คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ดอล์ฟ ซิกก์เลอร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
นิโคลัส ทีโอดอร์ เนเมธ (Nicholas Theodore Nemeth; 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1980)[3][4] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันที่รู้จักดีกับ WWE ภายใต้ชื่อ ดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ (Dolph Ziggler) เป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวท, แชมป์ NXT, แชมป์โลก TNA และผู้ชนะกระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์ (2012) นอกจากนี้ยังเป็นผู้เหลือรอดคนสุดท้ายในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์สองครั้งในปี 2012 และ 2014
Remove ads
ชีวิตวัยเยาว์
เขาเกิดในคลีฟแลนด์, รัฐโอไฮโอ เขาบอกว่าเขามีเชื้อสายฮังการี[5][6] เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมเซนต์เอ็ดเวิร์ดในเลกวูด, โอไฮโอ ซึ่งเขาเป็นนักมวยปล้ำสมัครเล่นและมีสถิติจับกด 82 ครั้งซึ่งมากที่สุดในอาชีพกับโรงเรียน[4] ที่เซนต์เอ็ดเวิร์ดเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมกับ Gray Maynard และ Andy Hrovat[7] ในช่วงเวลาที่อยู่เซนต์เอ็ดเวิร์ด, ทีมมวยปล้ำชนะการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติสองครั้ง[8]
เขาเป็นนักมวยปล้ำวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยเคนต์สเตตซึ่งเขาได้รับการบันทึกสำหรับชัยชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม[4][9] ประวัติของเขาทำไปได้ในปี 2006; 2010 ขณะที่เขาได้รับชัยชนะอยู่สองครั้งในอาชีพที่เคนต์สเตต[9] ในอาชีพเป็นผู้ชนะ 121 ระหว่าง 2000 และ 2003[9][10]
เขาชนะการชิงแชมป์ในสามปีติดต่อกัน[11] เขาเป็นแชมป์ All-Mid-American Conference สามครั้ง ชนะการแข่งขัน 165 lb (75 kg) ในปี 2000, 2002 และ 2003 2010 ขณะที่เขาเป็นนักมวยปล้ำจากมหาวิทยาลัยเคนต์สเตตที่ได้รับสามรางวัลมวยปล้ำสมัครเล่น[8]
Remove ads
มวยปล้ำอาชีพ
สรุป
มุมมอง
เส้นทางใน WWE
สมัยอยู่สปีริตสควอด
ในตอนรับบทเป็นแฟนวิกกี เกร์เรโร
เขาเริ่มต้นการปล้ำในสมาคมเล็กๆ ก่อนจะย้ายมายัง OVW ค่ายพัฒนาทักษะของ WWE ในช่วงปี 2004 ก่อนจะทำผลงานได้น่าประทับใจ และเปิดตัวในรอว์เป็นครั้งแรกด้วยการรับบทเป็นเด็กยกถุงกอล์ฟของชาโว เกร์เรโรที่ตอนนั้นพลิกบทมาเป็นเคร์วิน ไวท์ ทว่าบทบาทนี้ใช้ได้ไม่นานนักก็ต้องถูกยกเลิก เพราะการเสียชีวิตกระทันหันของเอ็ดดี เกร์เรโร ทำให้ชาโวต้องยกเลิกบทบาทนี้ทันที ก่อนที่เขาจะถูกส่งกลับ OVW เพื่อหาบทบาทใหม่ ในปี 2006 WWE ได้ตั้งกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์จอมแสบที่นำโดยบรรดาดาวรุ่งของ OVW ในชื่อสปีริตสควอดและยังเป็นแชมป์โลกแท็กทีมร่วมกันทั้ง5คน[12] แต่ภายหลังเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มมวยปล้ำที่ไร้สาระที่สุดและเป็นแผลใจของเขาเองไม่ใช่น้อยที่ต้องมาอยู่ในกลุ่มนี้ แถมเมื่อแยกกลุ่มออกไปก็ไม่มีใครโดดเด่นหรือโด่งดังเลย เขาจึงต้องกลับค่ายทักษะเพื่อหาบทบาทใหม่อีกครั้ง[13] จนกระทั่งได้บทบาทดาวรุ่งจอมแสบดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ ถึงจะเริ่มมีชื่อเสียงบ้าง แต่ก็ไม่วายเป็นจ็อบเบอร์ที่ไม่มีใครสนใจ เป็นช่วงเวลาไต่เต้าของเขาอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีบรรดารุ่นพี่หลายคนหนุนหลังก็ตาม แต่ชะตาของเขานั้นนับได้ว่าต้องปากกัดตีนถีบซึ่งกว่าจะได้มีบทบาทจริงๆก็ปาไปในปี 2008 ทีเดียว[14]
ในช่วงปี 2010 เขาได้มีบทบาทเป็นแฟนกับวิกกี เกร์เรโรและคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลจากโคฟี คิงส์ตันได้สำเร็จ[15] หลังจากเสียแชมป์อินเตอร์ให้โคฟี คืนเดียวกันได้ชนะ 4 เส้าเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเอดจ์[16] ในสแมคดาวน์ 18 กุมภาพันธ์วิกกีได้ประกาศไล่เอดจ์ออกและมอบแชมป์โลกให้ซิกก์เลอร์เป็นสมัยแรก แต่ทีโอดอร์ ลองได้จ้างเอดจ์กลับมา และให้ป้องกันแชมป์กับเอดจ์และเสียแชมป์ทันที หลังจากครองได้เพียงแค่ 11 นาที 23 วินาที[17] ก่อนจะโดนทีโอดอร์ ลองไล่ออก[18] ซิกก์เลอร์ได้ย้ายมาสังกัดรอว์[19] และได้แชมป์ยูเอสสมัยแรกจากโคฟีในแคปิเทล พูนิชเมนท์[20][21] ในทีแอลซี (2011)เสียแชมป์ให้แซค ไรเดอร์[22] ในรอยัลรัมเบิล (2012)ได้ชิงแชมป์แชมป์ WWEกับซีเอ็ม พังก์โดยมีจอห์น โลรีนายติสเป็นกรรมการพิเศษแต่ไม่ได้แชมป์ คืนเดียวกันได้ร่วมรอยัลรัมเบิลเป็นลำดับที่18 แต่ไม่ชนะ[23] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28ได้ร่วมทีมของจอห์น โลรีนายติสเอาชนะทีมของทีโอดอร์ ลองได้แบบแท็กทีม 12 คน[24] ในโนเวย์เอาท์ (2012)ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทจากเชมัสได้[25] ซิกก์เลอร์ได้คว้ากระเป๋าสิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์ (2012)ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทเวลาไหนก็ได้เพียง 1 ครั้ง คืนเดียวกันจะใช้สิทธิ์กับเชมัส แต่ยังไม่ทันได้ใช้ก็โดนเชมัสถีบหน้าไปเต็มๆ[26] ต่อมาได้เปิดศึกกับคริส เจริโค[27] และมีแมตช์เจอกันในซัมเมอร์สแลม (2012)ซึ่งซิกก์เลอร์แพ้[28] ในรอว์คืนถัดมาก็สามารถชนะเจริโคไปได้ในการเดิมพันสัญญากับกระเป๋า MITB ส่งผลให้เจริโคถูกยกเลิกสัญญาออกจาก WWE[29]
