฮันต๋ง เตงฮอง จูเหียน ชีเซ่ง พัวเจี้ยง เล่งทอง (ลั่ว ถ่ง) ซงเขียม |
เล่าปี่ สะโมโข † อุยก๋วน ปองสิบ † เตียวหลำ † ม้าเลี้ยง † เปาเตียว † เทียกี † งอปั้น เลียวฮัว เฮียงทง ตันเซ็ก อองฮู † | ||||||
กำลัง | |||||||
100,000 คน | 1,000,000 คน | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ไม่สูญเสียแต่ได้รับบาดเจ็บ | เหลือเล่าปี่กับขุนศึกครึ่งนึง | ||||||
ปลายปี ค.ศ. 219 ลิบองขุนพลของซุนกวนนำทัพบุกอาณาเขตของเล่าปี่ในมณฑลเกงจิ๋วตอนใต้ เวลานั้นกวนอูขุนพลของเล่าปี่ที่รับผิดชอบรักษาเกงจิ๋วกำลังทำศึกในยุทธการที่อ้วนเสียไกลออกไปและไม่ทราบเรื่องการบุกของลิบองจนกระทั่งยกทัพกลับมา กวนอูถูกกองกำลังของซุนกวนล้อมในอำเภอเป๊กเสีย (麥城 ม่ายเฉิง; ปัจจุบันอยู่ในนครตานหยาง มณฑลหูเป่ย์) แล้วถูกซุ่มโจมตีและจับตัวได้ขณะกำลังจะฝ่าวงล้อม ในที่สุดถึงถูกทัพซุนกวนประหารชีวิตที่หลินจฺวี่ (臨沮; ปัจจุบันคืออำเภอหนานจาง มณฑลหูเป่ย์)[2]
ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 220 พระเจ้าเหี้ยนเต้จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกสละราชบัลลังก์ให้กับโจผี เป็นการสิ้นสุดของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ในวันที่ 11 ธันวาคม โจผีสถาปนารัฐวุยก๊กแทนที่ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรก[3] ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 221 เล่าปี่สถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ[4][5] และสถาปนารัฐใหม่ที่รู้จักในชื่อว่าจ๊กก๊ก เพื่อต่อต้านการอ้างสิทธิ์เหนือบัลลังก์ฮั่นของโจผี ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ซุนกวนย้ายนครหลวงของดินแดนตนจากอำเภอกังอั๋น (公安縣 กงอันเซี่ยน) ไปยังอำเภอเอ้อ (鄂縣 เอ้อเซี่ยน) และเปลี่ยนชื่อเป็๋น "บู๊เฉียง" (武昌 อู่ชาง)[6] ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 221 ซุนกวนสวามิภักดิ์ต่อโจผีและกลายเป็นรัฐประเทศราชของรัฐวุยก๊ก โจผีตอบแทนด้วยการตั้งซุนกวนเป็น "เงาอ๋อง" หรือ "อ๋องแห่งง่อก๊ก" (吳王 อู๋หวาง)[7]
เล่าปี่ต้องการแก้แค้นให้กวนอูและชิงมณฑลเกงจิ๋วคืน จึงเตรียมการจะทำศึกกับซุนกวน[8] เมื่อเตียวจูล่งขุนพลทัพหน้าของเล่าปี่พยายามทูลโน้มน้าวไม่ให้เล่าปี่ไปทำศึกกับซุนกวน แต่เล่าปี่เพิกเฉยเสีย ภายหลังเมื่อเล่าปี่เริ่มการทัพกับซุนกวนก็ไม่ได้นำเตียวจูล่งไปด้วย โดยมอบหมายให้ไปรักษาอำเภอกังจิว (江州 เจียงโจฺว) แทน[9] จินปิดขุนนางของเล่าปี่ก็ทูลแนะนำไม่ให้ไปทำศึกกับซุนกวน ผลคือจินปิดถูกให้นำตัวไปขังคุก[10]
จักรพรรดิเล่าปี่มีรับสั่งให้เตียวหุยนำทหาร 100,000 นายจากอำเภอลองจิ๋ว (閬中 ล่างจง) ไปสมทบกับพระองค์ที่กังจิว ระหว่างการระดมพล เตียวหุยถูกลอบสังหารโดยฮอมเกียง (范彊 ฟ่าน เฉียง) และเตียวตัด (張達 จาง ต๋า) ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและตัดศีรษะนำไปขอแปรพักตร์เข้าด้วยซุนกวน นายทหารผู้ช่วยของเตียวหุยเขียนหนังสือกราบทูลสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเล่าปี่ทรงทราบเรื่องก็ตรัสอุทานว่า "อนิจจา! (เตียว) หุยตายแล้ว"[11]
