Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นิโคลัส ทีโอดอร์ เนเมธ (Nicholas Theodore Nemeth; 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1980)[3][4] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันที่รู้จักใน WWE ภายใต้ชื่อ ดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ (Dolph Ziggler) เป็นแชมป์ NXT, แชมป์โลกเฮฟวี่เวท, แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล, แชมป์ยูเอส, แชมป์แท็กทีม WWE, และมันนีอินเดอะแบงก์ (2012) นอกจากนี้ยังเป็นผู้เหลือรอดคนสุดท้ายในเซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ถึงสองครั้งในปี 2012 และ 2014
ดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ | |
---|---|
ชื่อเกิด | Nicholas Theodore Nemeth |
เกิด | Cleveland, Ohio, U.S. | 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1980
การศึกษา | Kent State University |
ญาติพี่น้อง | Ryan Nemeth (น้องชาย) |
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ | |
ชื่อบนสังเวียน | Dolph Ziggler Nic Nemeth Nick Nemeth Nicky Colonel Sanders |
ส่วนสูง | 6 ฟุต 0 นิ้ว (183 เซนติเมตร)[1] |
น้ำหนัก | 218 ปอนด์ (99 กิโลกรัม)[1] |
มาจาก | Hollywood, Florida[1] |
ฝึกหัดโดย | Florida Championship Wrestling Lance Storm[2] Ohio Valley Wrestling Steve Keirn Tom Prichard |
เปิดตัว | 3 พฤศจิกายน 2004 |
เขาเกิดในคลีฟแลนด์, รัฐโอไฮโอ เขาบอกว่าเขามีเชื้อสายฮังการี[5][6] เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมเซนต์เอ็ดเวิร์ดในเลกวูด, โอไฮโอ ซึ่งเขาเป็นนักมวยปล้ำสมัครเล่นและมีสถิติจับกด 82 ครั้งซึ่งมากที่สุดในอาชีพกับโรงเรียน[4] ที่เซนต์เอ็ดเวิร์ดเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมกับ Gray Maynard และ Andy Hrovat[7] ในช่วงเวลาที่อยู่เซนต์เอ็ดเวิร์ด, ทีมมวยปล้ำชนะการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติสองครั้ง[8]
เขาเป็นนักมวยปล้ำวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยเคนต์สเตตซึ่งเขาได้รับการบันทึกสำหรับชัยชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม[4][9] ประวัติของเขาทำไปได้ในปี 2006; 2010 ขณะที่เขาได้รับชัยชนะอยู่สองครั้งในอาชีพที่เคนต์สเตต[9] ในอาชีพเป็นผู้ชนะ 121 ระหว่าง 2000 และ 2003[9][10]
เขาชนะการชิงแชมป์ในสามปีติดต่อกัน[11] เขาเป็นแชมป์ All-Mid-American Conference สามครั้ง ชนะการแข่งขัน 165 lb (75 kg) ในปี 2000, 2002 และ 2003 2010 ขณะที่เขาเป็นนักมวยปล้ำจากมหาวิทยาลัยเคนต์สเตตที่ได้รับสามรางวัลมวยปล้ำสมัครเล่น[8]