ในทีแอลซี (2012)ชนะจอห์น ซีนาแบบไต่บันไดป้องกันกระเป๋า MITB ได้สำเร็จโดยความช่วยเหลือจากเอเจ ลี[30] หลังจากแยกทางกับวิกกีก็ได้รับบทเป็นแฟนใหม่ของเอเจโดยมีบิ๊กอีเป็นบอดี้การ์ด[31] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29จับคู่กับบิ๊กอีแพ้ชิงแชมป์แท็กทีมกับทีมเฮลโน(เคนและแดเนียล ไบรอัน)[32] ในรอว์คืนต่อมาได้ใช้สิทธิ์กระเป๋าคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทสมัยที่2จากอัลเบร์โต เดล รีโอ[33] ก่อนเสียคืนในเพย์แบ็ค (2013)[34][35] จากนั้นซิกก์เลอร์ได้พลิกบทเป็นฝ่ายธรรมะสลับกับเดล รีโอที่เป็นฝ่ายอธรรม[36] และก็ตามราวีเดล รีโอตลอดทั้งเดือนจนได้รีแมตช์ชิงในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013)แต่ระหว่างปล้ำเอเจขึ้นมาเอาเข็มขัดฟาดเดล รีโอบนเวที ทำให้ซิกก์เลอร์แพ้ฟาวล์ไม่ได้แชมป์[37] คืนต่อมาได้บอกเลิกกับเอเจก่อนขึ้นปล้ำชิงแชมป์กับเดล รีโออีกครั้ง แต่เอเจได้แอบสั่นระฆังทำให้เสียสมาธิจนแพ้ หลังแมตช์เอเจขึ้นมาทะเลาะกับซิกก์เลอร์บนเวทีแล้วบิ๊กอีก็เข้ามาอัดซิกก์เลอร์จากด้านหลังและใส่บิ๊กเอนดิ้ง เอเจจูบซิกก์เลอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปพร้อมกับบิ๊กอี[38] สัปดาห์ต่อมาได้มีแมตช์กับบิ๊กอี สู้กันได้ไม่นานเอเจก็ขึ้นมารัดคอซิกก์เลอร์จากนั้นก็ตบ ข่วน จิกผม แต่ซิกก์เลอร์ก็หนีไปได้[39] สัปดาห์ต่อมาก็ได้รีแมตช์กับบิ๊กอีโดยเคทลินออกมาเล่นงานเอเจจนหนีขึ้นเวที ซิกก์เลอร์พยายามเข้าไปห้ามจนเสียสมาธิแพ้[40] ในซัมเมอร์สแลม (2013)จับคู่เคทลินเอาชนะเอเจและบิ๊กอีแบบแท็กทีมผสมเป็นการจบเรื่องราว[41]
ในแบทเทิลกราวด์ (2014)ได้ร่วมแบทเทิลรอยัลชิงแชมป์อินเตอร์ แต่เป็นเดอะมิซที่ได้แชมป์โดยเหวี่ยงซิกก์เลอร์ออกคนสุดท้าย[42] ก่อนจะคว้าได้เป็นสมัย2ในซัมเมอร์สแลม (2014)[43] แต่ก็เสียคืนในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2014)[44] และชิงคืนได้สมัย3เพียง1วัน[45] เสียให้ลู้ก ฮาร์เปอร์[46] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014)ซิกก์เลอร์ได้นำทีมซีนาชนะทีมออธอริตีจากการช่วยเหลือของสติงทำให้ออธอริตีหมดอำนาจลง[47] ในทีแอลซี (2014)ได้คว้าแชมป์คืนจากฮาร์เปอร์สมัย4แบบไต่บันได[48] Rolling Stone ได้เสนอชื่อเขาในรางวัลนักมวยปล้ำแห่งปี 2014 ของ WWE[49] ในต้นปี 2015 เสียแชมป์ให้แบด นิวส์ บาร์เร็ตต์ท้ายรายการถูกออธอริตีที่กลับมาไล่ออก(ในบท)[50] ก่อนจะกลับมาโดยการช่วยเหลือของซีนาและสติง[51] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31ได้เข้าร่วมไต่บันไดชิงแชมป์อินเตอร์โดยแดเนียล ไบรอันได้แชมป์ไป[52] จากนั้นได้เปิดศึกกับเชมัส[53][54] เจอกันในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)ผู้แพ้ต้องจูบก้นผู้ชนะ ซึ่งซิกก์เลอร์เป็นฝ่ายชนะ[55] แต่เชมัสปฏิเสธที่จะจูบก้นก่อนจะเล่นงานซิกก์เลอร์และเอาหน้ามาจูบก้นตัวเอง[56] ในเพย์แบ็ก (2015)เป็นฝ่ายแพ้[57] ต่อมาได้รับบทเป็นแฟนกับลานา เปิดศึกกับรูเซฟแฟนเก่าของลานา[58][59] และถูกรูเซฟทำร้ายจนเจ็บตามบทเพราะต้องไปถ่ายภาพยนตร์ของWWE Studiosเรื่อง 6:42[60] ในซัมเมอร์สแลม (2015)ได้เจอกับรูเซฟแต่จบด้วยการนับ10แพ้ทั้งคู่[61][62] ก่อนจะชนะในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2015)[63] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 32ได้ร่วมปล้ำไต่บันไดชิงแชมป์อินเตอร์แต่ไม่สำเร็จ[64]
19 กรกฎาคม 2016 ซิกก์เลอร์ได้ถูกดราฟท์ไปสแมคดาวน์[65] และได้ชนะ6เส้าคว้าสิทธิ์ชิงแชมป์ WWEกับดีน แอมโบรสในซัมเมอร์สแลม (2016)[66] แต่ไม่ได้แชมป์[67] จากนั้นก็เปิดศึกชิงแชมป์อินเตอร์กับเดอะมิซ[68][69] และคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่5ในโนเมอร์ซี (2016)พร้อมกับรักษาอาชีพที่เดิมพันไว้ได้[70] ซิกก์เลอร์ได้ท้าสตาร์ฝั่งรอว์ชิงแชมป์อินเตอร์ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2016) แต่ก็มาเสียคืนให้มิซซะก่อน[71] ในทีแอลซี (2016)ได้รีแมตช์ชิงกับมิซไม่สำเร็จและสิ้นสุดเรื่องราว[72] ต่อมาได้ชนะสี่เส้าไปชิงแชมป์ WWEกับเอเจ สไตส์[73] แต่ต้องเดิมพันสิทธิ์กับแบรอน คอร์บินซึ่งผลออกมาเป็นแพ้นับ10ทั้งคู่ก่อนที่ GM แดเนียล ไบรอันจะประกาศให้ชิงแบบสามเส้า[74] แต่ไม่ได้แชมป์[75] ปี 2017 ซิกก์เลอร์ได้เป็นอธรรมอีกครั้ง[76] ในเดือนสิงหาคม 2017 ซิกก์เลอร์ได้มากิมมิคใหม่โดยล้อเลียนการเปิดตัวนักมวยปล้ำคนอื่นๆ[77] ในแคลชออฟแชมเปียนส์ (2017)คว้าแชมป์ยูเอสได้สมัย2[78] 2วันถัดมาซิกก์เลอร์ออกมาพูดว่า หลายคนคิดว่าการที่เขาคว้าแชมป์ยูเอสได้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่พวกเขาไม่ได้มอง 12 ปีที่ผ่านมาของเขาเลยได้ทั้งยูเอส, อินเตอร์, เฮฟวี่เวท, MITB เขาพิสูจน์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว แฟนๆไม่คู่ควรที่จะเห็นเขา ก่อนจะวางเข็มขัดทิ้งไว้บนเวที สัปดาห์ต่อมาไบรอันประกาศว่าซิกก์เลอร์นั้นสละแชมป์และจัดทัวร์นาเมนต์หาแชมป์ใหม่ ซิกก์เลอร์ได้เซอร์ไพรส์เข้าร่วมรอยัลรัมเบิล (2018)เป็นคนสุดท้ายคนที่30แต่ก็ไม่ชนะ[79] ในสแมคดาวน์ 13 กุมภาพันธ์ชนะแซมี เซย์นได้ร่วมชิงแชมป์ WWE แบบ6เส้าในฟาสต์เลน (2018)แต่ก็ไม่สำเร็จ[80]