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 221 จักรพรรดิเล่าปี่นำทัพด้วยพระองค์เองเข้าโจมตีซุนกวน พระองค์ยังทรงแต่งตั้งตำแหน่งที่สูงขึ้นให้กับนายทหารยศกลางบางคนจากมณฑลเกงจิ๋วเช่นปองสิบและเตียวหลำเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารในการทัพ ซุนกวนส่งจูกัดกิ๋นเป็นตัวแทนไปเข้าเฝ้าเล่าปี่เพื่อเจรจาสงบศึก[12] เมื่อจูกัดกิ๋นเข้าเฝ้าเล่าปี่ได้ทูลว่า:
"กระหม่อมได้ยินมาว่ากองทัพของฝ่าบาทยกมาจากเป๊กเต้เสีย (白帝城 ไป๋ตี้เฉิง) และข้าราชบริพารของฝ่าบาททูลให้ทรงปฏิเสธการเจรจาสงบศึกเนื่องจากความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเราที่เกิดขึ้นมาจากการเข้าครองเกงจิ๋วของเงาอ๋อง (ซุนกวน) และการสิ้นชีพของกวนอู กระหม่อมรู้สึกกังวลอย่างมากว่าความคิดเช่นนี้เป็นการมองสถานการณ์ในมุมแคบ ขาดการพิจารณาในมุมกว้าง กระหม่อมจะพยายามทูลอธิบายความร้ายแรงของสถานการณ์ให้กับฝ่าบาท หากฝ่าบาททรงลดทิฐิลงชั่วคราว ระงับโทสะเสีย และทรงไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนถึงสิ่งที่กระหม่อมกำลังจะทูล กระหม่อมแน่ใจว่าฝ่าบาทจะทรงตัดสินพระทัยได้และไม่จำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากข้าราชบริพารของฝ่าบาทอีก ความสัมพันธ์ของฝ่าบาทกับกวนอูเทียบได้กับความสัมพันธ์กับอดีตจักรพรรดิ (พระเจ้าเหี้ยนเต้แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก) หรือ เกงจิ๋วมณฑลเดียวเทียบได้กับทั้งอาณาจักรหรือ ระหว่างข้าศึกสองฝ่ายฝ่าบาทรังเกียจฝ่ายใดมากกว่ากันหรือ หากฝ่าบาททรงตอบคำถามเหล่านี้ได้ กระหม่อมเชื่อว่าคงไม่ยากเกินกว่าฝ่าบาทจะตัดสินพระทัยเป็นแน่"[13]
เล่าปี่ปฏิเสธที่จะฟังคำของจูกัดกิ๋น[14]
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 221 เล่าปี่ส่งขุนพลงอปั้นและปองสิบเข้าโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของง่อก๊กที่ช่องเขาอู (巫峽 อูเซี่ย) ซึ่งรักษาโดยลิอี้ (李異 หลี่ อี้) และหลิว เออ (劉阿) หลังงอปั้นและปองสิบโจมตีสำเร็จ กองทัพจ๊กก๊กที่ประกอบด้วยกำลังพลมากกว่า 400,000 นายจึงรุดหน้าไปยังอำเภอจีกุ๋ย (秭歸 จื่อกุย) เล่าปี่ยังยังส่งทูตไปขอกำลังเสริมจากชนเผ่าท้องถิ่นในเมืองบุเหลง (武陵郡 อู่หลิงจฺวิ้น)[15][16] ที่จีกุ๋ย เล่าปี่พบกับเลียวฮัวอดีตนายทหารใต้บังคับบัญชาของกวนอู เลียวฮัวกลายเป็นเชลยศึกของง่อก๊กหลังการเสียชีวิตของกวนอู แต่หลบหนีออกมาได้และกำลังเดินทางกลับจ๊กก๊ก เล่าปี่ตั้งให้เลียวฮัวเป็นเจ้าเมืองงิเต๋า (宜都 อี๋ตู)[17]
ซุนกวนตอบโต้การบุกของจ๊กก๊กด้วยการตั้งลกซุนเป็นแม่ทัพใหญ่ (大都督 ต้าตูตู) และสั่งให้นำทัพ 500,000 นายไปต้านข้าศึก ลกซุนมีนายทหารใต้บังคับบัญชาหลายคน ได้แก่ จูเหียน[18] พัวเจี้ยง[19] ซงเขียม[20] ฮันต๋ง[21] ชีเซ่ง[22] ตุนอิตั๋น (鮮于丹 เซียนยฺหวี ตัน) และซุนหวน[23][24][25]
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 222 เล่าปี่วางแผนจะนำทัพจากจีกุ๋ย(秭歸 จื่อกุย)มุ่งหน้าไปมณฑลเกงจิ๋วเพื่อชิงเกงจิ๋วคืน แต่อุยก๋วนขุนพลจ๊กก๊กเห็นว่าทัพง่อก๊กแข็งแกร่งและใช้แม่น้ำแยงซีเป็นประโยชน์ในการตั้งรับ จึงทูลเสนอตนเป็นผู้นำการโจมตี และทูลแนะนำให้เล่าปี่ตั้งมั่นอยู่แนวหลังเพื่อคอยหนุนช่วย เล่าปี่ปฏิเสธข้อเสนอของอุยก๋วน แล้วตั้งให้อุยก๋วนเป็นขุนพลพิทักษ์อุดร (鎮北將軍 เจิ้นเป่ย์เจียงจฺวิน) และมอบให้คุมกองกำลังแยกของจ๊กก๊กในการป้องกันฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซีจากการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นจากทางด้านทัพวุยก๊ก จากนั้นเล่าปี่จึงนำทัพหลักของจ๊กก๊กด้วยพระองค์เองยกพลไปตามฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซี[26]