เขาเริ่มต้นการปล้ำในสมาคมเล็กๆ ก่อนจะย้ายมายัง OVW ค่ายพัฒนาทักษะของ WWE ในช่วงปี 2004 ก่อนจะทำผลงานได้น่าประทับใจ และเปิดตัวในรอว์เป็นครั้งแรกด้วยการรับบทเป็นเด็กยกถุงกอล์ฟของชาโว เกร์เรโรที่ตอนนั้นพลิกบทมาเป็นเคร์วิน ไวท์ ทว่าบทบาทนี้ใช้ได้ไม่นานนักก็ต้องถูกยกเลิก เพราะการเสียชีวิตกระทันหันของเอ็ดดี เกร์เรโร ทำให้ชาโวต้องยกเลิกบทบาทนี้ทันที ก่อนที่เขาจะถูกส่งกลับ OVW เพื่อหาบทบาทใหม่ ในปี 2006 WWE ได้ตั้งกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์จอมแสบที่นำโดยบรรดาดาวรุ่งของ OVW ในชื่อสปีริตสควอดและยังเป็นแชมป์โลกแท็กทีมร่วมกันทั้ง5คน[12] แต่ภายหลังเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มมวยปล้ำที่ไร้สาระที่สุดและเป็นแผลใจของเขาเองไม่ใช่น้อยที่ต้องมาอยู่ในกลุ่มนี้ แถมเมื่อแยกกลุ่มออกไปก็ไม่มีใครโดดเด่นหรือโด่งดังเลย เขาจึงต้องกลับค่ายทักษะเพื่อหาบทบาทใหม่อีกครั้ง[13] จนกระทั่งได้บทบาทดาวรุ่งจอมแสบดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ ถึงจะเริ่มมีชื่อเสียงบ้าง แต่ก็ไม่วายเป็นจ็อบเบอร์ที่ไม่มีใครสนใจ เป็นช่วงเวลาไต่เต้าของเขาอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีบรรดารุ่นพี่หลายคนหนุนหลังก็ตาม แต่ชะตาของเขานั้นนับได้ว่าต้องปากกัดตีนถีบซึ่งกว่าจะได้มีบทบาทจริงๆก็ปาไปในปี 2008 ทีเดียว[14]
ในช่วงปี 2010 เขาได้มีบทบาทเป็นแฟนกับวิกกี เกร์เรโรและคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลจากโคฟี คิงส์ตันได้สำเร็จ[15] หลังจากเสียแชมป์อินเตอร์ให้โคฟี คืนเดียวกันได้ชนะ 4 เส้าเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเอดจ์[16] ในสแมคดาวน์ 18 กุมภาพันธ์วิกกีได้ประกาศไล่เอดจ์ออกและมอบแชมป์โลกให้ซิกก์เลอร์เป็นสมัยแรก แต่ทีโอดอร์ ลองได้จ้างเอดจ์กลับมา และให้ป้องกันแชมป์กับเอดจ์และเสียแชมป์ทันที หลังจากครองได้เพียงแค่ 11 นาที 23 วินาที[17] ก่อนจะโดนทีโอดอร์ ลองไล่ออก[18] ซิกก์เลอร์ได้ย้ายมาสังกัดรอว์[19] และได้แชมป์ยูเอสสมัยแรกจากโคฟีในแคปิเทล พูนิชเมนท์[20][21] ในทีแอลซี (2011)เสียแชมป์ให้แซค ไรเดอร์[22] ในรอยัลรัมเบิล (2012)ได้ชิงแชมป์แชมป์ WWEกับซีเอ็ม พังก์โดยมีจอห์น โลรีนายติสเป็นกรรมการพิเศษแต่ไม่ได้แชมป์ คืนเดียวกันได้ร่วมรอยัลรัมเบิลเป็นลำดับที่18 แต่ไม่ชนะ[23] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28ได้ร่วมทีมของจอห์น โลรีนายติสเอาชนะทีมของทีโอดอร์ ลองได้แบบแท็กทีม 12 คน[24] ในโนเวย์เอาท์ (2012)ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทจากเชมัสได้[25] ซิกก์เลอร์ได้คว้ากระเป๋าสิทธิ์มันนีอินเดอะแบงก์ (2012)ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทเวลาไหนก็ได้เพียง 1 ครั้ง คืนเดียวกันจะใช้สิทธิ์กับเชมัส แต่ยังไม่ทันได้ใช้ก็โดนเชมัสถีบหน้าไปเต็มๆ[26] ต่อมาได้เปิดศึกกับคริส เจริโค[27] และมีแมตช์เจอกันในซัมเมอร์สแลม (2012)ซึ่งซิกก์เลอร์แพ้[28] ในรอว์คืนถัดมาก็สามารถชนะเจริโคไปได้ในการเดิมพันสัญญากับกระเป๋า MITB ส่งผลให้เจริโคถูกยกเลิกสัญญาออกจาก WWE[29]