16 เมษายน 2018 ซิกก์เลอร์ได้ย้ายมาสังกัดรอว์พร้อมเปิดตัวคู่แท็กทีมใหม่อย่างดรูว์ แม็กอินไทร์ในนาม The Show ต่อมาในรอว์ 18 มิถุนายนได้คว้าแชมป์อินเตอร์สมัยที่6จากเซท รอลลินส์ ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2018)สามารถป้องกันแชมป์อินเตอร์กับรอลลินส์ได้ในกติกา Iron Man match ปล้ำ 30 นาทีเป็นคู่เอกของรายการ[81] ในซัมเมอร์สแลม (2018)เสียแชมป์คืนให้รอลลินส์[82] ไม่นานก็ได้คว้าแชมป์รอว์แท็กทีม WWEร่วมกับดรูว์โดยชนะ B-Team (โบ ดัลลัสและเคอร์ติส แอ็กเซล)[83] เสียให้กับเซท รอลลินส์และดีน แอมโบรส[84] ก่อนจะแตกทีมกับดรูว์และแพ้ให้ดรูว์ในแมตช์กรงเหล็กในรอว์ 31 ธันวาคม 2018 ก่อนจะห่างหายไปรับงานนอกวงการ[85] และได้เซอร์ไพรส์เข้าร่วมในรอยัลรัมเบิล 2019 โดยอยู่ถึง 4 คนสุดท้ายแต่ก็ตกรอบ[86][87][88][89] ในเดือนพฤษภาคม 2019 ซิกก์เลอร์ได้ปรากฏตัวมาลอบทำร้ายแชมป์ WWE โคฟี คิงส์ตัน[90][91] ก่อนที่จะท้าชิงแชมป์กับโคฟีใน Super ShowDown ที่ซาอุดีอาระเบีย แต่ไม่สามารถคว้าได้จากการก่อกวนของเซเวียร์ วูดส์[92] ใน Stomping Grounds ได้รีแมตช์ชิงแชมป์ในกรงเหล็กแต่ก็ไม่สำเร็จ ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์แพ้ให้เควิน โอเวนส์เพียงเวลาสั้นๆ 17 วินาที[93] ในซัมเมอร์สแลมแพ้ให้โกลด์เบิร์กไปอย่างง่ายดายในเวลาสั้นๆ[94] ใน Clash of Champions ได้จับคู่กับรอเบิร์ต รู้ดสามารถคว้าแชมป์รอว์แท็กทีมร่วมกันสมัยแรกได้[95] ก่อนเสียให้ The Viking Raiders[96]
ในช่วงต้นปี 2020 ซิกก์เลอร์ได้มีบทเป็นกิ๊กกับแมนดี โรสและเปิดศึกกับโอทิสที่เป็นแฟนกับแมนดี[97] ทำให้ซิกก์เลอร์กับโอทิสมีแมตช์ตัดสินกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36โดยซิกก์เลอร์เป็นฝ่ายแพ้[98] ก่อนจะมาท้าชิงแชมป์ WWE กับอดีตคู่แท็กทีมอย่าง ดรูว์ แม็กอินไทร์ และพลาดแชมป์ใน The Horror Show at Extreme Rules[99][100] ปีต่อมา 2021 ได้คว้าแชมป์สแมคดาวน์แท็กทีมร่วมกับรู้ดนับเป็นสมัยแรกในฐานะแชมป์ของ SmackDown แถมเป็นสมัยที่สองของพวกเขาโดยรวมใน WWE และสำหรับซิกก์เลอร์ยังนับเป็นการคว้าแชมป์แท็กทีมครั้งที่สี่ของเขาใน WWE และเป็นนักมวยปล้ำคนที่หก (ร่วมกับ Kofi Kingston, The Miz, Jeff Hardy, Matt Hardy และ John Morrison) ที่ได้แชมป์แท็กทีมทั้ง World Tag Team, Raw Tag Team และ SmackDown Tag Team[101] ก่อนเสียให้คู่พ่อลูก Rey และ Domink Mysterio[102] ใน NXT Roadblock มีนาคม 2022 ซิกก์เลอร์สามารถคว้าแชมป์ NXTสมัยแรกได้ในแมตช์สามเส้า[103] ก่อนเสียคืนให้บรอน เบรกเกอร์[104] และได้เป็นธรรมะอีกครั้ง[105] ในปี 2023 ได้ถูกปล่อยตัวออกจาก WWE แล้ว หลังจากที่ทำงานกับสมาคมมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี[106]
