Remove ads
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอเอช-1 คอบรา (อังกฤษ: AH-1 Cobra) เป็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจมแบบสองใบพัด หนึ่งเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทเบลล์ มันใช้เครื่องยนต์และระบบใบพัดแบบเดียวกันกับยูเอช-1 ไอโรควอยส์ ในบางครั้งเอเอช-1 จะหมายถึงฮิวอี้คอบราหรือสเนค
เอเอช-1 คอบรา | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | เฮลิคอปเตอร์จู่โจม |
ชาติกำเนิด | สหรัฐอเมริกา |
บริษัทผู้ผลิต | เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ |
สถานะ | อยู่ในประจำการ |
ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพบกสหรัฐ กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี กองทัพอากาศอิสราเอล กองทัพบกไทย |
จำนวนที่ผลิต | 1,116 ลำ |
ประวัติ | |
สร้างเมื่อ | พ.ศ. 2510-ปัจจุบัน |
เริ่มใช้งาน | พ.ศ. 2510 |
เที่ยวบินแรก | 7 กันยายน พ.ศ. 2508 |
พัฒนาจาก | ยูเอช-1 ไอโรควอยส์ |
สายการผลิต | เอเอช-1 ซูเปอร์คอบรา เบลล์ 309 คิงคอบรา |
เอเอช-1 เป็นกองกำลังหลักในกองบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกสหรัฐแต่ก็ถูกแทนที่โดยเอเอช-64 อาพาชี่ รุ่นที่พัฒนายังคงทำการบินต่อไปในหลายๆ ประเทศที่ใช้มัน เอเอช-1 แบบสองเครื่องยนต์ยังคงประจำการในกองนาวิกโยธินสหรัฐในฐานะเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลัก
การพัฒนาที่ใกล้เคียงกับเบลล์เอเอช-1 มากที่สุดก็คือยูเอช-1 ไอโรควอยส์ที่เป็นต้นกำเนิดของเฮลิคอปเตอร์ยุคใหม่อันเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเวียดนามและยังคงเป็นหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ที่มีจำนวนมากที่สุดที่ยังประจำการอยู่ทุกวันนี้
ยูเอช-1 ได้สร้างทฤษฎีของทหารอากาศขึ้นมาในฐานะยุทธวิธีแบบใหม่ที่สามารถส่งกองกำลังของสหรัฐข้ามพื้นที่ได้อย่างกว้างขวาง ไม่เหมือนแต่ก่อนที่พวกมันไม่สามารถรบได้เป็นเวลานานและพวกมันก็ไม่สามารถคงตำแหน่งเอาไว้ได้ แผนก็คือทหารจะถูกขนส่งโดยกองบินยูเอช- ฮิวอี้เป็นระยะทางไกลเพื่อต่อสู้กับศัตรูในที่และเวลาที่ต้องการ[1]
ไม่นานมันก็ชัดเจนว่าเฮลิคอปเตอร์ขนทหารที่ไร้อาวุธนั้นตกเป็นเป้าของเวียดกงและกองทัพเวียดนามเหนือ โดยเฉพาะเมื่อต้องลงจอดเพื่อส่งทหารลง โดยปราศจากการสนับสนุนจากปืนใหญ่และกองกำลังพื้นดิน หนทางเดียวก็คือการช่วยจากทางอากาศด้วยเครื่องจักรที่สามารถคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ขนส่งได้และสามารถร่อนเหนือพื้นดินได้ในขณะที่ต่อสู้ ในปีพ.ศ. 2505 ยูเอช-1เอที่ติดอาวุธจำนวนไม่มากนักได้ถูกใช้เพื่อคุ้มกัน มันมีปืนกลและจรวดเป็นอาวุธ[2]