ในทีแอลซี (2012)ชนะจอห์น ซีนาแบบไต่บันไดป้องกันกระเป๋า MITB ได้สำเร็จโดยความช่วยเหลือจากเอเจ ลี[30] หลังจากแยกทางกับวิกกีก็ได้รับบทเป็นแฟนใหม่ของเอเจโดยมีบิ๊กอีเป็นบอดี้การ์ด[31] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29จับคู่กับบิ๊กอีแพ้ชิงแชมป์แท็กทีมกับทีมเฮลโน(เคนและแดเนียล ไบรอัน)[32] ในรอว์คืนต่อมาได้ใช้สิทธิ์กระเป๋าคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทสมัยที่2จากอัลเบร์โต เดล รีโอ[33] ก่อนเสียคืนในเพย์แบ็ค (2013)[34][35] จากนั้นซิกก์เลอร์ได้พลิกบทเป็นฝ่ายธรรมะสลับกับเดล รีโอที่เป็นฝ่ายอธรรม[36] และก็ตามราวีเดล รีโอตลอดทั้งเดือนจนได้รีแมตช์ชิงในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013)แต่ระหว่างปล้ำเอเจขึ้นมาเอาเข็มขัดฟาดเดล รีโอบนเวที ทำให้ซิกก์เลอร์แพ้ฟาวล์ไม่ได้แชมป์[37] คืนต่อมาได้บอกเลิกกับเอเจก่อนขึ้นปล้ำชิงแชมป์กับเดล รีโออีกครั้ง แต่เอเจได้แอบสั่นระฆังทำให้เสียสมาธิจนแพ้ หลังแมตช์เอเจขึ้นมาทะเลาะกับซิกก์เลอร์บนเวทีแล้วบิ๊กอีก็เข้ามาอัดซิกก์เลอร์จากด้านหลังและใส่บิ๊กเอนดิ้ง เอเจจูบซิกก์เลอร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปพร้อมกับบิ๊กอี[38] สัปดาห์ต่อมาได้มีแมตช์กับบิ๊กอี สู้กันได้ไม่นานเอเจก็ขึ้นมารัดคอซิกก์เลอร์จากนั้นก็ตบ ข่วน จิกผม แต่ซิกก์เลอร์ก็หนีไปได้[39] สัปดาห์ต่อมาก็ได้รีแมตช์กับบิ๊กอีโดยเคทลินออกมาเล่นงานเอเจจนหนีขึ้นเวที ซิกก์เลอร์พยายามเข้าไปห้ามจนเสียสมาธิแพ้[40] ในซัมเมอร์สแลม (2013)จับคู่เคทลินเอาชนะเอเจและบิ๊กอีแบบแท็กทีมผสมเป็นการจบเรื่องราว[41]
ในแบทเทิลกราวด์ (2014)ได้ร่วมแบทเทิลรอยัลชิงแชมป์อินเตอร์ แต่เป็นเดอะมิซที่ได้แชมป์โดยเหวี่ยงซิกก์เลอร์ออกคนสุดท้าย[42] ก่อนจะคว้าได้เป็นสมัย2ในซัมเมอร์สแลม (2014)[43] แต่ก็เสียคืนในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2014)[44] และชิงคืนได้สมัย3เพียง1วัน[45] เสียให้ลู้ก ฮาร์เปอร์[46] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014)ซิกก์เลอร์ได้นำทีมซีนาชนะทีมออธอริตีจากการช่วยเหลือของสติงทำให้ออธอริตีหมดอำนาจลง[47] ในทีแอลซี (2014)ได้คว้าแชมป์คืนจากฮาร์เปอร์สมัย4แบบไต่บันได[48] Rolling Stone ได้เสนอชื่อเขาในรางวัลนักมวยปล้ำแห่งปี 2014 ของ WWE[49] ในต้นปี 2015 เสียแชมป์ให้แบด นิวส์ บาร์เร็ตต์ท้ายรายการถูกออธอริตีที่กลับมาไล่ออก(ในบท)[50] ก่อนจะกลับมาโดยการช่วยเหลือของซีนาและสติง[51] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31ได้เข้าร่วมไต่บันไดชิงแชมป์อินเตอร์โดยแดเนียล ไบรอันได้แชมป์ไป[52] จากนั้นได้เปิดศึกกับเชมัส[53][54] เจอกันในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)ผู้แพ้ต้องจูบก้นผู้ชนะ ซึ่งซิกก์เลอร์เป็นฝ่ายชนะ[55] แต่เชมัสปฏิเสธที่จะจูบก้นก่อนจะเล่นงานซิกก์เลอร์และเอาหน้ามาจูบก้นตัวเอง[56] ในเพย์แบ็ก (2015)เป็นฝ่ายแพ้[57] ต่อมาได้รับบทเป็นแฟนกับลานา เปิดศึกกับรูเซฟแฟนเก่าของลานา[58][59] และถูกรูเซฟทำร้ายจนเจ็บตามบทเพราะต้องไปถ่ายภาพยนตร์ของWWE Studiosเรื่อง 6:42[60] ในซัมเมอร์สแลม (2015)ได้เจอกับรูเซฟแต่จบด้วยการนับ10แพ้ทั้งคู่[61][62] ก่อนจะชนะในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2015)[63] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 32ได้ร่วมปล้ำไต่บันไดชิงแชมป์อินเตอร์แต่ไม่สำเร็จ[64]
19 กรกฎาคม 2016 ซิกก์เลอร์ได้ถูกดราฟท์ไปสแมคดาวน์[65] และได้ชนะ6เส้าคว้าสิทธิ์ชิงแชมป์ WWEกับดีน แอมโบรสในซัมเมอร์สแลม (2016)[66] แต่ไม่ได้แชมป์[67] จากนั้นก็เปิดศึกชิงแชมป์อินเตอร์กับเดอะมิซ[68][69] และคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่5ในโนเมอร์ซี (2016)พร้อมกับรักษาอาชีพที่เดิมพันไว้ได้[70] ซิกก์เลอร์ได้ท้าสตาร์ฝั่งรอว์ชิงแชมป์อินเตอร์ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2016) แต่ก็มาเสียคืนให้มิซซะก่อน[71] ในทีแอลซี (2016)ได้รีแมตช์ชิงกับมิซไม่สำเร็จและสิ้นสุดเรื่องราว[72] ต่อมาได้ชนะสี่เส้าไปชิงแชมป์ WWEกับเอเจ สไตส์[73] แต่ต้องเดิมพันสิทธิ์กับแบรอน คอร์บินซึ่งผลออกมาเป็นแพ้นับ10ทั้งคู่ก่อนที่ GM แดเนียล ไบรอันจะประกาศให้ชิงแบบสามเส้า[74] แต่ไม่ได้แชมป์[75] ปี 2017 ซิกก์เลอร์ได้เป็นอธรรมอีกครั้ง[76] ในเดือนสิงหาคม 2017 ซิกก์เลอร์ได้มากิมมิคใหม่โดยล้อเลียนการเปิดตัวนักมวยปล้ำคนอื่นๆ[77] ในแคลชออฟแชมเปียนส์ (2017)คว้าแชมป์ยูเอสได้สมัย2[78] 2วันถัดมาซิกก์เลอร์ออกมาพูดว่า หลายคนคิดว่าการที่เขาคว้าแชมป์ยูเอสได้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่พวกเขาไม่ได้มอง 12 ปีที่ผ่านมาของเขาเลยได้ทั้งยูเอส, อินเตอร์, เฮฟวี่เวท, MITB เขาพิสูจน์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว แฟนๆไม่คู่ควรที่จะเห็นเขา ก่อนจะวางเข็มขัดทิ้งไว้บนเวที สัปดาห์ต่อมาไบรอันประกาศว่าซิกก์เลอร์นั้นสละแชมป์และจัดทัวร์นาเมนต์หาแชมป์ใหม่ ซิกก์เลอร์ได้เซอร์ไพรส์เข้าร่วมรอยัลรัมเบิล (2018)เป็นคนสุดท้ายคนที่30แต่ก็ไม่ชนะ[79] ในสแมคดาวน์ 13 กุมภาพันธ์ชนะแซมี เซย์นได้ร่วมชิงแชมป์ WWE แบบ6เส้าในฟาสต์เลน (2018)แต่ก็ไม่สำเร็จ[80]