เล่าปี่ยังมีรับสั่งให้งอปั้น (吳班 อู๋ ปาน) และตันเซ็ก (陳式 เฉิน ชื่อ)นำทัพเรือของจ๊กก๊ไปยังอำเภออิเหลง (夷陵 อี๋หลิง) ริมฝั่งแม่น้ำแยงซี ในระหว่างนั้นเล่าปี่ยังส่งม้าเลี้ยงเป็นทูตไปพบกับชนเผ่าต่าง ๆ ในเมืองบุเหลงและติดสินบนเหล่าหัวหน้าเผ่าด้วยเงินและตำแหน่งราชการเพื่อให้ได้รับการสนับสนุน[27][28] ด้วยเหตุที่ชนเผ่าต่าง ๆ ในเมืองบุเหลงเกิดความไม่สงบจากเหตุที่ทัพจ๊กก๊กเข้ามาใกล้ ซุนกวนจึงส่งเปาจิดไปรักษาอำเภออี้หยาง (益陽) เพื่อจัดการกับความไม่สงบ[29]
เมื่อเหล่าขุนพลง่อก๊กต้องการไปโจมตีทัพจ๊กก๊กที่กำลังยกใกล้เข้ามา[30] ลกซุนคัดค้านและกล่าวว่า:
"เล่าปี่กำลังนำทัพมาทางตะวันออกเพื่อโจมตีเรา ขวัญกำลังใจของทหารก็สูงมาก นอกจากนี้ทัพเล่าปี่ตั้งมั่นอยู่ในที่สูงและพื้นที่ภูเขา จึงยากที่เราจะโจมตี แม้ว่าเราจะเอาชนะได้ แต่ก็ไม่สามารถปราบปรามได้อย่างเด็ดขาด หากโจมตีไม่สำเร็จ ขวัญกำลังใจของเราก็จะได้รับผลกระทบอย่างมาก นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย บัดนี้เราควรเพิ่มขวัญกำลังใจของทหารและวางแผนในขณะที่รอสถานการณ์เปลี่ยนแปลง หากเราอยู่ในที่ราบ เราควรกังวลเรื่องการสูญเสียอย่างมากจากการพุ่งโจมตี แต่เนื่องจากข้าศึกอยู่บนพื้นที่ภูเขาจึงไม่สามารถโจมตีได้เต็มที่เพราะจะถูกกระหนาบด้วยไม้และหิน เราควรใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ของทัพข้าศึก"[31]
เหล่าขุนพลง่อก๊กไม่เข้าใจเหตุผลของลกซุนและคิดว่าลกซุนเกรงกลัวข้าศึก จึงไม่พอใจลกซุนเป็นอย่างมาก[32]
ทัพจ๊กก๊กผ่านช่องเขาอู, เจี้ยนผิง (建平), เหลียนผิง (連平) และเหลียนเหวย์ (連圍) มาถึงชายแดนของอิเหลง ที่นั่นทัพจ๊กก๊กตั้งกองทหารรักษาการณ์ราวสิบแห่ง เล่าปี่ตั้งให้ปองสิบเป็นแม่ทัพใหญ่ (大督 ต้าตู) เตียวหลำเป็นแม่ทัพหน้า (前部督 เฉียนปู้ตู) ฝู่ ควาง (輔匡), เตียวหยง (趙融 เจ้า หรง), เลียวฮัว และเปาเตียวเป็นแม่ทัพกองกำลังแยก (別督 เปี๋ยตู) ทัพจ๊กก๊กและทัพง่อก๊กอยู่ในภาวะคุมเชิงกันเป็นเวลาราวหกเดือนตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม ค.ศ. 222[33]
เล่าปี่มีรับสั่งให้งอปั้นนำทหารหลายพันนายออกจากพื้นที่ภูเขาไปตั้งค่ายบนที่ราบและร้องเยาะเย้ยท้าทายให้ทัพง่อก๊กยกออกมาโจมตีพวกตน[34] เมื่อเหล่านายทหารของ่อก๊กต้องการโต้ตอบการท้ารบด้วยการออกไปโจมตีข้าศึก ลกซุนกล่าวว่า "มันต้องเป็นกลลวงเป็นแน่ เราควรสังเกตการณ์ดูไปก่อน"[35]
เป็นไปตามที่ลกซุนสงสัย ปรากฏว่ากองทหารจ๊กก๊ก 80,000 นายซุ่มรออยู่ในหุบเขาใกล้เคียง เมื่อเห็นว่าทัพง่อก๊กไม่คล้อยตามการท้ารบ เล่าปี่จึงล้มเลิกแผนลวงข้าศึกมาที่ซุ่มและมีรับสั่งให้ทหาร 80,000 นายออกจากหุบเขาที่ซุ่มอยู่ เมื่อลกซุนทราบข่าว จึงพูดกับเหล่านายทหารของง่อก๊กว่า "สาเหตุที่ข้าไม่ทำตัวคำแนะนำของพวกท่านให้โจมตีข้าศึกก็เพราะข้าสงสัยว่ามีบางอย่างชอบกลเช่นนี้แหละ" จากนั้นจึงเขียนฎีกาถึงซุนกวนเพื่อชี้แจงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของอิเหลง ชี้ถึงจุดอ่อนบางประการของเล่าปี่ และรับรองกับซุนกวนว่าจะเอาชนะข้าศึกให้ได้[36]
หลายวันต่อมา เหล่านายทหารของง่อก๊กกล่าวกับลกซุนว่า:
"เราควรโจมตีเล่าปี่ตั้งแต่เนิ่น ๆ บัดนี้เล่าปี่รุดหน้าเข้ามาอีก 500 ถึง 600 ลี้ เราอยู่ภาวะคุมเชิงกันเจ็ดถึงแปดเดือนแล้ว เล่าปี่เสริมกำลังไปยังจุดยุทธศาสตร์ทั้งหมด หากเราโจมตีก็คงจะไม่เป็นผล"[37]
ลกซุนตอบว่า
"เล่าปี่มีเล่ห์เหลี่ยมและมากประสบการณ์ ในช่วงต้นทัพเล่าปี่กำลังฮึกเหิมมีขวัญกำลังใจสูง จึงไม่อาจเอาชนะได้ แต่บัดนี้เมื่อผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ทหารเล่าปี่เหนื่อยล้า ขวัญกำลังใจตกต่ำ และไม่มีความคิด บัดนี้จึงถึงเวลาแล้วที่จะเปิดการโจมตีหลายทางกับข้าศึก"[38]
จากนั้นลกซุนจึงให้โจมตีค่ายข้าศึกค่ายหนึ่งแต่ตีไม่สำเร็จ เหล่านายทหารของง่อก๊กบ่นว่า "เรากำลังสังเวยชีวิตทหารโดยเปล่าประโยชน์" ลกซุนตอบว่า "ข้าได้คิดแผนกลยุทธ์เพื่อเอาชนะข้าศึกแล้ว" แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้แบกฟางคนละมัดเข้าโจมตีด้วยไฟใส่ข้าศึก เมื่อเริ่มการโจมตีด้วยไฟ ลกซุนนำทุกหน่วยทหารของง่อก๊กทั้งหมดเข้าโจมตีทัพจ๊กก๊ก[39] จูเหียนเอาชนะกองกำลังทัพหน้าของจ๊กก๊ก ตัดเส้นทางถอยทัพ และบีบให้เล่าปี่ต้องล่าถอย[18] ทหารใต้บังคับบัญชาของพัวเจี้ยงสังหารปองสิบและสร้างความเสียหายอย่างมากแก่หน่วยทหารของปองสิบ[19] ซงเขียมทำลายกองทหารรักษาการณ์ของจ๊กก๊กห้ากองและสังหารนายทหารผู้ป้องกัน[20] เตียวหลำ สะโมโข (ราชาชนเผ่าที่เป็นพันธมิตรกับจ๊กก๊ก) ม้าเลี้ยง[27] และอองฮู[40]ถูกสังหารในที่รบ ส่วนตู้ ลู่ (杜路) และหลิว หนิง (劉寧) ถูกบีบให้ยอมจำนนต่อง่อก๊ก ค่ายทัพจ๊กก๊กมากกว่า 40 ค่ายถูกทัพง่อก๊กทำลาย[41][42] ในทัพจ๊กก๊กมีเพียงหน่วยของเฮียงทงที่สามารถล่าถอยโดยไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ[43]
ตำแหน่งที่แท้จริงของยุทธการคือช่วงรอยต่อระหว่างทางตะวันตกของอำเภออี๋ตูและทางตะวันออกของอำเภอฉางหยางในนครอี๋ฉาง มณฑลหูเป่ย์[1]
เล่าปี่และกำลังทหารที่เหลือล่าถอยไปยังเขาม้าอั๋ว (馬鞍山 หม่าอานชาน; ปัจจุบันอยู่ทางตะวันออกของอำเภอชางหยาง มณฑลหูเป่ย์)[1] ซึ่งยังคงถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากทัพง่อก๊กในทุกทิศทาง ในเวลาเดียวกัน เกิดดินถล่มขึ้นที่เขาม้าอั๋วทำให้ทัพจ๊กก๊กได้รับบาดเจ็บหลายพันคน ซุนหวนขุนพลง่อก๊กต่อสู้อย่างสุดชีวิตและฝ่าแนวรบของข้าศึกไปยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเขาม้าอั๋ว กองกำลังของเล่าปี่ถูกบีบให้หนีผ่านพื้นที่ภูเขาอันตรายและหนีพ้นในตอนกลางคืนอย่างแทบเอาชีวิตไม่รอด[25] ระหว่างการล่าถอย เล่าปี่มีรับสั่งให้ทหารไปนำชุดเกราะมากองและจุดไฟเผาเพื่อสร้างแนวป้องกันสกัดการไล่ตามของทัพง่อก๊ก[44]
เล่าปี่รวบรวมกองกำลังที่กระจัดกระจายใหม่ และมีรับสั่งให้ละทิ้งเรือและเดินเท้าไปยังอำเภอยฺหวีฟู่ (魚復) ที่ซึ่งพระองค์เปลี่ยนชื่อเป็น "เองอั๋น" (永安 หย่งอาน; แปลว่า "สันตินิรันดร์") นายทหารของ่อก๊กคือลิอี้ (李異; หลี่ อี้) และหลิว เออ (劉阿) นำกองกำลังไล่ตามเล่าปี่และตั้งกองทหารรักษาการที่ลำสัน (南山 หนานซาน) ปลายเดือนกันยายนหรือต้นตุลาคม ค.ศ. 222 เล่าปี่และกองกำลังถอยมาถึงช่องเขาอู[45]
ในเวลาที่เล่าปี่มาถึงเป๊กเต้เสียโดยปลอดภัย เรือ ยุทโธปกรณ์ และเสบียงทั้งหมดของทัพจ๊กก๊กถูกทัพง่อก๊กยึดไป ศพทหารจ๊กก๊กล่องลอยอยู่ในแม่น้ำและกีดขวางการไหลของน้ำ เล่าปี่ทรงกริ้วต่อการพ่ายแพ้ของพระองค์ ตรัสอุทานว่า "ไม่ใช่เพราะลิขิตสวรรค์หรอกหรือที่ทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้าเพราะลกซุน"[46] เมื่อเตียวจูล่งนำกองกำลังเสริมยกจากกังจิวมาที่เตงอั๋น ทัพง่อก๊กที่ไล่ตามมาก็ล่าถอยไปเองแล้ว[9]
ในช่วงต้นของยุทธการ ซุนหวนนำกองกำลังแยกเข้าโจมตีทัพหน้าของจ๊กก๊กที่งิเต๋า แต่จบลงด้วยการถูกล้อมโดยข้าศึก ซุนหวนขอกำลังเสริมจากลกซุนแต่ลกซุนปฏิเสธ นายทหารง่อก๊กคนอื่น ๆ พูดกับลกซุนว่า "ขุนพลซุนเป็นญาติของนายท่าน บัดนี้กำลังถูกล้อม เราไม่ควรไปช่วยหรอกหรือ" ลกซุนตอบว่า "เขาได้รับการสนับสนุนจากทหารของเขาอยู่แล้ว ฐานที่มั่นก็ป้องกันได้มั่นคงดี และเสบียงก็มีเพียงพอ ไม่มีอะไรต้องวิตก เมื่อดำเนินตามแผนของข้า ถึงเราไม่ไปช่วยเขา วงล้อมก็จะสลายไปเอง" หลังจากง่อก๊กได้รับชัยชนะที่จูเต๋ง ซุนหวนมาพบลกซุนและพูดว่า "ก่อนหน้านี้ข้าโกรธมากจริง ๆ ที่ท่านปฏิเสธไม่ไปช่วยข้า แต่บัดนี้หลังได้รับชัยชนะ ข้าเห็นแล้วว่าท่านมีแนวทางจะกระทำการในแบบของท่านเอง"[47]
นายทหารของง่อก๊กหลายคนที่เข้าร่วมในยุทธการมีทั้งที่รับราชการในง่อตั้งแต่ยุคของซุนเซ็กและที่เป็นญาติของตระกูลซุนกวน นายทหารเหล่านี้จึงมองว่าตนสูงส่งและไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของลกซุน[48] ลกซุนวางกระบี่ลงบนโต๊ะและพูดว่า:
"เล่าปี่มีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน แม้แต่โจโฉยังหวั่นเกรง บัดนี้เล่าปี่อยู่ที่ชายแดนและเราก็กำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก พวกท่านได้รับความกรุณาจากรัฐ จึงควรจะร่วมมือกันอย่างสมัครสมานและปฏิบัติงานร่วมกันในการปราบข้าศึกเพื่อตอบแทนความกรุณาของรัฐ พวกท่านไม่ควรปฏิบัติตนอย่างที่พวกท่านเป็นอยู่บัดนี้ ข้าอาจจะเป็นเพียงบัณฑิต แต่ข้าได้รับคำสั่งจากนายท่าน เหตุผลที่รัฐขอให้พวกท่านลดตนและยอมรับคำบัญชาการของข้าก็เพราะข้ามีค่าเล็กน้อยและข้าสามารถอดทนต่อความอัปยศเพื่อประโยชน์แก่การที่ใหญ่ยิ่งกว่า พวกท่านต่างมีหน้าที่ของตนเองจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กฎอัยการศึกมีกำหนดไว้นานแล้ว พวกท่านไม่ควรฝ่าฝืน"[49]
นายทหารของง่อก๊กเริ่มแสดงความนับถือลกซุนมากขึ้นหลังง่อก๊กได้รับชัยชนะโดยสาเหตุหลักมาจากความสำเร็จทางกลยุทธ์ของลกซุน ลกซุนไม่ได้รายงานเรื่องที่นายทหารเหล่านี้ไม่เชื่อฟังตนแก่ซุนกวน แต่ซุนกวนก็ทราบเรื่องได้เองในภายหลังยุทธการ เมื่อซุนกวนถามลกซุนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลกซุนตอบว่าตนเห็นคุณค่าของนายทหารเหล่านี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของตน และตัดสินใจที่จะอดทนต่อพวกเขาเพราะตนรู้สึกว่าเป็นการรักษาความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการต้านการบุกของจ๊กก๊ก ซุนกวนยกย่องและมอบรางวัลให้ลกซุนอย่างงาม[50]
เปาเตียวอาสาคุ้มกันแนวหลังในขณะที่ทัพจ๊กก๊กกำลังล่าถอยจากอิเหลงและจูเต๋ง เปาเตียวยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงและทุ่มความโกรธในการรบกับข้าศึกแม้ว่าทหารร่วมรบทั้งหมดจะถูกสังหารจนสิ้นก็ตาม เมื่อทหารง่อก๊กบอกให้เปาเตียวยอมจำนน เปาเตียวตอบว่า "ไอ้พวกหมาแดนง่อ! คิดว่าขุนพลฮั่นจะยอมจำนนหรือไร" ในที่สุดเปาเตียวจึงถูกสังหารในที่รบ[51]
เทียกีก็คุ้มกันแนวหลังระหว่างการล่าถอยของทัพจ๊กก๊กเช่นกัน เมื่อข้าศึกยกมาใกล้ มีบางคนเสนอให้เทียกีสละเรือหนี แต่เทียกีตอบว่า "ข้าไม่เคยหนีจากยุทธการตลอดการเป็นทหารของข้า อีกทั้งจักรพรรดิกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย" เมื่อทัพง่อก๊กมาถึง เทียกีถือทวนจี่ต่อสู้อย่างดุเดือด สามารถจมเรือข้าศึกได้จำนวนหนึ่งก่อนที่เทียกีจะถูกข้าศึกล้อมและสังหารในที่สุด[52]
เมื่อโจผีได้รับข่าวว่าทัพจ๊กก๊กตั้งค่ายต่อเนื่องเป็นระยะทางยาวมากกว่า 700 ลี้[53] จึงตรัสกับเหล่าขุนนางว่า:
"(เล่า) ปี่ไม่รู้พิชัยยุทธ์ มีใครบ้างที่ทำศึกโดยตั้งค่ายเป็นระยะทางยาวกว่า 700 ลี้ 'ผู้ที่วางกองกำลังไว้ในพื้นที่ป่าและพื้นที่อับชื้นมีอุปสรรคก็มีชะตาต้องถูกข้าศึกจับ' นี่เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำศึก ข้าจะได้ข่าวจากซุนกวนในไม่ช้า"[54]
โจผีได้รับรายงานเรื่องชัยชนะของง่อก๊กในอีก 7 วันต่อมา[55]
อุยก๋วนและกองกำลังแยกของทัพจ๊กก๊กที่ฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซีถูกตัดขาดจากทัพหลักของจ๊กก๊กระหว่างการจู่โจมกลับของทัพง่อก๊กและไม่สามารถกลับไปยังจ๊กก๊กได้ อุยก๋วนและผาง หลิน (龐林; น้องชายของบังทอง) ผู้ใต้บังคับบัญชาหมดหนทางจึงนำกองกำลังเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก[56][57]
เกิดกบฏขนาดเล็กในเมืองเลงเหลง (零陵 หลิงหลิง) และฮุยเอี๋ยง (桂陽 กุ้ยหยาง) หลังทัพจ๊กก๊กล่าถอย เปาจิดที่มาประจำการที่อี้หยางตั้งแต่ก่อนยุทธการจึงนำทัพง่อก๊กไปปราบปรามกบฏ[29]
หลังยุทธการ ชีเซ่ง พัวเจี้ยง ซงเขียม และนายทหารของง่อก๊กคนอื่น ๆ แนะนำให้โจมตีเป๊กเต้เสียเพื่อจับตัวเล่าปี่ เมื่อซุนกวนถามความคิดเห็นจากลกซุน ลกซุน จูเหียน และเล่งทอง (駱統 ลั่ว ถ่ง) กล่าวว่าเมื่อโจผีรวบรวมกำลังทหารและทำทีจะมาช่วยง่อก๊กโจมตีจ๊กก๊กแต่แท้จริงแล้วมีเจตนาร้าย จึงเตือนซุนกวนเกี่ยวกับเรื่องนี้และแนะนำให้ยกเลิกการไล่ตามเล่าปี่แล้วกลับไปง่อก๊ก ซุนกวนทำตามคำแนะนำ ไม่นานหลังจากนั้นโจผีนำทัพวุยก๊กบุกง่อก๊กจากสามทิศทาง[58]
เมื่อเล่าปี่ได้ยินเรื่องการบุกง่อก๊กของวุยก๊ก จึงทรงพระอักษรถึงลกซุนว่า:
"บัดนี้ข้าศึก (วุยก๊ก) อยู่ที่กังเหลง หากข้าเปิดการโจมตีอีกครั้ง ตามความเห็นของท่านแล้วคิดว่าข้าจะชนะหรือไม่"[59]
ลกซุนเขียนหนังสือทูลตอบว่า:
"กระหม่อมเกรงว่าทัพของฝ่าบาทเพิ่งพ่ายแพ้และยังไม่ฟื้นตัว ยามนี้เป็นเวลาที่ฝ่าบาทควรจะประนีประนอม พักผ่อนและพักฟื้น มิใช่เวลาที่ควรจะเปิดการโจมตีเราอีกครั้ง แต่หากฝ่าบาทไม่ทรงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและวางแผนจะส่งกองกำลังที่เหลือทั้งหมดออกโจมตีอีกครั้ง กระหม่อมขอรับรองว่าจะไม่เหลือใครที่ฝ่าบาทส่งมาที่นี่ที่จะรอดชีวิตกลับไป"[60]
เล่าปี่ประชวรหนักในเดือนเมษายน ค.ศ. 223 ก่อนจะสวรรคตในวันที่ 10 มิถุนายน พระองค์ตั้งให้โอรสเล่าเสี้ยนเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์และตั้งให้จูกัดเหลียงและลิเงียมเป็นผู้สำเร็จราชการช่วยเหลือเล่าเสี้ยน หลังจากจูกัดเหลียงได้อำนาจบริหารจึงดำเนินการผูกไมตรีกับง่อก๊กและฟื้นฟูความเป็นพันธมิตรระหว่างง่อก๊กและจ๊กก๊กอีกครั้งเพื่อต้านวุยก๊ก[61][62]
ทัพง่อก๊ก
|
ทัพจ๊กก๊ก
|
เหตุการณ์ก่อน, ระหว่าง และหลังยุทธการที่อิเหลงถูกเล่าในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 เรื่องสามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) โดยล่อกวนตง ในระหว่างตอนที่ 81-84[c] มีการเพิ่มเรื่องราวสมมติบางเรื่องและขยายความเรื่องราวของเหตุการณ์จริงเพื่อผลเชิงละคร ต่อไปนี้เป็นบางเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับยุทธการที่อิเหลงตามที่บรรยายในนิยาย:
จักรพรรดิเล่าปี่วางแผนที่จะยกทัพไปรบกับซุนกวนเพื่อแก้แค้นให้กวนอูและชิงมณฑลเกงจิ๋วคืน ขุนนางหลายคนคัดค้านการตัดสินใจของพระองค์ คนแรกที่พยายามห้ามพระองค์ไม่ให้ทำศึกคือเตียวจูล่ง แต่เล่าปี่ก็เพิกเฉยเสีย[67][68] ภายหลังขุนนางจ๊กก๊กคนอื่น ๆ อย่างม้าเลี้ยงและตันจิ๋นเรียกร้องให้จูกัดเหลียงทูลยับยั้งเล่าปี่ จูกัดเหลียงจึงนำขุนนางเหล่านั้นไปเข้าเฝ้าเล่าปี่และทูลทัดทานการติดสินพระทัยของพระองค์ แต่เล่าปี่ปฏิเสธคำแนะนำ ขณะเล่าปี่กำลังเตรียมการทำศึก จินปิดทูลทัดทานการตัดสินพระทัยของพระองค์ เล่าปี่ทรงกริ้วต้องการจะสั่งประหารชีวิตจินปิด แต่จูกัดเหลียงและขุนนางจ๊กก๊กคนอื่น ๆ ทูลขอชีวิตให้จินปิด จินปิดจึงได้รับการละเว้นโทษ จากนั้นจูกัดเหลียงจึงเขียนฎีกาถึงเล่าปี่ทูลอธิบายเหตุผลที่เล่าปี่ไม่ควรทำศึกกับซุนกวน แต่เมื่อเล่าปี่อ่านแล้วจึงขว้างฎีกาลงกับพื้นแล้วตรัสว่า "เราไม่ฟังคำขุนนางทั้งปวงแล้ว อย่าห้ามเราเลย"[69][70]
บันทึกประวัติศาสตร์ สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ) ไม่ได้ระบุเรื่องที่จูกัดเหลียงคัดค้านการติดสินพระทัยของเล่าปี่ในการออกรบกับซุนกวน แต่มีการระบุว่าเตียวจูล่งและจินปิดพยายามจะทูลทัดทานเล่าปี่ เตียวจูล่งทูลแนะนำเล่าปี่ไม่ให้โจมตีซุนกวนแต่คำแนะนำถูกเพิกเฉย[9] จินปิดถูกเล่าปี่สั่งให้นำตัวไปขังคุกหลังจินปิดทูลทัดทานการทำศึก แต่ได้รับการปล่อยตัวในภายหลัง[10]
ฮองตงขุนพลจ๊กก๊กเข้าร่วมในยุทธการที่อิเหลงแม้ว่าจะอายุมากกว่า 70 แล้วในเวลานั้น ฮองตงสังหารสิวเจ๊ก (史蹟 ฉื่อ จี้) นายทหารใต้บังคับบัญชาของพัวเจี้ยง และเอาชนะกองกำลังของพัวเจี้ยงได้ในการรบวันแรก ในวันที่สองระหว่างที่ฮองตงไล่ตามพัวเจี้ยงก็ตกอยู่ในการซุ่มโจมตีและถูกล้อมโดยจิวท่าย ฮันต๋ง เล่งทอง (凌統 หลิง ถ่ง) และพัวเจี้ยง ฮองตงถูกม้าต๋ง (馬忠 หม่า จง) ยิงด้วยเกาทัณฑ์ กวนหินและเตียวเปายกกำลังมาช่วยฮองตงฝ่าออกจากวงล้อมมาได้ แต่ฮองตงก็เสียชีวิตจากบาดแผลในคืนนั้น เล่าปี่ทรงกรรเสงให้กับการตายของฮองตง เนื่องจากยุทธการที่อิเหลงในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 221-222 ปีที่ฮองตงเสียชีวิตตามที่ระบุในนวนิยายจึงควรอยู่ในราวปี ค.ศ. 221-222[71][72]
ชีวประวัติฮองตงในสามก๊กจี่ระบุว่าฮองตงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 220 หนึ่งปีหลังสิ้นสุดยุทธการที่ฮันต๋ง สาเหตุการเสียชีวิตไม่มีการระบุ[73]
ในการศึกช่วงต้นครั้งหนึ่ง กวนหินเผชิญหน้ากับพัวเจี้ยงผู้จับตัวกวนอูที่เป็นบิดาของตนในการซุ่มโจมตีระหว่างยุทธการที่เป๊กเสีย กวนหินจึงไล่ตามพัวเจี้ยงเข้าไปในหุบเขาด้วยความอยากจะแก้แค้นให้บิดาแต่หลงทางอยู่ในนั้น ครั้นเวลากลางคืน กวนหินขับม้าไปรอบ ๆ จนกระทั่งพบบ้านหลังหนึ่งที่มีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ กวนหินจึงขอพักค้างแรมที่นั่น กวนหินเห็นภาพวาดของกวนอูผู้บิดาแขวนบนผนังในบ้านหลังนั้น ต่อมาในคืนนั้นพัวเจี้ยงก็มาเจอบ้านหลังเดียวกันนี้และขอค้างแรม กวนหินเห็นพัวเจี้ยงจึงร้องตะคอกใส่ พัวเจี้ยงคิดจะหนีแต่ก็เจอเข้ากับผีของกวนอูจึงตกใจแน่นิ่งไป กวนหินตามมาทันและสังหารพัวเจี้ยงเสีย ควักหัวใจนำมาวางบนแท่นหน้าภาพวาดกวนอูเพื่อเซ่นแก่วิญญาณของบิดา[74][75]
ชีวประวัติพัวเจี้ยงในสามก๊กจี่ระบุว่าพัวเจี้ยงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 234 – หลังยุทธการที่อิเหลงมากกว่า 10 ปี สาเหตุการเสียชีวิตไม่ระบุแน่ชัด[76] ชีวประวัติกวนอูระบุว่ากวนหินรับราชการในฐานะขุนนางฝ่ายพลเรือนในจ๊กก๊กหลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว (เมื่ออายุราว 19 ปี) และเสียชีวิตในอีกไม่กี่ปีต่อมาขณะอยู่ในตำแหน่ง[77] กวนหินจึงอาจจะไม่ได้เข้าร่วมในยุทธการ
กำเหลงกำลังป่วยเป็นโรคบิดในช่วงที่เกิดยุทธการที่อิเหลง แต่ยังคงเข้าร่วมในยุทธการโดยไม่คำนึงถึงอาการป่วยของตน ระหว่างที่กำเหลงขณะกำลังพักผ่อนก็ได้ยินว่าทัพข้าศึกกำลังใกล้เข้ามา กำเหลงจึงรีบขึ้นม้าและเตรียมเข้ารบ กำเหลงเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารชนเผ่าที่นำโดยสะโมโข กำเหลงเห็นว่ากำลังข้าศึกมีมากเกินไปจึงตัดสินใจล่าถอย ระหว่างขี่ม้าหนีกำเหลงถูกสะโมโขยิงเกาทัณฑ์ไปถูกหน้าผาก กำเหลงยังคงหนีต่อไปโดยลูกเกาทัณฑ์ยังติดอยู่ที่หน้าผาก เมื่อมาถึงอูตี๋ (富池 ฟู่ฉือ; ปัจจุบันคืออำเภอหยางซิน มณฑลหูเป่ย์) กำเหลงนั่งลงใต้ต้นไม้และเสียชีวิต กาสิบกว่าตัวบนต้นไม้บินลงมาล้อมรอบศพ เมื่อซุนกวนทราบข่าวการเสียชีวิตของกำเหลงก็เสียใจอย่างมากและให้ฝังศพของกำเหลงอย่างสมเกียรติ[78][79]
ไม่มีข้อมูลสาเหตุการเสียชีวิตและวันเวลาที่กำเหลงเสียชีวิตในชีวประวัติของกำลังในสามก๊กจี่ การเสียชีวิตของกำเหลงมีระบุโดยสังเขปว่าเมื่อกำเหลงเสียชีวิต ซุนกวนร้องไห้ให้กับการเสียชีวิตของกำลังอย่างสุดซึ้ง[80]
เล่าปี่ล่าถอยโดยมีกวนหินและเตียวเปาคอยคุ้มกันหลังทัพง่อก๊กจุดไฟเผาค่ายของทัพจ๊กก๊กและยกกำลังไล่ตามเล่าปี่ ในช่วงเวลาวิกฤต เตียวจูล่งก็ปรากฏตัวมาสกัดการโจมตีของข้าศึก เตียวจูล่งเผชิญหน้ากับจูเหียนและสังหารจูเหียนได้ แล้วช่วยคุ้มกันเล่าปี่ที่มุ่งหน้าไปยังเป๊กเต้เสีย[81][82]
ในเจ้ายฺหวินเปี่ยจฺว้านระบุว่าเตียวจูล่งไม่ได้เข้าร่วมในยุทธการที่อิเหลง ก่อนยุทธการ เตียวจูล่งทัดทานเล่าปี่ไม่ให้ยกทัพไปรบกับซุนกวนแต่ถูกเพิกเฉย เล่าปี่มีรับสั่งให้เตียวจูล่งอยู่รักษาอำเภอกังจิว เมื่อเตียวจูล่งทราบข่าวว่าเล่าปี่แตกพ่ายที่จีกุ๋ย จึงนำกองกำลังจากกังจิวมายังเตงอั๋นเพื่อช่วยเล่าปี่[9]
ชีวประวัติจูเหียนในสามก๊กจี่ระบุว่าจูเหียนเสียชีวิตในปี ค.ศ. 249 ขณะอายุ 68 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก) – หลังยุทธการที่อิเหลงราว 27 ปี[83] นอกจากนี้จูเหียนยังมีชีวิตยืนยาวกว่าเตียวจูล่งซึ่งตามประวัติศาสตร์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 229[84]
ข่าวการพ่ายแพ้ของเล่าปี่ในยุทธการรู้ไปถึงซุนฮูหยินอดีตภรรยาของเล่าปี่ซึงได้กลับไปยังง่อก๊ก หลังได้ยินข่าวลือว่าเล่าปี่ถูกปลงพระชนม์ในยุทธการ ซุนฮูหยินจึงเดินทางออกไปที่ริมฝั่งแม่น้ำแยงซี ซุนฮูหยินหันหน้าไปทางตะวันตกและร้องไห้ก่อนจะโจนน้ำตาย[85][86]
ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าซุนฮูหยินเป็นอย่างไรหลังจากเดินทางจากเล่าปี่กลับไปในอาณาเขตของง่อก๊ก
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.