Remove ads
บริษัทประกอบธุรกิจการค้าส่งในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: CP Axtra Public Company Limited) (เดิม บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เดิม) และ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด) เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการประกอบธุรกิจการค้าส่งและค้าปลีกในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 โดยเกิดขึ้นจากการจดทะเบียนควบรวมบริษัทซีพี แอ็กซ์ตร้าเดิม กับบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือโลตัส ประเทศไทย บริษัทประกอบธุรกิจค้าขายเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
แม็คโคร สาขาปทุมธานี ในปี พ.ศ. 2565 | |
ประเภท | บริษัทมหาชนจำกัด |
---|---|
การซื้อขาย | SET:CPAXT |
อุตสาหกรรม | บริการ |
ก่อนหน้า | บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เดิม) บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด |
ก่อตั้ง | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 |
สำนักงานใหญ่ | 1468 ถนนพัฒนาการ แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร [1] |
พื้นที่ให้บริการ | ไทย จีน เมียนมาร์ อินเดีย กัมพูชา มาเลเซีย |
บุคลากรหลัก |
|
บริการ | การพาณิชย์ |
เจ้าของ | ซีพี ออลล์ |
เว็บไซต์ | http://www.cpaxtra.com |
ในช่วงปี พ.ศ. 2530 เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ริเริ่มแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของซีพีตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ คือการผลิตสินค้าทางการเกษตร กลางน้ำ คือการจัดจำหน่าย ไปจนถึงปลายน้ำ คือการสร้างร้านค้าปลีกเพื่อจำหน่ายสินค้าของบริษัทไปสู่ผู้บริโภค[2] จึงเกิดการศึกษาความเป็นไปได้จนได้ข้อสรุปเป็นการประกอบธุรกิจ 3 ประการ คือ แม็คโคร ซันนี่ ซูเปอร์มาร์เก็ต และเซเว่น อีเลฟเว่น[3] โดยแม็คโครได้เกิดขึ้นจากการที่ซีพีชักชวนบริษัทเอสฮาเฟโฮลดิงส์ บริษัทต่างชาติเพียงรายเดียวที่เป็นตัวกลางดำเนินแผนการธุรกิจกับจีนแผ่นดินใหญ่[4] ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการแม็คโครสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ให้เข้ามาทำร่วมทุนเปิดแม็คโครในประเทศไทย ในขณะที่แม็คโครกำลังรุกเข้ามาทำธุรกิจในเอเชีย ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนเพื่อทำธุรกิจร่วมกันในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2531 และจดทะเบียนบริษัทในวันที่ 7 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ในนามบริษัท เอเซีย แม็คโคร จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 750 ล้านบาท[5] โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ถือหุ้นในอัตราส่วนร้อยละ 51[6] เพื่อประกอบธุรกิจศูนย์จําหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชําระเงินสดและบริการตนเอง (Cash & Carry)[7] ภายใต้ชื่อ แม็คโคร โดยมีเป้าหมายลูกค้าคือ ผู้ประกอบการร้านโชห่วย ธุรกิจบริการ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยงต่าง ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2532 แล้วจึงเปิดให้บริการสาขาแรก ซึ่งยังเป็นสาขาแรกในทวีปเอเชียบนถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ด้วยพื้นที่ขาย 11,566 ตารางเมตร ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2532[5] แม็คโคร ทำหน้าที่เสมือนศูนย์กลางการนำสินค้าจากผู้ผลิตมาจำหน่ายให้ผู้ประกอบการ ทำให้ได้ราคาต่ำกว่าโครงสร้างตลาดแบบเดิมที่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางหลายชั้น[8]
ในปี พ.ศ. 2533 แม็คโคร ได้เปิดสามสาขาที่ แจ้งวัฒนะ ศรีนครินทร์ และบางบอน เพื่อให้ครบพื้นที่สี่มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร และยังได้ร่วมกับผู้ถือหุ้นเปิดบริษัท แม็คโคร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 235 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในการดำเนินการจัดซื้อที่ดินให้บริษัทเช่าสำหรับเปิดสาขา ในเดือนมิถุนายน แม็คโคร ยังได้เริ่มต้นจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าของตนเอง เช่น Makpak Makon M&K เป็นต้น[5] ในปี พ.ศ. 2536 แม็คโคร ยังได้ขยายสาขาสู่ภูมิภาคเป็นครั้งแรกที่จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 ได้จดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ใช้ชื่อว่า "บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)" ทะเบียนเลขที่ บมจ.299 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2537 แม็คโคร ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,400 ล้านบาท และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีหุ้นสามัญจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 4,800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท[9] ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2538 แม็คโคร ได้เปิดศูนย์บริการรถยนต์ แม็คโคร ออโต เอ็กซ์เพรส เป็นแห่งแรกที่สาขาลาดพร้าว ซึ่งเป็นศูนย์บริการเปลี่ยนอุปกรณ์รถยนต์อย่างเร่งด่วน และได้เปิดศูนย์เครื่องใช้สำนักงานแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์เป็นแห่งแรกที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดำเนินงานขายเครื่องใช้สำนักงาน และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานให้แก่ลูกค้าทั่วไป โดยจะเป็นร้านที่แยกออกมาจากสาขาใหญ่ของแม็คโคร ในปี พ.ศ. 2540 ทั้งสองธุรกิจได้พัฒนาขึ้นจนได้ดำเนินการเป็นเอกเทศในรูปบริษัทด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาททั้งสองบริษัท[5]
หลังการเกิดวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ซีพีตัดสินใจขายหุ้นร้อยละ 75 ของโลตัส ให้กับกลุ่มเทสโก้ เพื่อให้ได้เงินไปใช้หนี้ต่างประเทศ เพื่อให้รักษาธุรกิจหลักคือ การเกษตรให้ได้ แต่แล้วซีพีก็จำเป็นที่ต้องเลือกขายหุ้นของสยามแม็คโครโดยส่วนใหญ่ เพราะการขายโลตัสยังคืนหนี้ได้ไม่หมด ซึ่งหากคืนหนี้ได้ไม่หมดซีพีจะล้มละลายไปด้วย[10][11] หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2551 สยามแม็คโครได้ขายหุ้นแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ให้กับ บจก.ออฟฟิซ คลับ (ไทย) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งต่อมาแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ได้เปลี่ยนเป็นออฟฟิศดีโป้ และออฟฟิศเมทตามลำดับ[12]
ใน พ.ศ. 2564 ซีพีออลล์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของแม็คโคร ได้แจ้งโอนกิจการ โลตัส ให้กับแม็คโครทั้งหมด พร้อมกับปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นแม็คโครใหม่ โดยเปลี่ยนจากเดิมที่ซีพี ออลล์ถือหุ้นใหญ่ เป็นให้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด มาเป็นผู้ถือหุ้นหลัก จากกระบวนการดังกล่าวทำให้แม็คโครกลายเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก และยังช่วยให้แม็คโครและโลตัสสามารถบริหารงานกันเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น เป็นการลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของกลุ่มซีพีจากการที่กลุ่มมีแผนนำโลตัสเข้าตลาดหลักทรัพย์ และยังเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องคุณสมบัติการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อยของสยามแม็คโคร ซึ่งเกิดจากการเข้าซื้อหุ้นของซีพี ออลล์ พร้อม ๆ กันในคราวเดียว
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 แม็คโครได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นชื่อ Makro PRO เพื่อสร้างมิติใหม่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย เปิดพื้นที่ขายให้เอสเอ็มอีรายใหม่ ๆ ได้เข้ามาร่วมมีโอกาสเติบโตร่วมไปกับแม็คโครอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว ญาญ่า–อุรัสยา เสปอร์บันด์ เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแอพพลิเคชั่น[13] นอกจากนี้ในเวลาต่อมา ทางบริษัทยังได้เปิดตัวณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแม็คโคร ก่อนที่คณะกรรมการของสยามแม็คโครได้บรรจุวาระการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) รวมถึงเปลี่ยนแปลงตราประทับ และเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น CPAXT ให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 20 เมษายน [14] ทั้งนี้ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ยังคงใช้ตราสินค้า "แม็คโคร" และ "โลตัส" สำหรับธุรกิจของบริษัทเช่นเดิม[15]
อีกหนึ่งปีถัดจากนั้น ซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ซีพี แอ็กซ์ตร้า จะดำเนินการจัดระเบียบบริษัทใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มจากรับโอนหุ้นของ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชัน ซิสเทม จำกัด จาก บริษัท โลตัสส์ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้โลตัสส์ สโตร์ส เข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนเพื่อเลิกกิจการ จากนั้นทั้งสองบริษัทจะจดทะเบียนควบรวมบริษัทกันเพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่[16] ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท มีมติจัดตั้งบริษัทใหม่คือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กำหนดให้ใช้ชื่อหลักทรัพย์ใหม่ว่า CPAXT ทำให้ระหว่างนี้หลักทรัพย์เดิมของบริษัทถูกเปลี่ยนชื่อเป็น CPAXTT ก่อนยุติการซื้อขายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567 เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ออกแล้วเปลี่ยนใหม่ กระบวนการจดทะเบียนควบกิจการแล้วเสร็จในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 และเริ่มดำเนินการซื้อขายหุ้นใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป
การประกอบธุรกิจของบริษัทฯ สามารถแบ่งได้ดังนี้
นอกจากการประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งภายใต้แบรนด์โลตัส และแม็คโครแล้ว บริษัทยังถือหุ้นในบริษัทอื่นดังต่อไปนี้
ลำดับที่ | รายชื่อผู้ถือหุ้น | จำนวนหุ้นสามัญ | สัดส่วนการถือหุ้น |
1 | บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) | 3,640,861,753 | 34.91% |
2 | บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด | 2,608,119,739 | 25.01% |
3 | บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด | 1,663,774,369 | 15.96% |
4 | บริษัท ซี.พี. เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด | 992,559,731 | 8.85% |
5 | บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด | 364,800,889 | 3.50% |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.