16 เมษายน 2018 ซิกก์เลอร์ได้ย้ายมาสังกัดรอว์พร้อมเปิดตัวคู่แท็กทีมใหม่อย่างดรูว์ แม็กอินไทร์ในนาม The Show ต่อมาในรอว์ 18 มิถุนายนได้คว้าแชมป์อินเตอร์สมัยที่6จากเซท รอลลินส์ ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2018)สามารถป้องกันแชมป์อินเตอร์กับรอลลินส์ได้ในกติกา Iron Man match ปล้ำ 30 นาทีเป็นคู่เอกของรายการ[81] ในซัมเมอร์สแลม (2018)เสียแชมป์คืนให้รอลลินส์[82] ไม่นานก็ได้คว้าแชมป์รอว์แท็กทีม WWEร่วมกับดรูว์โดยชนะ B-Team (โบ ดัลลัสและเคอร์ติส แอ็กเซล)[83] เสียให้กับเซท รอลลินส์และดีน แอมโบรส[84] ก่อนจะแตกทีมกับดรูว์และแพ้ให้ดรูว์ในแมตช์กรงเหล็กในรอว์ 31 ธันวาคม 2018 ก่อนจะห่างหายไปรับงานนอกวงการ[85] และได้เซอร์ไพรส์เข้าร่วมในรอยัลรัมเบิล 2019 โดยอยู่ถึง 4 คนสุดท้ายแต่ก็ตกรอบ[86][87][88][89] ในเดือนพฤษภาคม 2019 ซิกก์เลอร์ได้ปรากฏตัวมาลอบทำร้ายแชมป์ WWE โคฟี คิงส์ตัน[90][91] ก่อนที่จะท้าชิงแชมป์กับโคฟีใน Super ShowDown ที่ซาอุดีอาระเบีย แต่ไม่สามารถคว้าได้จากการก่อกวนของเซเวียร์ วูดส์[92] ใน Stomping Grounds ได้รีแมตช์ชิงแชมป์ในกรงเหล็กแต่ก็ไม่สำเร็จ ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์แพ้ให้เควิน โอเวนส์เพียงเวลาสั้นๆ 17 วินาที[93] ในซัมเมอร์สแลมแพ้ให้โกลด์เบิร์กไปอย่างง่ายดายในเวลาสั้นๆ[94] ใน Clash of Champions ได้จับคู่กับรอเบิร์ต รู้ดสามารถคว้าแชมป์รอว์แท็กทีมร่วมกันสมัยแรกได้[95] ก่อนเสียให้ The Viking Raiders[96]
ในช่วงต้นปี 2020 ซิกก์เลอร์ได้มีบทเป็นกิ๊กกับแมนดี โรสและเปิดศึกกับโอทิสที่เป็นแฟนกับแมนดี[97] ทำให้ซิกก์เลอร์กับโอทิสมีแมตช์ตัดสินกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36โดยซิกก์เลอร์เป็นฝ่ายแพ้[98] ก่อนจะมาท้าชิงแชมป์ WWE กับอดีตคู่แท็กทีมอย่าง ดรูว์ แม็กอินไทร์ และพลาดแชมป์ใน The Horror Show at Extreme Rules[99][100] ปีต่อมา 2021 ได้คว้าแชมป์สแมคดาวน์แท็กทีมร่วมกับรู้ดนับเป็นสมัยแรกในฐานะแชมป์ของ SmackDown แถมเป็นสมัยที่สองของพวกเขาโดยรวมใน WWE และสำหรับซิกก์เลอร์ยังนับเป็นการคว้าแชมป์แท็กทีมครั้งที่สี่ของเขาใน WWE และเป็นนักมวยปล้ำคนที่หก (ร่วมกับ Kofi Kingston, The Miz, Jeff Hardy, Matt Hardy และ John Morrison) ที่ได้แชมป์แท็กทีมทั้ง World Tag Team, Raw Tag Team และ SmackDown Tag Team[101] ก่อนเสียให้คู่พ่อลูก Rey และ Domink Mysterio[102] ใน NXT Roadblock มีนาคม 2022 ซิกก์เลอร์สามารถคว้าแชมป์ NXTสมัยแรกได้ในแมตช์สามเส้า[103] ก่อนเสียคืนให้บรอน เบรกเกอร์[104] และได้เป็นธรรมะอีกครั้ง[105] ในปี 2023 ได้ถูกปล่อยตัวออกจาก WWE แล้ว หลังจากที่ทำงานกับสมาคมมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี[106]
เขายังมีผลงานด้านแสดงและการร่วมรายการดังนี้[107][108][109][110][111]
Television | |||
---|---|---|---|
Year | Title | Role | Notes |
2009 | Deal or No Deal | Guest Banker | Special edition of "WWE Week"[107] |
2010 | Lopez Tonight | Himself | Episode 121[108] |
2011 | Silent Library | Season 4, episode 62 "WWE Edition"[109] | |
2014–2017 | Total Divas | Guest (season 2–3 & 7) Recurring (season 4–6): 20 episodes | |
2017 | @midnight with Chris Hardwick | Season 4, June 22, 2017[113] | |
2017 | Adam Ruins Everything | The Great Placeboni | Season 4, episode 13 "Adam Ruins Spa Day"[114] |
2018 | Wild 'n Out[115] | Guest | |
2018 | Jeff Ross Presents Roast Battle | Guest[116] | |
2018, 2021 | Miz & Mrs. | Himself | 3 episodes |
2018 | The Challenge | Himself | Reunion Host |
WWE Network Originals | |||
---|---|---|---|
Year | Title | Role | Notes |
2015 | Unfiltered with Renee Young | Himself | Interview show with Renee Young |
2015 | Table for 3 | Himself | Three WWE Superstars share stories over dinner |
2015–present | Swerved | Himself | Hidden camera prank show |
2016 | WWE Ride Along | Himself | "Shipping Down From Boston" |
Nemeth เป็นแฟนตัวยงของมวยปล้ำอาชีพมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบเมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันมวยปล้ำที่สนามกีฬา Richfield Coliseum และเขาตัดสินใจที่จะกลายเป็นนักมวยปล้ำอาชีพตอนอายุ 12 ปีเขาได้เปิดเผยทางรายการ Art of Wrestling Podcast ของ Colt Cabana ที่เขาเลือกชื่อใน WWE ของเขา "Dolph" เพราะเป็นชื่อของคุณปู่ของเขาและเพื่อนของเขาแนะนำชื่อสกุล "Ziggler"
เขามีน้องชายสองคนชื่อไรอันยังเป็นนักมวยปล้ำอาชีพที่เคยทำงานร่วมกับ WWE และปล้ำใน NXT ภายใต้ชื่อ Briley Pierce[119] เขายังมีน้องชายอีกคนชื่อดอนัลด์ (ชื่อเล่น "ดอนนี"[120]) ถูกตัดสินจำคุก 15 ปีหลังจากที่สารภาพผิดกับการฆาตกรรมโดยไม่มีการจับกุมการลักพาตัวและการโจรกรรมบทบาทของเขาในการปล้นสะดมที่นำไปสู่การฆาตกรรมอดีตนาวิกโยธินในเดือนมกราคมปี 2016[121][122]
Nemeth จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคนต์สเตตซึ่งเขาได้ศึกษาวิชารัฐศาสตร์กับผู้เยาว์ก่อนกฎหมาย[123] ก่อนที่จะมีการ Tryout กับ WWE เขาอาศัยอยู่ในฟินิกซ์แอริโซนาและได้รับการยอมรับจากโรงเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาซึ่งเขาเข้าเรียนในภาคการศึกษาแรกของเขา[8][123]
เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาสปีริตสควอดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Michael Brendli กับคนที่เขาอาศัยอยู่ในฟลอริดาจนถึงปี 2008[124] ตั้งแต่นั้นมาเขาได้กลับไปพำนักอยู่ในฟินิกซ์[123]
เขาสามารถสื่อสารภาษามืออเมริกันได้อย่างคล่องแคล่ว[125]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.