Loading AI tools
เจ้าพนักงานตำรวจศาลในประเทศไทย สังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตำรวจศาล (อังกฤษ: Court Marshal) ในประเทศไทย เป็นข้าราชการศาลยุติธรรม[2] ตำแหน่ง เจ้าพนักงานตำรวจศาล สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย ศาลยุติธรรม ซึ่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมได้แต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. 2562[3] มาตรา 5 แต่ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจที่ขึ้นตรงต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 แต่อย่างใด
ตำรวจศาล Court Marshal | |
---|---|
อาร์มเจ้าพนักงานตำรวจศาล | |
ตราสัญลักษณ์ศาลยุติธรรม | |
ชื่อทางการ | เจ้าพนักงานตำรวจศาล |
คำขวัญ | รักษาความสงบ เคารพคำสั่งศาล คุ้มครองตุลาการ เป็นเจ้าพนักงานที่ดี |
ข้อมูลองค์กร | |
ก่อตั้ง | 15 เมษายน พ.ศ. 2562 |
เจ้าหน้าที่ | 311 นาย[1] |
โครงสร้างเขตอำนาจ | |
เขตอำนาจในการปฏิบัติการ | ศาลยุติธรรมและตามคำสั่งศาล |
บัญญัติตราสาร |
|
ลักษณะทั่วไป | |
สำนักงานใหญ่ | ศาลอาญา (อาคารจอดรถ ชั้น 2) ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 |
ผู้บริหารหน่วยงาน |
|
หน่วยงานปกครอง | ศาลยุติธรรม |
ส่วนงาน | • 7 ส่วนงาน |
ตำรวจศาลในประเทศไทย ถูกพูดถึงในหน้าสื่อเมื่อปี พ.ศ. 2557 โดย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุดในขณะนั้น ในการแถลงข่าวผลการดำเนินงานครบรอบ 13 ปีของศาลปกครอง ซึ่งพูดถึงระบบตำรวจศาลในต่างประเทศว่าควรนำมาปรับใช้ในประเทศไทยเพื่ออารักขาและรักษาความปลอดภัยแก่บุคลากรและตุลากร เนื่องจากในขณะนั้นมีการคุกคามกระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจนในหน้าสื่อมวลชน ทั้งการเดินทางไปปิดล้อมที่พัก การคุกคามต่อตัวบุคคล และการคุกคามอื่น ๆ ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการพิจารณาคดีให้ไม่มีความเป็นธรรม หากมีการจัดตั้งตำรวจศาลขึ้นก็จะสามารถพิจารณาคดีต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรม เที่ยงตรง และแก้ไขปัญหาได้อย่างสันติวิธี โดยอาศัยกำลังเจ้าหน้าที่จากภายใน เนื่องจากทุกวันนี้เวลามีเหตุก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นครั้งคราวตามการร้องขอ ซึ่งไม่เพียงพอต่อความมั่นใจในการปฏิบัติงาน หากจัดตั้งขึ้นมาแล้วก็จะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรในองค์กรตุลาการมากขึ้น[4]
นอกจากนี้ยังมีกรณีการกระทำผิดภายในเขตพื้นที่ศาลหลายกรณี อาทิ กรณีผู้ต้องหามีอาการมึนเมาและอาละวาดในบริเวณศาล[5] กรณีผู้ต้องหาใช้อาวุธมีดแทงตำรวจที่ควบคุมตัวเข้ามาในพื้นที่ศาลจังหวัดพัทยาแล้วใช้อาวุธปืนยิงเพื่อหลบหนี[6] ทำให้ตำรวจศาลมีความจำเป็นในการอุดช่องว่างที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการควบคุมตัวของศาล
ในส่วนของการควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย มีเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ดูแลรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการควบคุมตัวผู้ต้องหาภายในแต่ละท้องที่ และร่วมรักษาการณ์บริเวณศาล โดยในส่วนของศาลเอง มีเพียงเจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัยขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่แม้จะมีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ด้านการทหาร แต่ไม่มีอาวุธประจำกายในการควบคุมเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ในบริเวณศาล สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้มีการก่อตั้งเจ้าพนักงานตำรวจศาลขึ้นมาเพื่อดูแลในพื้นที่ของศาลยุติธรรม[7]
ในปี พ.ศ. 2561 ประธานคณะกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติตำรวจศาล นายปุณณพัฒน์ มหาลี้ตระกูล ผู้พิพากษาประจำสำนักประธานศาลฎีกา ระบุว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามารับการคัดเลือกเป็นตำรวจศาลนั้น จะต้องเคยเป็นอดีตทหาร ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใกล้เคียง โดยจูงใจเจ้าหน้าที่เหล่านี้ด้วยค่าตอบแทนพิเศษ เพื่อทดแทนเงินตอบแทนพิเศษจากค่าปีก ค่าร่ม หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่หน่วยงานต้นสังกัตเคยมอบให้และเสียสิทธิ์เหล่านั้นเมื่อลาออกมาเป็นตำรวจศาล[8]
