คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
อัลเบร์โต เดล ริโอ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
โฆเซ อัลเบร์โต โรดริเกซ (José Alberto Rodríguez; 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1977)[1][2][3][4] นักมวยปล้ำอาชีพชาวเม็กซิโกที่รู้จักกันดีในนาม อัลเบร์โต เดล ริโอ (Alberto Del Rio) และ เอล ปาตรอน อัลเบร์โต (El Patrón Alberto)[14] อดีตสังกัดWWE[22][23][9] และยังปล้ำให้กับสมาคม Asistencia Asesoría y Administración(AAA) เป็นแชมป์ AAA Mega Champion[24], ริงออฟออเนอร์(ROH), World Wrestling League (WWL), Lucha Underground(LU) และโทเทิลนอนสต็อปแอคเชินเรสต์ลิง (TNA)
Remove ads
เขาเคยเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ โดส การัส จูเนียร์ (Dos Caras, Jr.) นักมวยปล้ำภายใต้หน้ากากชื่อดังในเม็กซิโก พ่อของเขาคือดอส คารัส แล้วยังเป็นหลานของมิล มัสคารัส และไซโคเดลิโอ อีกทั้งเป็นญาติกับไซโคเดลีโอ จูเนียร์ และฮิโจ ดี ไซโคเดลีโอด้วย ตระกูลของเขานับได้ว่าเป็นตระกูลมวยปล้ำอันดับต้นๆของประเทศเม็กซิโก คำว่า ดอส คารัส นั้นมีความหมายว่าอินทรีสองตัวจะเห็นได้จากสัญลักษณ์รูปอินทรีสองหัวบนหน้ากากของเขา[3][5][19]
Remove ads
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ
สรุป
มุมมอง
ดับเบิลยูดับเบิลยูอี
เดล ริโอเปิดตัวครั้งแรกในสแมคดาวน์ โดยมีผู้ประกาศส่วนตัวคือริคาร์โด โรดรีเกซ[10] และเอาชนะเรย์ มิสเตริโอไปได้เป็นแมตช์แรก ซึ่งเดล ริโอได้เล่นงานที่แขนซ้ายของเรย์จนต้องพักการปล้ำ[25] ในสแมคดาวน์ 24 กันยายน 2010 เดล ริโอได้ลอบทำร้ายคริสเตียนจนได้รับบาดเจ็บและต้องพักการปล้ำเช่นกัน[13][26] ต่อมาไม่นานเรย์ก็กลับมาเอาคืนด้วยการเอาชนะและทำลายสถิติไร้พ่ายของเขาตั้งแต่ที่เข้ามาปล้ำในสมาคม WWE[27] ในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2010) เดล ริโอได้เข้าร่วมทีมฝั่งสแมคดาวน์เป็นคนที่4 เจอกับทีมฝั่งรอว์ โดยทีมฝั่งสแมคดาวน์ชนะไปได้[28][29] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2010) ทีมเดล ริโอแพ้ให้กับทีมเรย์ในแบบแทกทีมประเพณี 5 ต่อ 5 คัดออก[30] ในทีแอลซี (2010) เดล ริโอได้ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท 4เส้ากับเคน, เรย์ มิสเตริโอ และเอดจ์ ในรูปแบบการต่อสู้ด้วยโต๊ะ บันได และเก้าอี้(TLC Match) สุดท้ายเอดจ์คว้าแชมป์ไปได้[31] ในรอยัลรัมเบิล (2011) เดล ริโอได้เป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิลคว้าสิทธิ์ชิงแชมป์โลกในเรสเซิลเมเนีย[32] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2011) เดล ริโอได้เอาชนะโคฟี คิงส์ตันไปได้ คืนเดียวกันได้มาลอบทำร้ายเอดจ์ หลังจากป้องกันแชมป์โลกเฮฟวี่เวทมาได้ในแมตช์แชมเบอร์ แต่คริสเตียนเพื่อนของเอดจ์ก็ออกมาช่วยเอาไว้[33] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 เดล ริโอได้ชิงแชมป์กับเอดจ์ แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้[34] หลังจากนั้นเอดจ์ได้ประกาศเลิกปล้ำเพราะมีอาการบาดเจ็บ และต้องสละตำแหน่งแชมป์[35]
