ประเทศบาห์เรน
From Wikipedia, the free encyclopedia
บาห์เรน (อังกฤษ: Bahrain; อาหรับ: البحرين) หรือชื่อทางการ ราชอาณาจักรบาห์เรน (อังกฤษ: Kingdom of Bahrain; อาหรับ: مملكة البحرين) เป็นประเทศเกาะในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีสะพานเชื่อมต่อกับซาอุดีอาระเบียที่อยู่ห่างจากเกาะประมาณ 28 กิโลเมตร คือ สะพานคิงฟะฮัด ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 ส่วนสะพานมิตรภาพกาตาร์-บาห์เรน ที่กำลังอยู่ในระหว่างวางแผนงานนั้น จะเชื่อมต่อบาห์เรนเข้ากับกาตาร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก
ราชอาณาจักรบาห์เรน مملكة البحرين (อาหรับ) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศบาห์เรน (ในสีเขียว) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | มานามา 26°13′N 50°35′E |
ภาษาราชการ | ภาษาอาหรับ[1] |
ภาษาอังกฤษ[2][3] | |
กลุ่มชาติพันธุ์ (พ.ศ. 2563[4]) |
|
ศาสนา | |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ |
สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อัลเคาะลีฟะฮ์ | |
เจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | สภาที่ปรึกษา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
ได้รับเอกราช | |
• จากสหราชอาณาจักร | 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514 |
• ประกาศเอกราช[5] | 14 สิงหาคม พ.ศ. 2514 |
15 สิงหาคม พ.ศ. 2514 | |
• เป็นที่ยอมรับของสหประชาชาติ | 21 กันยายน พ.ศ. 2514 |
• ราชอาณาจักรบาห์เรน | 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 |
พื้นที่ | |
• รวม | 785.08[7] ตารางกิโลเมตร (303.12 ตารางไมล์) (อันดับที่ 172) |
น้อยมาก | |
ประชากร | |
• พ.ศ. 2560 ประมาณ | 1,425,171[8] (อันดับที่ 149) |
• สำมะโนประชากร พ.ศ. 2563 | 1,501,635[4] |
1,912.7 ต่อตารางกิโลเมตร (4,953.9 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 3) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | พ.ศ. 2562 (ประมาณ) |
• รวม | $78.760 พันล้าน[9] (อันดับที่ 94) |
• ต่อหัว | $52,129[9] (อันดับที่ 19) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | พ.ศ. 2562 (ประมาณ) |
• รวม | $41.607 พันล้าน[9] (อันดับที่ 91) |
• ต่อหัว | $27,538[9] (อันดับที่ 33) |
เอชดีไอ (พ.ศ. 2562) | 0.852[10] สูงมาก · อันดับที่ 42 |
สกุลเงิน | ดีนาร์บาห์เรน (BHD) |
เขตเวลา | UTC+3 |
รหัสโทรศัพท์ | 973 |
โดเมนบนสุด | .bh |
บาห์เรนเป็นที่ตั้งของอารยธรรมดิลมุนโบราณ[11] และมีชื่อเสียงด้านการประมงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล่าไข่มุก ซึ่งบริเวณแห่งนี้ถือว่าได้รับความนิยมที่สุดในโลกในศตวรรษที่ 19[12] บาห์เรนเป็นหนึ่งในพื้นที่แรกสุดที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม ในช่วงชีวิตของมูฮัมมัด หลังการปกครองของอาหรับ บาห์เรนถูกปกครองโดยจักรวรรดิโปรตุเกสตั้งแต่ พ.ศ. 2064 ถึง พ.ศ. 2145 หลังจากการพิชิตโดยชาห์อับบาสที่ 1 แห่งราชวงศ์ซาฟาวิด ใน พ.ศ. 2326 กลุ่ม Bani Utbah ได้ยึดครองบาห์เรนจาก Nasr Al-Madhkur ผู้ว่าการชาวอาหรับในสมัยศตวรรษที่ 18 และนับตั้งแต่นั้นมาก็ถูกปกครองโดยราชวงศ์คาลิฟา โดยมี เชคอะห์เหม็ด อิบน์ มุฮัมหมัด อิบน์ อัลเคาะลีฟะฮ์ เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของบาห์เรน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 บาห์เรนกลายเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร จากการทำสนธิสัญญากับอังกฤษ ก่อนจะได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2514[13] แต่เดิมนั้นบาห์เรนเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเอมิเรตส์ บาห์เรนได้รับการประกาศให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญของอิสลามใน พ.ศ. 2545 ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 บาห์เรนเจอปัญหาการประท้วงภายในประเทศซึ่งได้รับอิทธิพลจากอาหรับสปริงในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยราชวงศ์คาลิฟาผู้ปกครองประเทศถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งมีผู้ไม่เห็นด้วยมากมาย รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน และประชากรมุสลิมชีอะฮ์ส่วนใหญ่[14][15]
เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง บาห์เรนได้พัฒนาเศรษฐกิจของตนเองจากการค้าน้ำมันมาหลายทศวรรษและเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ทำการส่งออกน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย[16] ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในภาคการธนาคารและการท่องเที่ยวเป็นเวลาหลายทศวรรษ[17] สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายแห่งตั้งอยู่ในกรุงมานามาเมืองหลวงของประเทศ จึงมีดัชนีการพัฒนามนุษย์สูงและได้รับการยอมรับจากธนาคารโลกว่าบาห์เรนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ลำดับต้น ๆ ในตะวันออกกลางและเป็นประเทศที่มีรายได้สูง[18] บาห์เรนเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด สันนิบาตอาหรับ องค์การความร่วมมืออิสลาม และ คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