จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เผือก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Colocasia esculenta) เป็นพืชล้มลุกอายุยืนในวงศ์ Araceae เช่นเดียวกับบอน ต้นตรง ไม่มีเนื้อไม้ มีหัวใต้ดินสะสมอาหาร ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ก้านดอกอวบใหญ่ สั้นกว่าก้านใบ ดอกตัวผู้และตัวเมียขนาดเล็กอยู่แยกกันบนแกนช่อ ดอกตัวเมียสีเขียวอยู่โคน ดอกตัวผู้สีขาวอยู่ปลาย ผลมีเนื้อเป็นกระจุกแน่น มี 1-10 เมล็ด
เผือก | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Monocots |
อันดับ: | Alismatales |
วงศ์: | Araceae |
วงศ์ย่อย: | Aroideae |
เผ่า: | Colocasieae |
สกุล: | Colocasia |
สปีชีส์: | C. esculenta |
ชื่อทวินาม | |
Colocasia esculenta (L.) Schott | |
เผือกเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือตอนใต้ของเอเชียกลาง ปัจจุบันใช้ปลูกเป็นพืชอาหารในหมู่เกาะเวสต์อินดีส แอฟริกาและเอเชีย เป็นอาหารหลักในหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก และปาปัวนิวกินี รวมทั้งชาวเกาะในอินโดนีเซีย เผือกรับประทานได้หลายส่วน โดยหัว หัวย่อย ไหล ใบและก้านใบเมื่อต้มสุกสามารถรับประทานได้เช่นเดียวกับบอน โดยส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นแกง แป้งจากเผือกรับประทานทั้งเป็นอาหารหลักและอาหารว่าง ใช้ใบเผือกห่อปลาเค็มหรืออาหารอื่นก่อนนำไปนึ่ง ในฮาวายนำหัวเผือกมาต้ม ตำให้ละเอียด ปล่อยให้เกิดการหมัก กลายเป็นอาหารที่เรียกโปย
พันธุ์เผือกทั่วโลกมีความหลากหลายมาก เฉพาะที่พบในไทยแบ่งได้ 4 พันธุ์คือ[1]
เผือกดิบกินไม่ได้เช่นเดียวกับบอน ซึ่งต้องทำให้สุกก่อนถึงจะรับประทานได้ เพราะมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต[2][3] ผลึกส่วนใหญ่เป็นรูปเข็ม ความเป็นพิษน้อยลงเมื่อสุก[4] แคลเซียมออกซาเลตไม่ละลายน้ำและทำให้เกิดนิ่วในไต จึงมีคำแนะนำให้กินนมหรืออาหารที่มีแคลเซียมสูงพร้อมกับเผือก[5]
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 594 กิโลจูล (142 กิโลแคลอรี) |
34.6 g | |
น้ำตาล | 0.49 |
ใยอาหาร | 5.1 g |
0.11 g | |
0.52 g | |
วิตามิน | |
ไทอามีน (บี1) | (9%) 0.107 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (2%) 0.028 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (3%) 0.51 มก. |
(7%) 0.336 มก. | |
วิตามินบี6 | (25%) 0.331 มก. |
โฟเลต (บี9) | (5%) 19 μg |
วิตามินซี | (6%) 5 มก. |
วิตามินอี | (20%) 2.93 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (2%) 18 มก. |
เหล็ก | (6%) 0.72 มก. |
แมกนีเซียม | (8%) 30 มก. |
แมงกานีส | (21%) 0.449 มก. |
ฟอสฟอรัส | (11%) 76 มก. |
โพแทสเซียม | (10%) 484 มก. |
สังกะสี | (3%) 0.27 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 177 กิโลจูล (42 กิโลแคลอรี) |
6.7 g | |
น้ำตาล | 3 g |
ใยอาหาร | 3.7 g |
0.74 g | |
5 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (30%) 241 μg(27%) 2895 μg1932 μg |
ไทอามีน (บี1) | (18%) 0.209 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (38%) 0.456 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (10%) 1.513 มก. |
วิตามินบี6 | (11%) 0.146 มก. |
โฟเลต (บี9) | (32%) 126 μg |
วิตามินซี | (63%) 52 มก. |
วิตามินอี | (13%) 2.02 มก. |
วิตามินเค | (103%) 108.6 μg |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (11%) 107 มก. |
เหล็ก | (17%) 2.25 มก. |
แมกนีเซียม | (13%) 45 มก. |
แมงกานีส | (34%) 0.714 มก. |
ฟอสฟอรัส | (9%) 60 มก. |
โพแทสเซียม | (14%) 648 มก. |
สังกะสี | (4%) 0.41 มก. |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA FoodData Central |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.