เดล ริโอได้ย้ายจากสแมคดาวน์ไปอยู่รอว์จากการดราฟท์วันที่ 25 เมษายน 2011[36] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011) เดล ริโอได้ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับคริสเตียนในแมตช์ไต่บันได แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้[37][38] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2011) เดล ริโอได้เป็นผู้ชนะมันนีอินเดอะแบงก์แลดเดอร์แมตช์คว้ากระเป๋าของฝั่งรอว์ได้สำเร็จ คืนเดียวกันได้ใช้สิทธิ์กระเป๋าชิงแชมป์ WWE กับซีเอ็ม พังก์ ตามคำสั่งของวินซ์ แม็กแมนทันที หลังจากที่พังก์เพิ่งคว้าแชมป์จากจอห์น ซีนา เดล ริโอวิ่งออกมาพร้อมกระเป๋าแต่ยังไม่ทันใช้ก็โดนพังก์เตะก้านคอและปีนที่กั้นคนดูหนีออกจากสนามไปท่ามกลางผู้ชมพร้อมกับเข็มขัดแชมป์ WWE ทำให้เดล ริโอพลาดโอกาสในการคว้าแชมป์[39] ในซัมเมอร์สแลม (2011) หลังจากที่พังก์เพิ่งเอาชนะซีนา และป้องกันแชมป์ WWE เอาไว้ได้ แถมยังโดนเควิน แนชมาลอบทำร้ายอีก เดล ริโอเลยขอใช้สิทธิ์กระเป๋าชิงแชมป์กับพังก์ทันที สุดท้ายเดล ริโอก็ฉวยโอกาสเตะก้านคอและกดเอาชนะคว้าแชมป์ WWE สมัยแรกได้สำเร็จ[40] ก่อนจะเสียแชมป์ให้ซีนาในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2011)[41][42] ในเฮลอินเอเซล (2011) เดล ริโอก็สามารถคว้าคว้าแชมป์กลับคืนมาได้เป็นสมัยที่2 โดยการชนะซีนาและพังก์ ในกรงเหล็กเฮลอินเอเซล 3 เส้า[43] แต่ก็เสียแชมป์คืนให้พังก์ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2011)[44] ในทีแอลซี (2011)แพ้สามเส้าชิงแชมป์ WWE กับซีเอ็ม พังก์ และเดอะมิซ ในแบบ TLC[45] ต่อมาต้องพักการปล้ำจากการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ[46]
ในโอเวอร์เดอะลิมิต (2012) ได้ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทสี่เส้ากับเชมัส, คริส เจริโค และแรนดี ออร์ตัน แต่ก็ไม่สำเร็จ[47] ในสแมคดาวน์ 25 พฤษภาคม เดล ริโอได้เอาชนะออร์ตัน และเคน และได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ1 ในการชิงแชมป์กับเชมัสในโนเวย์เอาท์ (2012)[48] แต่เดล ริโอก็ได้รับอาการบาดเจ็บจากการกระทบกระเทือนทางสมองจนต้องหมดสิทธิ์ชิงในโนเวย์เอาท์[49] จากนั้นได้ขอท้าชิงแชมป์กับเชมัสแต่ก็แพ้ถึง 3 ศึกใหญ่ติดกัน[50][51][52] ในต้นปี 2013 เดล ริโอได้กลายมาเป็นฝ่ายธรรมะและสามารถคว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทสมัยแรกจากบิ๊กโชว์[53][54] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29 เดล