การขยายตัวอย่างมากของกองทัพอเมริกันในเวียดนามได้สร้างยุคใหม่ของสงครามจากอากาศ เฮลิคอปเตอร์ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในยุทธวิธีของสหรัฐ
เบลล์ได้ทำการค้นหาเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์จู่โจมมาตั้งแต่ช่วงปลายปีพ.ศ. 2493 และได้สร้างต้นแบบจำลองของเฮลิคอปเตอร์ดี 255 เอาไว้โดยใช้ชื่อว่า"ไอโรควอยส์วอริเออร์" ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2505 เบลล์ได้แสดงแบบจำลองให้กับทางกองทัพโดยหวังที่จะเรียกร้องขอทุนในการพัฒนาต่อไป ดี 255 ไอโรควอยส์วอริเออร์ได้ถูกวางแผนให้สร้างเพื่อเป็นอากาศยานจู่โจมที่มีพื้นฐานจากยูเอช-1บีและส่วนประกอบใหม่ๆ อย่างความผอมบาง ที่นั่งคู่ ห้องนักบินแบบเรียงกัน มันยังมีเครื่องยิงระเบิดในป้อมที่ส่วนจมูกของมันและปีกสำหรับติดตั้งจรวดหรือขีปนาวุธต่อต้านยานเกราะ เอสเอส-10[3]
กองทัพสนใจและได้ทำสัญญากับเบลล์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2505 เบลล์ได้ดัดแปลงแบบ 47 ซึ่งนำไปสู่แบบ 207 ไซโอซ์สเกาท์ซึ่งได้บินครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2506[4] ไซโอซ์สเกาท์มีทุกอย่างที่ทำให้มันกลายเป็นเฮลิคอปเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งมีทั้งที่นั่งแบบเรียงตามหลังปีกสำหรับอาวุธ และป้อมปืนที่ตรงส่วนคาง หลังจากการประเมินไซโอซ์สเกาท์ในช่วงต้นปีพ.ศ. 2507 กองทัพก็พอใจแต่ยังเชื่ออีกด้วยว่าไซโอซ์สเกาท์นั้นมีขนาดเล็ก อำนาจการยิงต่ำ ไม่ครอบคลุม และเปราะบางเกินไปที่จะนำมาใช้จริงๆ[4]
ทางออกของกองทัพต่อจุดอ่อนของไซโอซ์สเกาท์คือการเริ่มการแข่งขันระบบการยิงสนับสนุนทางอากาศ (Advanced Aerial Fire Support System, AAFSS)[4] เอเอเอฟเอสเอสได้นำมาสู่เอเอช-56 ชียีนของบริษัทล็อกฮีด มันเป็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจมขนาดหนักซึ่งซับซ้อนและแพงเกินไปจนถูกยกเลิกในพ.ศ. 2515[4] โครงการชียีนได้พัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตและแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ยอดเยี่ยมแต่ก็ไม่เคยได้ถูกนำมาใช้งานจริงๆ มันทำหน้าที่เป็นเฮลิคอปเตอร์รบที่สำคัญ
ในช่วงเวลาเดียวกันถึงแม้ว่ากองทัพจะพึงพอใจในเอเอเอฟเอสเอสซึ่งเบลล์เฮลิคอปเตอร์ไม่ได้ถูกคัดเลือก เบลล์ยังคงอยู่กับความคิดเดิมของพวกเขาในการสร้างเฮลิคอปเตอร์จู่โจมที่มีขนาดเล็กและเบากว่า[4] ในเดินมกราคม พ.ศ. 2508 เบลล์ได้ลงทุนเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างแบบใหม่
