![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9c/Bronze_Age_End.svg/langth-640px-Bronze_Age_End.svg.png&w=640&q=50)
การล่มสลายปลายยุคสัมฤทธิ์
From Wikipedia, the free encyclopedia
การล่มสลายปลายยุคสัมฤทธิ์ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างปลายยุคสัมฤทธิ์ถึงต้นยุคเหล็ก ในภูมิภาคตะวันออกใกล้, อานาโตเลีย, ทะเลอีเจียน, แอฟริกาเหนือ, คอเคซัส, บอลข่านและตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยในระหว่างปี 1200-1150 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรใหญ่ เช่น อาณาจักรไมซินีในอีเจียน, จักรวรรดิฮิตไทต์ในอานาโตเลียและจักรวรรดิอียิปต์ในแอฟริกาเหนือล่มสลาย ตามมาด้วยเส้นทางการค้า วิทยาการและบันทึกต่าง ๆ ที่สูญหาย อย่างไรก็ตาม อารยธรรมอื่น ๆ เช่น เอลามและอัสซีเรียไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุการณ์นี้
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9c/Bronze_Age_End.svg/640px-Bronze_Age_End.svg.png)
โรเบิร์ต ดรูวส์ นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า:
ภายในระยะเวลา 40-50 ปีของปลายศตวรรษที่ 13 ถึงต้นศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล เมืองสำคัญเกือบทุกแห่งทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกทำลาย และหลายเมืองก็ไม่มีผู้กลับไปอาศัยอยู่อีกเลย[1]
หลังการล่มสลาย ภูมิภาคอีเจียนเข้าสู่ยุคมืด ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีและการรู้หนังสือขาดหาย ผู้คนอยู่อย่างกระจัดกระจาย[2], ชาวฮิตไทต์ก่อตั้งรัฐไซโร-ฮิตไทต์ ซึ่งเป็นรัฐย่อยที่ประกอบด้วยชนหลายกลุ่มในลิแวนต์และซิลีเชีย[3] ในขณะที่อียิปต์เข้าสู่ช่วงกลางที่สาม ซึ่งเป็นช่วงที่อียิปต์แตกออกเป็นดินแดนน้อยใหญ่รอบ ๆ แม่น้ำไนล์[4]
นักประวัติศาสตร์เสนอหลายสาเหตุของการล่มสลายปลายยุคสัมฤทธิ์ เช่น ปัญหาด้านภูมิอากาศจากภูเขาไฟระเบิด, ภัยแล้ง, ความล้มเหลวทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงการถูกรุกรานจากชาวทะเลและการพัฒนาเหล็กเป็นเครื่องมือเครื่องใช้แทนสัมฤทธิ์ เป็นต้น[5]