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โฆษกศาลยุติธรรมได้ระบุว่า ตำรวจศาลได้รับการเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรียบร้อยแล้ว โดยอนุมัติอัตรากำลังทั้งหมด 109 นาย[lower-alpha 1] พร้อมทั้งงบประมาณในปีแรกจำนวน 22.18 ล้านบาท[9] ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2562[3] บังคับใช้เมื่อพ้นจากกำหนดในการประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน โดยเปิดรับเจ้าพนักงานตำรวจศาลรุ่นแรกจำนวน 35 นาย และเริ่มปฏิบัติงานวันแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562[10] ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นการวางกำลังไปที่อาคารทำการของศาลยุติธรรม
ตำรวจศาลมีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยรวมถึงอารักขาคุ้มครองข้าราชการฝ่ายตุลาการ[9] รักษาความสงบเรียบร้อย[11] ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในบริเวณศาล การควบคุมตัวผู้ต้องหาจากกระบวนการศาลเพื่อนำส่งต่อกรมราชทัณฑ์เพื่อนำฝากขังที่เรือนจำ[12]
นอกจากนี้ยังมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนีจากการปล่อยตัวชั่วคราว ขัดคำสั่งของหมายเรียกหรือคำสั่งศาล[13] ปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจในการดำเนินการจับกุมเพื่อเข้าสู่กระบวนการศาล[14] โดยมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกันกับเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา[15] ซึ่งนอกจากนี้ ตำรวจศาลยังสามารถติดตามผู้ต้องหาหรือจำเลยได้จากกำไล EM[16] ที่สามารถรายงานตำแหน่งได้ตลอดเวลา รวมถึงมีการแจ้งเตือนเมือมีการพยายามถอดหรือทำลายอุปกรณ์ติดตาม[17]
เจ้าพนักงานตำรวจศาล ตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ประกอบด้วย
ประเภทวิชาการ จะต้องมีอายุไม่เกิน 40 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นใบสมัคร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางกฎหมายหรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงาน เคยผ่านงานรักษาความปลอดภัย การปราบปราม สืบสวน สอบสวน การข่าว การตรวจสอบพฤติการณ์บุคคล หรืองานธุรการของศาลยุติธรรมไม่น้อยกว่าห้าปี และจะต้องมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งข้างต้นดังนี้
ประเภททั่วไป จะต้องมีอายุไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นใบสมัคร จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่าไม่จำกัดสาขาวิชา หรือจบจากโรงเรียนนายสิบตำรวจ นายสิบทหารบก จ่าอากาศ ชุมพลทหารเรือหรือเทียบเท่า และเคยผ่านงานรักษาความปลอดภัย การปราบปราม สืบสวน สอบสวน การข่าว การตรวจสอบพฤติการณ์บุคคล หรืองานธุรการของศาลยุติธรรมไม่น้อยกว่าห้าปี และมีทักษะที่จำเป็นต่อตำแหน่ง
นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจศาล จะต้องมีคุณสมบัติตามระเบียบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ. 2562[18]
สำหรับเจ้าพนักงานตำรวจศาลนั้น ใช้มาตรฐานการกำหนดตำแหน่งของสำนักคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) ประกอบไปด้วย
ตำรวจศาล แบ่งโครงสร้างการทำงานอยู่ภายในศูนย์รักษาความปลอดภัย สำนักงานศาลยุติธรรม แบ่งออกเป็น 7 ส่วน[20]
จากผลการปฏิบัติงานในรายงานประจำปี พ.ศ. 2563 ตำรวจศาลสามารถสืบสวนจับกุมร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นได้จำนวนทั้งสิ้น 2,050 หมายจับ ระงับและควบคุมเหตุฉุกเฉินภายในศาลจำนวน 174 ครั้ง ดูแลรักษาความปลอดภัยและอารักขาภายในศาลและสำนักงานศาลยุติธรรมจำนวน 263 ครั้ง และมีเป้าหมายในการเพิ่มอัตรากำลังตำรวจศาลให้ได้จำนวน 871 นาย ภายในปี พ.ศ. 2567 จากกรอบอัตรากำลังทั้งหมด 1,180 นาย[lower-alpha 2][21]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.