ระบบใบพัด 540 ของยูเอช-1ซีได้พัฒนาขึ้นโดยระบบเพิ่มความเสถียรในการควบคุม (Stability Control Augmentation System, SCAS) และเครื่องยนต์ ที53 ของยูเอช-1 พร้อมกับแบบของไซโอซ์สเกาท์ เบลล์จึงได้สร้างแบบ 209 ออกมา[4] แบบ 209 ของเบลล์ได้ผสมแบบจำลองมากมายของ"ไอโรควอยส์"[5]
ในเวียดนาม เหตุการ์ได้เพิ่มความต้องการในแบบ 209 การโจมตีกองกำลังของสหรัฐเพิ่มขึ้นและเมื่อสิ้นสุดพ.ศ. 2508 ทหารราบของสหรัฐในเวียดนามก็เพิ่มขึ้นถึง 50,000 นาย[4]
ในปีพ.ศ. 2508 ยังเป็นปีสิ้นสุดของการคัดเลือกเอเอเอฟเอสเอสแต่โครงการก็ต้องติดขัดทางด้านเทคนิคและปัญหาทางการเมือง กองทัพบกสหรัฐต้องการเฮลิคอปเตอร์จู่โจมแบบขั้วคราวในเวียดนามและขอให้บริษัทห้าบริษัทสร้างทางออกอย่างรวดเร็ว ผลที่ได้คือเอซีเอช-47เอของโบอิ่ง เอชเอช-2ซี โทมาฮอว์คของคาแมน 16เอช พาธไฟน์เดอร์ ไซคอสกี้ เอส-61 และเบลล์ 209[4]
ในวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2508 เบลล์ได้ทำต้นแบบออกมาและสี่วันให้หลังมันก็ได้ขึ้นบิน ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2509 แบบ 209 ก็ได้รับเลือก จากนั้นกองทัพก็ทำสัญญาในการสร้างแบบ 209 ทั้งสิ้น 110 เครื่อง[4]
เบลล์ 209 ถูกใช้ในอีกหกปีต่อมาเพื่อทดลองอาวุธและอุปกรณ์ มันได้ถูกดัดแปลงเป็นเอเอช-1 แบบพื้นฐานในพ.ศ. 2513 แบบทดสอบถูกปลดเข้าสู่พิพิธภัณฑ์[5]
แบบของเบลล์ 209 ได้ถูกดัดแปลงเพื่อเข้าสู่การผลิต ขาหยั่งแบบเก่าถูกแทนที่ด้วยแบบใหม่ที่ตายตัว ใบพัดแบบกว้างได้ถูกนำมาใช้ เพื่อการผลิตกระจกครอบห้องนักบินแบบเก่าได้ถูกแทนที่ด้วยกระจกกันกระสุนซึ่งทีความทนทานสูง[5]
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2510 เอเอช-1จี ฮิวอี้คอบราเครื่องแรกได้ถูกสร้างขึ้นมา มันมีพื้นฐานเดิมมาจากยูเอช-เอช เอเอช-1 ถูกมองในทันทีว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ในสายเอช-1
เอเอช-1 คอบราถูกใช้โดยกองทัพในปีพ.ศ. 2511 และจนสิ้นสุดสงครามเวียดนาม ฮิวอี้คอบรานั้นให้การยิงสนับสนุนแก่กองกำลังภาคพื้นดิน คอยคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพลและมีบทบาทอื่นๆ อีกมาก รวมทั้งเป็นป้อมจรวดทางอากาศอีกด้วย พวกมันยังถูกใช้สร้างทีม"ฮันเตอร์คิลเลอร์"โดยคู่กับเฮลิคอปเตอร์สอดแนมแบบโอเอช-6เอ ทีมจะมีโอเอช-6 หนึ่งลำที่บินอย่างช้าๆ และต่ำเพื่อหากองกำลังของศัตรู หากโอเอช-6 ดึงดูดการยิงจากศัตรูคอบราก็จะสามารถเข้าโจมตีศัตรูที่เผยตัวออกมาได้[5] เบลล์ได้สร้างเอเอช-1จีจำนวน 1,116 เครื่องให้แก่กองทัพบกสหรัฐฯ ระหว่างปีพ.ศ. 2510 และพ.ศ. 2516 และคอบราได้ปฏิบัติการเป็นล้านชั่มโมงในเวียดนาม[4]
นาวิกโยธินสหรัฐฯ ใช้เอเอช-1จี คอบราในเวียดนามไม่นานนักก่อนที่จะต้องการเอเอช-1เจ คอบราแบบสองเครื่องยนต์