หลังออกจาก WWE
หลังจากออกจาก WWE เขาได้กลับไปใช้ชื่อ นิก เนเมธ เขาเปิดเผยว่า เป็นฝ่ายขอออกเอง จาก WWE โดยส่งอีเมลแจ้งล่วงหน้าว่าอยาก “ก้าวต่อไปที่ที่อื่น” ซึ่ง WWE ตอบรับ เขาบอกว่าในช่วงท้ายของ WWE รู้สึกว่า “ผมแค่เกลียดสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ที่นั่น” (เชิงว่าอยากเปลี่ยนแปลง) และได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของ Jon Moxley เกี่ยวกับบรรยากาศล็อกเกอร์รูมใน New Japan Pro‑Wrestling (NJPW) เขาเผยว่าไม่คิดว่าจะกลับไปร่วมในแผนของ TNA Wrestling / NXT ด้วยบทบาทหลักอีก เพราะรู้สึกว่า “ผมไม่มีอะไรค้างคาอยู่ที่ NXT อีกแล้ว”
มกราคม 2024 เขาปรากฏตัวที่ NJPW Wrestle Kingdom 18 โดยอยู่เคียงข้างน้องชาย Ryan Nemeth ในโซนผู้ชม/วงในวงการก่อนจะก้าวสู่แมตช์ชิงแชมป์ใน NJPW ต่อไป เขาได้แชมป์ใหญ่ของ NJPW คือ IWGP Global Heavyweight Championship[107] นอกจากนั้น เขายังมีผลงานที่โดดเด่นใน TNA โดยการคว้าแชมป์โลกและแชมป์แท็กทีมคู่กับน้องชาย และมีบทบาทมากขึ้นบนเวทีอิสระ/ต่างประเทศ[108][109]
Remove ads
ผลงานอื่นๆ
สรุป
มุมมอง
เขายังมีผลงานด้านแสดงและการร่วมรายการดังนี้[110][111][112][113][114]
ชีวิตส่วนตัว
สรุป
มุมมอง
Nemeth เป็นแฟนตัวยงของมวยปล้ำอาชีพมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบเมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันมวยปล้ำที่สนามกีฬา Richfield Coliseum และเขาตัดสินใจที่จะกลายเป็นนักมวยปล้ำอาชีพตอนอายุ 12 ปีเขาได้เปิดเผยทางรายการ Art of Wrestling Podcast ของ Colt Cabana ที่เขาเลือกชื่อใน WWE ของเขา "Dolph" เพราะเป็นชื่อของคุณปู่ของเขาและเพื่อนของเขาแนะนำชื่อสกุล "Ziggler"
เขามีน้องชายสองคนชื่อไรอันยังเป็นนักมวยปล้ำอาชีพที่เคยทำงานร่วมกับ WWE และปล้ำใน NXT ภายใต้ชื่อ Briley Pierce[122] เขายังมีน้องชายอีกคนชื่อดอนัลด์ (ชื่อเล่น "ดอนนี"[123]) ถูกตัดสินจำคุก 15 ปีหลังจากที่สารภาพผิดกับการฆาตกรรมโดยไม่มีการจับกุมการลักพาตัวและการโจรกรรมบทบาทของเขาในการปล้นสะดมที่นำไปสู่การฆาตกรรมอดีตนาวิกโยธินในเดือนมกราคมปี 2016[124][125]