ริโอสามารถป้องกันแชมป์กับแจ็ก สแวกเกอร์เอาไว้ได้[55] แต่ในรอว์คืนต่อมาก็เสียแชมป์ให้กับดอล์ฟ ซิกก์เลอร์โดยการใช้สิทธิ์กระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์[56] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013) เดล ริโอได้ชนะสแวกเกอร์ และได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ1 ในการชิงแชมป์กับซิกก์เลอร์[57] ในเพย์แบ็ค (2013)สามารถคว้าแชมป์คืนจากซิกก์เลอร์ได้เป็นสมัยที่2 และกลายมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้ง[58][59]
ในสแมคดาวน์ 2 สิงหาคม ผู้จัดการทั่วไปสแมคดาวน์ วิกกี เกร์เรโร ได้จัดแมตช์สามเส้าเพื่อหาผู้ท้าชิงแชมป์กับเดล ริโอในซัมเมอร์สแลม (2013) โดยมี แรนดี ออร์ตัน, คริสเตียน และร็อบ แวน แดม ผลปรากฏว่าคริสเตียนชนะ[60] ในรอว์ 5 สิงหาคม ได้เจอกับแวน แดม ริคาร์โดพยายามช่วยด้วยการเอาถังน้ำวางไว้ที่เสาเวทีแล้วบอกให้เดล ริโอเหวี่ยงแวน แดมไปใส่ถัง แต่สวนกลับได้แล้วเหวี่ยงเดล ริโอไปอัดถังน้ำแทน แล้วโดนรวบกดนับ3 หลังแมตช์เดล ริโอจัดการเตะใส่เต็มหน้าริคาร์โด จากนั้นก็เอาถังน้ำมาฟาดใส่ไม่ยั้ง ปิดท้ายด้วยการลากริคาร์โดเอาหัวไปหนีบไว้ที่ขั้นบันไดเหล็กก่อนจะวิ่งมาดร็อปคิกใส่เต็มๆ[61] ในซัมเมอร์สแลม เดล ริโอสามารถป้องกันแชมป์กับคริสเตียนได้สำเร็จ[62] ในรอว์ 19 สิงหาคม ได้มีแมตช์เจอกับซิน คารา ผลปรากฏว่าเดล ริโอเป็นฝ่ายชนะ เพราะซิน คาราใช้ท่า Suicide Dive พุ่งลงไปอัดเดล ริโอที่ด้านล่างเวที แต่ผิดคิวทำให้ซิน คาราเจ็บที่นิ้วมือ กรรมการต้องให้แพทย์สนามมาดูอาการ และตัดสินให้เดล ริโอชนะ หลังแมตช์ริคาร์โดออกมาขัดจังหวะ และบอกว่าเดล ริโอไม่ใช่ฮีโร่หรอก และเขาก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องคอยติดตามเดล ริโออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาจะติดตามคนที่เป็นฮีโร่อย่างแท้จริงคือร็อบ แวน แดม[63] ในรอว์ 26 สิงหาคม แบรด แมดด็อกซ์ประกาศว่าถ้าแวน แดมชนะเดล ริโอ จะได้สิทธิ์ชิงแชมป์ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2013) สุดท้ายเดล ริโอแพ้จากการก่อกวนของริคาร์โด โดยขึ้นไปบนโต๊ะผู้บรรยายแล้วทำท่า RVD จนทำให้เดล ริโอเสียสมาธิ และทำให้แวน แดมได้สิทธิ์ชิงแชมป์[64] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ เดล ริโอถูกปรับแพ้ฟาล์วไม่เสียแชมป์[65] ในแบทเทิลกราวด์ เดล ริโอสามารถป้องกันแชมป์กับแวน แดมได้ในกฏฮาร์ดคอร์[66] ในรอว์ 7 ตุลาคม วิกกีออกมาประกาศคู่ต่อสู้ของเดล ริโอคือริคาร์โด อดีตลูกน้อง และยังประกาศผู้ท้าชิงแชมป์กับเดล ริโอในเฮลอินเอเซล (2013) คือจอห์น ซีนา เดล ริโอกำลังช็อคและมัวแต่โวยวายเลยโดนริคาร์โดรวบกดแพ้ไป หลังแมตช์เดล ริโอเล่นงานริคาร์โดระบายอารมณ์ จากนั้นก็เอาเก้าอี้มาหนีบแขนแล้วใส่ Cross ArmBreaker จนกรรมการต้องมาห้าม[67] ในเฮลอินเอเซลเสียแชมป์ให้ซีนา[68] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2013) ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนจากซีนาได้[69]
ในรอว์ 6 มกราคม 2014 หลังจากเอาชนะซิน คาราไปได้ เดล ริโอเอาไมค์มาพูดกับแฟนๆบอกว่าถ้าจะพูดถึงรอยัลรัมเบิลก็ควรจะพูดถึงเขาแต่กลายเป็นว่ามีแต่คนพูดถึงบาทิสตา ดังนั้นเขาจะชนะรอยัลรัมเบิลให้ได้อีกครั้ง[70] ในรอว์ 13 มกราคมหลังจากชนะเรย์ไปได้ก็ท้าทายว่าจะเล่นงานบาทิสตา ในรอว์ 20 มกราคม เอาชนะเรย์ไปได้อีกครั้ง หลังแมตช์ถูกบาทิสตาจับสไปน์บัสเตอร์และต่อด้วยบาทิสตา บอมบ์[71] ในรอยัลรัมเบิล (2014)ได้เข้าร่วมแมตช์เป็นลำดับที่27 แต่ก็ถูกกำจัดออกโดยบาทิสตา[72] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014)แพ้ให้บาทิสตา ในรอว์คืนต่อมาก็สามารถเอาชนะบาทิสตาคืนได้ จากการที่แรนดี ออร์ตันออกมาทำลายสมาธิบาทิสตา จึงโดนรวบกดจนแพ้ไป[73] วันที่ 7 สิงหาคม 2014 WWE ได้ประกาศไล่เดล ริโอออกจากสมาคม โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่มีความเป็นมืออาชีพและทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมงาน[74] เว็บไซต์ F4WOnline เปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่ทำให้ WWE ไล่เดล ริโอออกนั้นคือเหตุการณ์ที่เดล ริโอไปตบหน้าทีมงานฝ่ายโซเชียลมีเดียของสมาคม เพราะไปพูดเหยียดเชื้อชาติ ทั้งนี้สัญญาของเดล ริโอก็กำลังจะหมดลงอยู่แล้วและเจ้าตัวก็ไม่คิดจะต่อสัญญาแต่แรกแล้วด้วย[75]
ตุลาคม 2015 เขาได้กลับมายัง WWE อีกครั้งโดยใช้นามเดิม อัลเบร์โต เดล ริโอ ในเฮลอินเอเซล (2015) มาพร้อมกับเซบ โคลเตอร์ และคว้าแชมป์ยูเอส มาจากจอห์น ซีนา เป็นสมัยแรกได้สำเร็จ[76] ในช่วงปลายปี 2015 เดล ริโอได้เข้าร่วมกลุ่มเดอะลีกออฟเนชันส์[77][78] ในรอว์ (11 มกราคม 2016) เสียแชมป์ยูเอสให้กับคาลิสโต[79][80] ก่อนจะกระชากแชมป์คืนมาได้ในสแมคดาวน์ เพียง 1 วันเท่านั้น[81] แต่ก็เสียแชมป์คืนในรอยัลรัมเบิล (2016)[82][83] ในเดือนเมษายน 2016 ลีกออฟเนชันส์ได้แตกกลุ่ม[84][85] วันที่ 17 สิงหาคม เดล ริโอได้ถูก WWE แบนเป็นเวลา 30 วัน จากการตรวจสุขภาพไม่ผ่าน[86][87] วันที่ 9 กันยายน เดล ริโอได้ออกจาก WWE เป็นครั้งที่2[88][89][90] และกลับไปปล้ำสมาคมอิสระอีกครั้ง[91][92]
สมาคมอื่น
เขาได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า เอล ปาตรอน อัลเบร์โต และได้เซ็นสัญญากับสมาคม Asistencia Asesoría y Administración (AAA)[93][94][15], World Wrestling League (WWL)[95], ริงออฟออเนอร์ (ROH)[18][11][96] และ Lucha Underground (LU)[97][98][99][100], โทเทิลนอนสต็อปแอคเชินเรสต์ลิง(TNA) และ Nación Lucha Libre[101]
Remove ads
อาชีพนักต่อสู้แบบผสม
สถิติการต่อสู้แบบผสม
Professional record breakdown | ||
15 matches | 9 wins | 6 losses |
By knockout | 3 | 2 |
By submission | 6 | 2 |
By decision | 0 | 1 |
By disqualification | 0 | 1 |
Remove ads
ชีวิตส่วนตัว
Rodríguezเคยแต่งงานกับ Angela Velkei ซึ่งเขามีลูกสามคน[103] Velkei ยื่นฟ้องหย่าจากRodríguezในเดือนมิถุนายน 2016 และระบุว่าการแต่งงานสิ้นสุดลงในเดือนก่อนหน้าเนื่องจากการล่วงประเวณี อย่างไรก็ตามRodríguezอ้างว่าการแต่งงานสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2558
ในเดือนพฤษภาคม 2016 Rodríguezและนักมวยปล้ำอาชีพ Saraya-Jade Bevis ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Paige ได้เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขา[104][105] ทั้งสองเริ่มหมั้นกันในเดือนตุลาคม 2016[106] พวกเขาแยกปลายปี 2017[107]
Rodríguezเป็นเจ้าของร้านอาหารในซานอันโตนิโอเท็กซัสชื่อ La Cantinita ซึ่งเปิดในปี 2016[108] อย่างไรก็ตามร้านอาหารปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2017[109]
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2018 Rodríguezกลายเป็นพลเมืองสัญชาติของสหรัฐอเมริกา[110]
แชมป์และรางวัล
มวยสมัครเล่น
- Central American and Caribbean Games
- First place (3 times)
- World Junior Championships
- Gold (1997)
มวยปล้ำอาชีพ
- Alianza Universal De Lucha Libre
- Copa Universo (2019) – with LA Park[111]
- Big League Wrestling
- BLW World Heavyweight Championship (1 time)[112]
- Consejo Mundial de Lucha Libre
- Impact Wrestling
- Lucha Libre AAA Worldwide
- AAA Mega Championship (1 time)[24]
- Lucha Libre World Cup (2015) – with Myzteziz and Rey Mysterio Jr.[100]
- Técnico of the Year (2014)[115]
- New Generation Championship Wrestling
- NGCW Heavyweight Championship (1 time)[116]
- Pro Wrestling Illustrated
- Qatar Pro Wrestling
- QPW World Championship (1 time)[118]
- World Association of Wrestling
- WAW Undisputed World Heavyweight Championship (1 time)[119]
- World Wrestling Entertainment/WWE
- WWE Championship (2 times)[120][121]
- World Heavyweight Championship (2 times)[122][123]
- WWE United States Championship (2 times)[124][125][126]
- Royal Rumble (2011)[127]
- Money in the Bank (Raw 2011)[39][40][128]
- Bragging Rights Trophy (2010) – with Team SmackDown (Big Show, Rey Mysterio, Jack Swagger, Edge, Tyler Reks, and Kofi Kingston)
- World Wrestling League
- WWL World Heavyweight Championship (1 time)[95]
- Wrestling Observer Newsletter
- Best Gimmick (2010)[129]
Remove ads
นัดที่มีเดิมพัน
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads