ภาษามราฐี (มราฐี: मराठी, Marāṭhī, ออกเสียง [məˈɾaːʈʰiː] ( ฟังเสียง)) เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันที่พูดโดยชาวมราฐีในรัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย โดยเป็นภาษาทางการในรัฐมหาราษฏระ และภาษาร่วมทางการในรัฐกัวกับดินแดนดาดราและนครหเวลี และดามันและดีอู ภาษามราฐีเป็นหนึ่งใน 22 ภาษากำหนดที่มีผู้พูดใน ค.ศ. 2011 ที่ 83 ล้านคน ภาษามราฐีเป็นภาษาที่มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาแม่มากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก และเป็นภาษาที่มีจำนวนผู้พูดมากเป็นอันดับที่ 3 ในอินเดีย โดยเป็นรองเพียงภาษาฮินดีและภาษาเบงกอล[3] ภาษานี้มีวรรณกรรมบางส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของภาษาในอินเดียสมัยใหม่ทั้งหมด ซึ่งสืบต้นตอถึงประมาณ ค.ศ. 600[4] สำเนียงหลักของภาษามราฐีคือมราฐีมาตรฐานและสำเนียง Varhadi[5]
ภาษามราฐี | |
---|---|
Marāṭhī | |
मराठी, 𑘦𑘨𑘰𑘙𑘲 | |
"มราฐี" ในอักษรเทวนาครีและอักษรโมฑี | |
ออกเสียง | [məˈɾaːʈʰiː] |
ประเทศที่มีการพูด | อินเดีย |
ภูมิภาค | รัฐมหาราษฏระ |
ชาติพันธุ์ | ชาวมราฐี |
จำนวนผู้พูด | 83 ล้านคน (2011)[1] ภาษาที่สอง: 12 ล้านคน[1] |
ตระกูลภาษา | อินโด-ยูโรเปียน
|
รูปแบบก่อนหน้า | ภาษามหาราษฏรี
|
ภาษาถิ่น | Maharashtrian Konkani
Varhadi Marathi
Thanjavur Marathi
มราฐีอินเดียตะวันออก
ยิว-มราฐี
|
ระบบการเขียน |
|
สถานภาพทางการ | |
ภาษาทางการ | อินเดีย
|
ผู้วางระเบียบ | Ministry of Marathi Language และสถาบันอื่น ๆ |
รหัสภาษา | |
ISO 639-1 | mr |
ISO 639-2 | mar |
ISO 639-3 | อย่างใดอย่างหนึ่ง:mar – มราฐีใหม่omr – มราฐีเก่า |
นักภาษาศาสตร์ | omr มราฐีเก่า |
Linguasphere | 59-AAF-o |
บริเวณที่ภาษามราฐีเป็นภาษาของชนกลุ่มใหญ่ บริเวณที่ภาษามราฐีเป็นภาษาของชนกลุ่มน้อย |
ประวัติ
ภาษามราฐีเป็นภาษาที่สืบทอดลักษณะทางไวยากรณ์และคำศัพท์จากภาษาสันสกฤต โดยผ่านภาษามหาราษฏรี ซึ่งเป็นภาษาถิ่นหนึ่งของภาษาปรากฤต ในสมัยจักรวรรดิสาตวาหนะ ซึ่งมีราชธานีในเมืองประติษฐาน ในราวพุทธกาล ภาษามราฐีถือเป็นภาษาหลักของภูมิภาคนั้น และนับว่าเป็นภาษาปรากฤตที่แผร่หลายกว้างขวางที่สุดในยุคนั้น และโดดเด่นเหนือกว่าภาษาปรากฤตทั้งหมดที่ใช้ในวรรณคดีประเภทบทละคร (ได้แก่ มหาราษฏรี เสารเสนี และมาคธี) นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษามหาราษฎรีแขนงหนึ่งในการบันทึกคัมภีร์ศาสนาเชน ขณะที่จักรพรรดิสัตตสัยทรงแต่งโศลก 700 บท เป็นชิ้นงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาวรรณกรรมภาษามหาราษฎรี ภาษามหาราษฏรีค่อยๆ วิวัฒนาการไปสู่ภาษามราฐี ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-16
ภาษาปรากฤตหลายภาษารวมทั้งภาษามหาราษฏรีเป็นภาษาที่สืบทอดมาจากภาษาสันสกฤตพระเวท และต่อมาได้พัฒนาเป็นภาษาสมัยใหม่รวมทั้งภาษามราฐี อย่างไรก็ตาม เชื่อกันว่า ภาษามราฐีได้มีการรวมลักษณะของกลุ่มภาษาดราวิเดียนโบราณในบริเวณนั้นซึ่งใกล้เคียงกับบริเวณของผู้พูดภาษากันนาดาและภาษาเตลูกู และได้รวมลักษณะของภาษามหาราษฏรีและภาษาสันสกฤตเอาไว้ด้วย นอกจากนั้น ในปัจจุบันยังได้รับอิทธิพลจากภาษาเปอร์เซีย ภาษาอาหรับหรือภาษาอูรดูซึ่งทำให้ภาษานี้มีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาฮินดี
ภาษามหาราษฏรีใช้เป็นภาษาพูดจนถึงประมาณ พ.ศ. 1418 และเป็นภาษาราชการของจักรวรรดิสาตวาหนะ ซึ่งมีการใช้เขียนวรรณคดีที่สำคัญหลายเรื่อง ภาษามหาราษฏรีจัดเป็นภาษาปรากฤตที่มีการใช้มากที่สุดทางตะวันตกและทางใต้ของอินเดียโดยใช้ในบริเวณมัลวา และราชปุตนะทางเหนือไปจนถึงกฤษณะและตุงคภัทรทางใต้
ยุคเริ่มต้น – พุทธศตวรรษที่ 16
เอกสารภาษามราฐีที่พบการเขียนในยุคแรก พบในรัฐกรณาฏกะ อายุราว พ.ศ. 1243 พบจารึกบนแผ่นทองแดงของวิชยทิตย์ในสตระอายุราว พ.ศ. 1282 และยังพบจารึกหินที่พระบาทของสรวนเพลโฆล โฆมาเทศวรร ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1526 และยังพบในเอกสารของศาสนาเชน ในช่วงเวลานั้น ภาษษมราฐีจัดเป็นภาษาเอกเทศที่มีผู้ใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ทางเหนือของรัฐมหาราษฏระไปจนถึงทางใต้ของรัฐกรณาฏกะ พบจารึกที่มีอายุระหว่าง พ.ศ. 1522 – 1813
พุทธศตวรรษที่ 17 – พ.ศ. 2448
วรรณคดีภาษามราฐีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการสนับสนุนของราชวงศ์ยทวะแห่งเทพคีรี ภาษามราฐีเป็นภาษาที่ใช้ในศาลและมีการแปลภควัตคีตาจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษามราฐี จักะธรร สวามี แห่งมหนุภาพ เป็นผู้ทำให้ภาษามราฐีแพร่หลายไปในฐานะภาษาที่เป็นสื่อกลางทางศาสนาและวัฒนธรรม
ตั้งแต่พ.ศ. 2173 ภาษามราฐีมีความสำคัญมากขึ้นพร้อมกับการขยายอำนาจของจักรวรรดิมราฐา ซึ่งได้ขยายจักรวรรดิไปทางเหนือจนถึงเดลฮี ทางตะวันออกไปถึงโอริสสาและทางใต้ไปจนถึงทันชวูร์ในทมิฬนาฑู ทำให้มีการแพร่กระจายของภาษามราฐีไปในบริเวณเหล่านี้ หลังพุทธศตวรรษที่ 23 จักรวรรดิมราฐาได้ลดความสำคัญลง
ยุคใหม่
หลังพ.ศ. 2343 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 25 ในสมัยที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ มีการจัดมาตรฐานของไวยากรณ์ภาษามราฐีโดยมิชชันนารี William Caray ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารานุกรมและไวยากรณ์ภาษามราฐี ภาษาในยุคนี้เริ่มได้รับอิทธิพลจากภาษาอังกฤษโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับการศึกษา หนังสือภาษามราฐีที่แปลมาจากภาษาอังกฤษตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2360 และหนังสือพิมพ์ภาษามราฐีเริ่มตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2378 หลังจากอินเดียได้รับเอกราช ภาษามราฐีมีสถานะเป็นภาษาที่มีความสำคัญระดับชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 ได้มีการจัดตั้งองค์กรทางด้านภาษามราฐีขึ้นในรัฐมหาราษฏระ และจัดให้มีการประชุมวิชาการทางด้านภาษามราฐีขึ้นทุกปี
การจำแนก
ภาษามราฐีจัดเป็นภาษาในตระกูลอินเดีย-อารยะ (อินโด-อารยัน) ในตระกูลใหญ่ อินเดีย-ยุโรป อันเป็นตระกูลภาษาที่มีสาขากระจายไปทั่วเอเชียและยุโรป
การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์
ภาษามราฐีส่วนใหญ่ใช้พูดในรัฐมหาราษฏระและรัฐใกล้เคียง เช่น รัฐคุชราต มัธยประเทศ กัว รัฐกรณาฏกะ และรัฐอานธรประเทศ ดามันและดีอู ดาดรา-หเวลี และรัฐฉัตตีสครห์ และยังใช้พูดโดยผู้อพยพชาวอินเดียที่ไปจากรัฐมหาราษฏระทั่วโลก เช่นในสหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ สิงคโปร์ เยอรมัน อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ และอาจจะมีในอิสราเอลและมอริเชียสด้วย[6]
สถานะการเป็นภาษาราชการ
ภาษามราฐีเป็นภาษาราชการของรัฐมหาราษฏระและเป็นภาษาราชการร่วมในรัฐกัว ดามัน-ดีอู[2] ดาดรา-นครหเวลี[7] มีการสอนระดับสูงในมหาวิทยาลัยหลายแห่งในอินเดีย[8][9][10]
สำเนียง
สำเนียงมาตรฐานของภาษามราฐีที่ใช้ในสื่อสอิ่งพิมพ์ได้รับอิทธิพลจากบริเวณปูเน มหาราษฏระ สหิตย บริษัทเป็นหน่วยงานที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ภาษามราฐี ภาษามราฐีมีสำเนียงที่แตกต่างกันถึง 42 สำเนียง โดยแต่ละสำเนียงจะได้รับอิทธิพลจากภาษาอื่นที่อยู่ข้างเคียงทำให้แตกต่างไปจากภาษามราฐีมาตรฐาน แต่แต่ละสำเนียงยังคงเข้าใจกันได้ การแบ่งสำเนียงหลักๆของภาษามราฐี ได้แก่
- สำเนียงขัณเทศี ขัณเทศเป็นตำบลเดิมในบอมเบย์โดยแบ่งเป็นด้านตะวันตกกับตะวันออก ปัจจุบันขัณเทศตะวันออกคือชัลโกลและขัณเทศตะวันตกคือธูเล สำเนียงภาษามราฐีที่พูดโดยชาวอาหิรที่อาศัยในขัณเทศ เรียกสำเนียงอาหิรานี แต่เดิมผู้พูดสำเนียงอาหิเรนีได้เข้ามาเลี้ยงสัตว์ในเขตทุ่งหญ้าของขัณเทศ ลได้รับอิทธิพลจากภาษาและสำเนียงอื่นๆในบริเวณนี้ ทำให้แตกต่างไปจากสำเนียงอาหิเรนีเดิม สำเนียงนี้มีสระ 6 เสียง พยัญชนะ 34 เสียง โดยเป็นเสียงก้อง 14 เสียง มีการผันเป็น 3 เพศ และมี 8 การก
- สำเนียงอาหิเรนี เป็นสำเนียงที่ใช้พูดในขัณเทศตะวันตก ทางเหนือของรัฐมหาราษฏระ สำเนียงนี้ได้รับอิทธิพลจากภาษาฮินดีและภาษาคุชราต มีการสร้างคำขึ้นใช้เอง สำเนียงนี้เคยเขียนด้วยอักษรโมดี
- สำเนียงวรรหาที เป็นสำเนียงที่พูดในบริเวณวิทรรภของรัฐมหาราษฏระ ต่างจากสำเนียงอื่นที่มีเสียง y (IPA: [j])
- สำเนียงกงกัณ เป็นสำเนียงที่พูดในเขตกอนกาน แต่เป็นคนละภาษากับภาษากอนกานีในกัว มีสำเนียงย่อยอีกหลายสำเนียง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างภาษามราฐีกับภาษากอนกานี
- สำเนียงวัดวาลี เป็นสำเนียงที่พูดโดยชาววัดวัล ซึ่งเป็นเกษตรกรในบริเวณตั้งแต่ไนกวน วาไซ ไปจนถึงทาหานุ ภาษานี้ถูกอนุรักษ์โดยการเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในบริเวณนี้ ผู้พูดสำเนียงนี้ที่นับถือศาสนาฮินดูจะได้รับอิทธิพลจากภายนอกมากกว่า มีเพลงพื้นบ้านเป็นจำนวนมาก นิยมใช้เสียง ล และ น แทนเสียง ฬ และ ณ
- สำเนียงอาเร เป็นสำเนียงที่ใช้พูดมากในอันธรประเทศ
- สำเนียงทันชวูร์และนามเทพ ใช้พูดทางภาคใต้ของอินเดีย ได้แก่ทมิฬนาฑู อันธรประเทศ และกรณาฏกะ
- สำเนียงสมเวที ใช้พูดในเขตนล โสประ และวิรรร ทางเหนือของมุมไบ ผู้พูดภาษานี้สืบเชื้อสายมาจากพราหมณ์สมเวท ใกล้เคียงกับสำเนียงวัดวาลี มีคำยืมจากภาษาโปรตุเกสมาก เพราะได้รับอิทธิพลโดยตรงเมื่อเป็นอาณานิคมจนถึง พ.ศ. 2282
- สำเนียงอื่นๆ เช่น สำเนียงถกริ สำเนียงทังคี พบบริเวณรอยต่อระหว่างรัฐมหาราษฏระกับรัฐคุชราต ภาษามราฐีของชาวยิว พูดโดยชาวยิว สำเนียงกาโทที ใช้พูดในบริเวณใกล้กับวาไซ
ภาษาที่ได้รับอิทธิพลจากภาษามราฐี
- ภาษาทักขินีและภาษาอูรดูไฮเดอราบัดที่พูดในไฮเดอราบัดและเดกคานได้รับอิทธิพลจากภาษามราฐีมากโดยเฉพาะด้านไวยากรณ์ ภาษาอูรดูไฮเดอราบัดจัดเป็นภาษาลูกผสมระหว่างภาษามราฐีกับภาษาอูรดู โดยได้รับอิทธิพลด้านคำศัพท์จากภาษาเตลูกู
ไวยากรณ์
ไวยากรณ์ภาษามราฐีใกล้เคยงกับภาษากลุ่มอินโด-ยุโรเปรียนอื่นๆ เช่น ภาษาฮินดี ภาษาคุชราตและภาษาปัญจาบ หนังสือไวยากรณ์สมัยใหม่ของภาษามราฐีเล่มแรกพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2348 เขียนโดย 'William Kerry'[11] ไวยากรณืของภาษามราฐีได้รับอิทธิพลจากภาษาสันสกฤตด้วย
เพศ
มี 3 เพศได้แก่
- เพศชาย — पुल्लिंग (ปุลลินคะ)
- เพศหญิง — स्त्रीलिंग (สตรีลินคะ)
- เพศไม่ปรากฏ — नपुंसकलिंग (นปุสกลินคะ)
คำนามเพศชายลงท้ายด้วยอะหรืออุ คำนามเพศหญิงลงท้ายด้วย อา อี หรืออู
การกระทำ
รูปแบบประโยคมี 3 แบบ คือ
- กัรตารี ประโยค กริยาเปลี่ยนรูปตามประธาน ตัวอย่างเช่น Raam mhanato "รามพูด", Raam aambaa khaato "รามกินมะม่วง"
- กัรมนี ประโยค คือประโยคที่กริยาเปลี่ยนรูปตามกรรม เช่น Raamaane aambaa khallaa "มะม่วงถูกรามกิน", Raamaane saangitale "มันถูกกล่าวโดยราม"
- ภาเว ประโยค เป็นประโยคที่กริยาไม่เปลี่ยนรูปตามประธานหรือกรรม ใช้ในประโยคขอร้องหรือบังคับ เช่น Maajha nirop tyaala jaaun saang "ส่งข้อความของฉันให้เขา"
สรรพนาม
มี 3 บุรุษคือ
- ประถัม ปุรุษ สรรพนามบุรุษที่ 1 ได้แก่ mi "ฉัน" aamhi "เรา (ไม่รวมผู้ฟัง)" aapan "เรา" (รวมผู้ฟัง)
- ทวิติยะ ปุรุษ สรรพนามบุรุษที่ 2 ได้แก่ tuu "คุณ" tumhi "คุณ (พหูพจน์หรือเป็นทางการ)" aapan (เป็นทางการมาก)
- ตรุติยะ ปุรุษ สรรพนามบุรุษที่ 3 ได้แก่ to "เขา (ชาย)" tii "เขา(หญิง)" te "มัน" te "พวกเขา (ชายหรือใช้เป็นรูปเอกพจน์ที่เป็นทางการ)" tyaa "พวกเขา (หญิง)" tii "พวกเขา (ไม่ระบุเพศ)" (neuter)
ชนิดของคำ
มี 7 ชนิดคือ นามะ (สามานยนาม) วิเศศนามะ (วิสามานยนาม) สารวะนามะ (สรรพนาม) วิเศษะณะ (คุณศัพท์) กริยาวิเศษะณะ (กริยาวิเศษณ์) กริยาปะทะ (กริยา) อับยายะ
โครงสร้างประโยค
เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา ลำดับของคำเปลี่ยนไปได้บ้างแต่ไม่ทำให้ความหมายเปลี่ยนไป
การผันคำนาม
ภาษามราฐีเป็นภาษาที่มีการผันคำมาก เช่นเดียวกับภาษากลุ่ม อินโด-ยุโรเปียนโบราณ เช่นภาษาสันสกฤต ซึ่งใช้การผันคำแทนการใช้คำบุพบท แบ่งคำนามออกได้ 8 การก
เสียง
ลักษณะทางสัทวิทยาของภาษามราฐีเป็นเช่นเดียวกับกลุ่มภาษาอินโด-อารยันอื่นๆ เสียงสระในภาษามราฐีมีมากกว่าภาษาฮินดีคือมีเสียงสระแอ (अँ) และสระออ (आँ) ซึ่งพบในคำยืมจากภาษาอังกฤษ
การเขียน
การเขียนภาษามราฐีพบครั้งแรกในพุทธศตวรรษที่ 16 ในศิลาจรึกและแผ่นทองแดง ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18 -25 ภาษามราฐีเขียนด้วยอักษรโมดี และเปลี่ยนมาเขียนด้วยอักษรเทวนาครีเมื่อ พ.ศ. 2493[12] อักษรเทวนาครีสำหรับภาษามราฐีมีความแตกต่างจากอักษรที่ใช้เขียนภาษาฮินดีเล็กน้อย และเรียกว่าอักษรพัลโพธ (बाळबोध)
อักษรโมดีเป็นอักษรที่มีลักษณะเป็นเส้นโค้ง เอกสารงานเขียนในจักรวรรดิมารธาใช้อักษรชนิดนี้ แต่ก็มีการใช้อักษรอาหรับแบบเปอร์เซียด้วย เมื่อมีการพิมพ์พบว่าอักษรโมดีมีปัญหาในการจัดตัวพิมพ์ในสมัยนั้น ทำให้ใช้น้อยลง แม้ว่าในปัจจุบันจะสร้างฟอนต์สำหรับอักษรโมดีได้แล้วก็ตาม อักษรนี้ไม่เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรุ่นใหม่และกำลังสูญหายไป
คำศัพท์
คำจากภาษาอื่น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้พูดภาษามราฐีได้มีการพบปะกับผู้พูดภาษาอื่นมากมาย ภาษาสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผู้พูดภาษามราฐีคือภาษาปรากฤต ภาษามหาราษฏรี และภาษาสันสกฤต ในปัจจุบัน ภาษามราฐีมีคำศัพท์จำนวนมากที่มาจากภาษาสันสกฤต และภาษาพี่น้องอื่นๆ เช่น ภาษาฮินดี นอกจากนั้นยังมีคำศัพท์และลักษณะทางไวยากรณ์ที่ได้มาจากกลุ่มภาษาดราวิเดียนในอินเดีย และภาษาจากภายนอกอื่นๆเช่น ภาษาเปอร์เซีย ภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษและภาษาโปรตุเกส เนื่องจากบริเวณที่ใช้ภาษามราฐีเคยเป็นสถานีการค้าที่สำคัญมาก่อน
การแลกเปลี่ยนคำศัพท์กับภาษาอื่นๆ
ประมาณ 50% ของคำในภาษามราฐีมาจากภาษาสันสกฤต ส่วนคำที่ยืมมาจากภาษาอื่นๆส่วนใหญ่มาจากภาษากันนาดา ภาษาฮินดี ภาษาอูรดู ภาษาอาหรับ ภาษาเปอร์เซีย และภาษาโปรตุเกส ตัวอย่างเช่น
- Khurchii "เก้าอี้ " มาจากภาษาอาหรับkursi
- Jaahiraat "การโฆษณา" มาจากภาษาเปอร์เซีย zaahiraat
- Shiphaaras "การแนะนำ" มาจากภาษาเปอร์เซีย sifarish
- Marjii "ต้องการ" มาจากภาษาเปอร์เซีย "marzi"
- Batataa "มันฝรั่ง", มาจากภาษาโปรตุเกส
- Ananas "สับปะรด", มาจากภาษาโปรตุเกส
- Niga "มองไปข้างหลัง" มาจากภาษาเปอร์เซียnîgâh "วิสัยทัศน์"
คำยืมภาษาอังกฤษจำนวนมากใช้ในบทสนทนาโดยทั่วไป เช่น "pen" (ภาษามราฐีlekhaṇii), "shirt" (sadaraa).
การสร้างคำประสม
มีกฎในการเชื่อมคำคล้ายกับภาษาสันสกฤตและภาษาเยอรมัน คือการสนธิคำและการสมาส
ระบบการนับ
ภามราฐีมีการกำหนดชื่อตัวเลขตั้งแต่ 1-20 แลละทวีคูณของ 10 มีชื่อเฉพาะของ ¼, ½, และ ¾. คือ ปาวะ, อัรธา, และ ปะอูนะ ตามลำดับ เมื่อจำนวนเหล่านี้มากกว่า 1 จะใช้อุปสรรค สัพวา-, ซาเฑ-, ปาวะเณ- ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของเลขยกกำลังของ 10
- 100: shambhar
- 1,000: hazaar
- 100,000: laakh
- 10,000,000: koti
- 1,000,000,000: abja
- 10,000,000,000: kharva
- 100,000,000,000: nikharva
- 100,000,000,000,000,000: parardha
ตัวอย่างวลี
Words/phrases | Transliteration | Meaning |
---|---|---|
नमस्कार | Namaskār. | สวัสดี. |
तुम्ही कसे आहात? | Tumhī kase āhāt? | คุณทำอย่างไร? |
तू कसा आहेस? | Tū kasā āhes? | คุณเป็นอย่างไรบ้าง? (ใช้กับผู้ชาย) |
तू कशी आहेस? | Tū kaśī āhes? | คุณเป็นอย่างไรบ้าง? (ใช้กับผู้หญิง) |
आपण कसे आहात? | Āpaṇ kase āhāt? | คุณเป็นอย่างไรบ้าง? (เป็นทางการ) |
तुम्हाला भेटून आनंद झाला | Tumhālā bheṭūn ānaṃd jhālā. | ดีใจที่ได้พบคุณ. |
पुन्हा भेटू | Punhā bheṭū. | ลาก่อน. (ตรงตัว "เราจะพบกันอีก") |
धन्यवाद | Dhanyavād. | ขอบคุณ |
हो | Ho. | ใช่ |
नाही | Nāhī. | ไม่ |
नको | Nako. | ไม่, ขอบคุณ |
किती? | Kitī? | มากเท่าไหร่? |
कुठे? | Kuṭhe? | ที่ไหน? |
कसे? | Kase? | อย่างไร? |
केव्हा? | Kevhā? | เมื่อใด? |
कोण? | Koṇ? | ใคร? |
काय? | Kāy? | อะไร? |
शुभ रात्री। | Śubh rātrī. | ราตรีสวัสดิ์ |
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand in your browser!
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.