Nemeth จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคนต์สเตตซึ่งเขาได้ศึกษาวิชารัฐศาสตร์กับผู้เยาว์ก่อนกฎหมาย[126] ก่อนที่จะมีการ Tryout กับ WWE เขาอาศัยอยู่ในฟินิกซ์แอริโซนาและได้รับการยอมรับจากโรงเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาซึ่งเขาเข้าเรียนในภาคการศึกษาแรกของเขา[8][126]
เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาสปีริตสควอดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Michael Brendli กับคนที่เขาอาศัยอยู่ในฟลอริดาจนถึงปี 2008[127] ตั้งแต่นั้นมาเขาได้กลับไปพำนักอยู่ในฟินิกซ์[126]
เขาสามารถสื่อสารภาษามืออเมริกันได้อย่างคล่องแคล่ว[128]
Remove ads
แชมป์และรางวัล
- Florida Championship Wrestling
- FCW Florida Tag Team Championship (2 times) – with Brad Allen (1)[10] and Gavin Spears (1)[13]
- Lucha Libre AAA Worldwide
- New Japan Pro-Wrestling
- Pro Wrestling Illustrated
- Rolling Stone
- Wrestler of the Year (2014)[130]
- Worst Storyline (2015)[131] – with Rusev, Summer Rae and Lana
- Squared Circle Expo
- SCX Championship (1 time)[132]
- Total Nonstop Action Wrestling
- TNA World Championship (1 time)[133]
- TNA World Tag Team Championship (1 time) – with Ryan Nemeth
- Call Your Shot Gauntlet (2025)
- WrestleCrap
- Gooker Award (2015) – feud with Rusev, Summer Rae and Lana[134]
- Wrestling Observer Newsletter
- World Series Wrestling
- WSW World Heavyweight Championship (1 time)
- World Wrestling Entertainment/WWE
- World Heavyweight Championship (2 times)[136][137]
- WWE Intercontinental Championship (6 times)[138][139][140][141]
- WWE United States Championship (2 times)[20][142]
- WWE Raw Tag Team Championship (2 times) – with Drew McIntyre (1) and Robert Roode (1)[143]
- WWE SmackDown Tag Team Championship (1 time) – with Robert Roode[144]
- World Tag Team Championship (1 time) – with Spirit Squad[a][12]
- NXT Championship (1 time)[145]
- Money in the Bank (2012 – World Heavyweight Championship contract)[26]
- 22nd Triple Crown Champion
- Slammy Award (2 times)
- Best Twitter Handle or Social Champion (2014) – @HEELZiggler[146]
- Match of the Year (2014) – Team Cena vs. Team Authority at Survivor Series[146]
- Other titles
- Internet Championship (1 time)
Remove ads
หมายเหตุ
- Ziggler, as Nicky, defended the championship with either Kenny, Johnny, Mitch or Mikey under the Freebird Rule.
