![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/07/Iridescent_shark.jpg/640px-Iridescent_shark.jpg&w=640&q=50)
ปลาสวาย
From Wikipedia, the free encyclopedia
ปลาสวาย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pangasianodon hypophthalmus) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาสวาย (Pangasiidae) มีส่วนหัวค่อนข้างเล็ก แนวบริเวณหัวถึงครีบหลังลาดตรง ตาอยู่เสมอหรือสูงกว่ามุมปาก ปากแคบกว่าปลาบึก ที่อยู่สกุลเดียวกัน รูปร่างเพรียวแต่ป้อมสั้นในปลาขนาดใหญ่ ก้านครีบท้องมี 8–9 เส้น ครีบก้นยาว ปลาขนาดเล็กมีสีคล้ำเหลือบเงิน ด้านข้างลำตัวสีจางและมีแถบสีคล้ำตามยาว ครีบสีจาง ครีบหางมีแถบสีคล้ำตามแนวยาวทั้งตอนบนและล่าง ปลาขนาดใหญ่มีสีเทาหรือคล้ำอมน้ำตาล ด้านข้างลำตัวสีจาง มีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร ใหญ่สุด 1.5 เมตร
ปลาสวาย | |
---|---|
![]() | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ ![]() | |
ขาดข้อมูล (กรุณาคัดลอกจากหน้านี้ในวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ มาที่หน้านี้): ขาดแม่แบบอนุกรมวิธาน ทำตามขั้นตอนด้านบนเพื่อสร้าง |
Teleosteomorpha |
อันดับ: | อันดับปลาหนัง |
วงศ์: | Pangasiidae |
สกุล: | ปลาบึก (สกุล) (Sauvage, 1878) |
สปีชีส์: | Pangasianodon hypophthalmus |
ชื่อทวินาม | |
Pangasianodon hypophthalmus (Sauvage, 1878) | |
![]() | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์และอพยพย้ายถิ่นของปลาสวาย | |
ชื่อพ้อง | |
Helicophagus hypophthalmus Sauvage, 1878 |
พบในแม่น้ำและลำคลองสายใหญ่ ทั่วประเทศไทย เป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งซึ่งมีการเพาะเลี้ยงกันมานานกว่า 50 ปี แล้ว โดยเพาะขยายพันธุ์ได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2509 โดยถือเป็นสัตว์น้ำชนิดแรกที่กรมประมงของไทยผสมเทียมประสบความสำเร็จเป็นชนิดแรกด้วย[4] ปลาในธรรมชาติมีฤดูวางไข่ในเดือนกรกฎาคม นิยมบริโภคโดยปรุงสดและรมควัน ในธรรมชาติมักพบชุกชุมตามอุทยานปลาหรือหน้าวัดต่าง ๆ ที่ติดริมน้ำ โดยในบางพื้นที่อาจมีปลาเทโพเข้ามาร่วมฝูงด้วย และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปลาที่สีกลายเป็นสีเผือก และจากการศึกษาล่าสุดพบว่า ในเนื้อปลาสวายนั้นมีโอเมกา 3 คิดเป็นปริมาณแล้วสูงกว่าในปลาทะเลเสียอีก โดยมีถึง 2,570 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม[5] [6]