คอบราของกองทัพบกยังมีส่วนร่วมในการรุกรานเกรนาดาในปีพ.ศ. 2526 โดยการทำหน้าที่ยิงสนับสนุนและคุ้มกัน คอบราของกองทัพบกได้มีส่วนร่วมในการบุกคลองปานามาในปีพ.ศ. 2532[5]
ในสงครามอ่าวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533-2534 คอบราและซีคอบราทำหน้าที่สนับสนุน นาวิกโยธินสหรัฐฯ ใช้ซีคอบรา 91 เครื่องและกองทัพบกสหรัฐฯ ใช้คอบรา 140 เครื่องซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้เครื่องยนต์กรองทราย เอเอช-1 สามลำตกในอุบัติเหตุขณะต่อสู้และหลังจากนั้น[5] คอบราได้ทำลายยานเกราะและเป้าหมายนับร้อยของอิรักถึงแม้ว่ากองทัพจะใช้มันเพื่อลาดตระเวนและสอดแนมก็ตาม
คอบราของกองทัพบกได้สนับสนุนการแทรกแซงความมีมนุษยธรรมในโซมาเลีย พวกมันถูกใช้โดยสหรัฐฯ ในช่วงการรุกรานเฮติในปีพ.ศ. 2537 คอบราของสหรัฐฯ ยังคงถูกใช้ตลอดปีพ.ศ. 2533[5]
เอเอช-1 คอบรายังคงประจำการอยู่ในกองทัพสหรัฐฯ โดยมักใช้โดยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ในสงครามอิรักและในอัฟกานิสถาน กองทัพบกสหรัฐฯเลิกใช้เอเอช-1 ในพ.ศ. 2533 และปลดเอเอช-1 จากประจำการในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2542 และมอบพวกมันให้กับนาโต้[4][6] กองทัพบกเลิกใช้เอเอช-1 ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2544 เอเอช-1 ที่ถูกปลดประจำการถูกส่งต่อไปให้กับประเทศอื่นและกรมป่าไม้ของสหรัฐฯ[4]
ตั้งแต่กลางจนถึงปลายปีพ.ศ. 2513 ที่เลบานอนเป็นแนวหน้าที่มีการตื่นตัวมากที่สุดของอิสราเอลความสามารถและอาวุธที่ไม่เหมือนใครของคอบราทำให้มันเหมาะกับภัยคุกคามเลบานอนและไอเอเอฟ คอบราได้ทำการต่อสู้มากว่า 20 ปี การโจมตีโดยใช้คอบราครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2522
คอบรายังคงถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยกองทัพอากาศอิสราเอลในสงครามเลบานอนปีพ.ศ. 2525 เพื่อทำลายที่มั่นและยานเกราะของซีเรีย คอบราของกองทัพอากาศได้ทำลายยานเกราะของซีเรียเป็นโหล รวมทั้งรถถังที-72ของโซเวียตอีกมาก ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการทางตอนเหนือของเลบานอนคอบราได้ปฏิบัติการมากมายเพื่อต่อต้านฮิซบัลเลาะห์
กองทัพบกปากีสถานยังได้ใช้เอเอช-1 เป็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลักในช่วงกลางและปลายปีพ.ศ. 2513 ในการจลาจลในแคว้นวาซิริสถานได้แสดงให้เห็นเอเอช-1 ของปากีสถานต่อสู้กับกลุ่มตาลีบันและอัลกออิดะห์
กองทัพตุรกีได้ใช้เอเอช-1 ในปฏิบัติการต่อต้านฝ่ายกบฏเคิร์ดทั้งในสองฝากของชายแดนอิรัก
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.