เกร็ดความรู้
- Dolph Ziggler ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ฟีนิกซ์, แอริโซนา แต่จริงๆ แล้วเขามาจากคลีฟแลนด์, โอไฮโอ รัฐเดียวกับ The Miz
- ชื่อจริงของเขาคือ Nick Nemeth โดยนามสกุลของเขาเป็นภาษาฮังกาเรียนเพราะต้นตระกูลเขามาจากที่นั่น และนามสกุลเขาก็พ้องกับ ซิลาร์ด เนเม็ธ อดีตนักฟุตบอลทีมมิดเดิ้ลสเบรอ กับนักการเมืองฮังการีที่ชื่อเดียวกันอีกด้วย
- ชื่อ Dolph Ziggler นั้น ชื่อหน้าเอามาจากชื่อปู่ทวดของเขา และนามสกุลเป็นไอเดียของเพื่อนเขาที่ตั้งให้
- ชื่อนี้ถูกนักมวยปล้ำคนอื่นนำไปล้อเลียนในบท โดยถูกล้อชื่อเป็น Ziggles แปลว่า เรื่องตลก ส่วน Rusev เคยเอาสุนัขขึ้นมาบนเวทีและเรียกว่า Dog Ziggler
- ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย Kent เขาเป็นนักมวยปล้ำสมัครเล่นของมหาวิทยาลัยและทำสถิติชนะมากที่สุด ปัจจุบันมีรุ่นน้องทำลายสถิติไปได้แล้ว 2 คนด้วยกัน
- เขายังเคยเป็นแคดดี้ของ Kerwin White ซึ่งเป็นกิมมิคของ Chavo Guerrero ในขณะนั้นด้วย
- จริงๆ แล้ว Ziggler พร้อมกับ Kenny เคยรับบทเป็น รปภ. ในช่วงการประกาศรางวัล Kurt Angle's Great American Award ในปี 2004 มาแล้ว โดยตอนนั้น JBL ได้รางวัลไป
- หลังจบบทบาท Spirit Squad แล้ว Ziggler ถูกส่งกลับไปที่ OVW และย้ายไป FCW ในภายหลัง ตอนนั้นเขามีผู้จัดการในบทอยู่คนหนึ่งคือ Rob Terry ซึ่งในตอนหลัง Terry ไปปล้ำที่ TNA
- ได้แชมป์โลกครั้งแรกตอนที่เขามีบทบาทเป็นคู่รักกับ Vickie Guerrero ซึ่งทำหน้าที่เป็น GM รักษาการณ์ของ SmackDown โดย Vickie สั่งปลดแชมป์จาก Edge และไล่ออก ก่อนจะยกแชมป์ให้ Ziggler ฟรีๆ แต่แล้ว Teddy Long ก็มีคำสั่งให้จ้าง Edge กลับมา ทำให้ Edge ชิงแชมป์กลับคืนไปได้ เท่ากับว่า Ziggler เป็นแชมป์เพียง 10 กว่านาทีเท่านั้น
- เขาเป็นอดีต Spirit Squad คนเดียวที่ประสบความสำเร็จหลังแยกทีม โดยคนที่ใกล้เคียงที่สุดคือ Kenny ซึ่งในภายหลังกลับมาเปิดตัวใหม่ในชื่อ Kenny Dykstra แต่ก็โดนไล่ออกหลังจากนั้นไม่นาน
- แม้ว่าจะเปิดศึกกันมานับครั้งไม่ถ้วนในบท แต่ในชีวิตจริงเขากับ The Miz เป็นเพื่อนกัน และมาจากรัฐเดียวกันด้วย
- เนื้อเรื่องที่พัวพันกับ Lana, Summer Rae และ Rusev เมื่อปี 2015 ถูกยกให้เป็นเนื้อเรื่องที่ห่วยแตกที่สุดประจำปีโดยนิตยสาร Rolling Stone
- เขาเคยเป็นอาจารย์ให้กับ Byron Saxton ใน NXT ซีซั่น 4 แต่สุดท้าย Saxton ก็โดนโหวตออก ก่อนจะมารับหน้าที่เป็นผู้บรรยายให้ WWE
- Ric Flair เป็นแฟนตัวยงของ Ziggler และเดิมทีเขามีไอเดียที่จะเป็นผู้จัดการให้ Ziggler และจะสืบทอดท่า Figure Four ให้ด้วย แต่ WWE ไม่เห็นด้วย และให้ Flair ไปสืบต่อท่าให้ The Miz แทน
- เขายังมีน้องชายที่เป็นนักมวยปล้ำ โดยเคยเข้ามาฝึกกับ WWE ด้วย ใช้ชื่อว่า Briley Pierce ก่อนจะถูกไล่ออกไปในปี 2013
- เคยคบกับ Nikki Bella ในชีวิตจริงอยู่พักหนึ่ง ก่อน Nikki จะคบกับ John Cena
- เดิมทีเขาเคยคิดอยากจะเป็นนักกฎหมาย แต่พอได้เป็นนักมวยปล้ำแล้วเขาก็ยังอยากจะเป็นนักแสดงตลกด้วย
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads
