หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา

พันโทหญิง หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา (สกุลเดิม: วิเศษกุล; 5 เมษายน พ.ศ. 2451 — 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551) หม่อมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และอดีตนางพระกำนัลในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี[1]

ข้อมูลเบื้องต้น เกิด, เสียชีวิต ...

กอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา

Thumb
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา
เกิดกอบแก้ว วิเศษกุล
5 เมษายน พ.ศ. 2451
เสียชีวิต19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 (100 ปี)
คู่สมรสพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา (พ.ศ. 2472–2489)
บิดามารดาพระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล)
คุณหญิงเนื่อง สุรินทราชา
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ ไทย (2486–2488)
สยาม (2488–2491)
 ไทย (2491–2511)
แผนก/สังกัดกองทัพบกไทย
ประจำการ2486–2511
ชั้นยศ พันโทหญิง
หน่วยทหารม้า
ปิด

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา เกิดวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2451 เป็นธิดาคนสุดท้องของพระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล) มหาดเล็กข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับคุณหญิงสุรินทราชา (เนื่อง) สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนคอนแวนต์แห่งพระกุมารเยซู (อังกฤษ: Convent of The Holy Infant Jesus)[2] เมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน

หม่อมกอบแก้วได้พบกับพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เป็นครั้งแรกที่วังไกลกังวล ในวันงานพระราชพิธีคฤหมงคล ขึ้นพระตำหนักเปี่ยมสุข เมื่อวันที่ 10-11 เมษายน พ.ศ. 2472[3] ภายหลังจึงได้เสกสมรสกัน เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2472 แต่ไม่มีพระทายาท[4] ชื่อของหม่อมกอบแก้ว เป็นที่มาของชื่อเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ด้วยเป็นมารดาอุปถัมภ์[5]

หม่อมกอบแก้วได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างของกุลสตรีไทยยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 อันเป็นสตรีที่มีความรู้และความทันสมัยในแบบของสาวตะวันตก รับหน้าที่ให้เป็นผู้สวมมงกุฎและสายสะพายให้แก่นางสาวไทยทุกคนในยุคก่อน ๆ [6] ทั้งนี้หม่อมกอบแก้วยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความงามเหนือกาลเวลา และกิจกรรมสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ[7]

หม่อมกอบแก้วมีความชำนาญด้านการขี่ม้า ภายหลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมกอบแก้วเป็น ทหารม้ายศพันโท[7][8]

หม่อมกอบแก้วได้อุทิศตนยาวนาน ทำงานเพื่อสภากาชาดไทย โดย ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหารายได้ เป็นคนแรก

ถึงแก่อสัญกรรม

หม่อมกอบแก้วถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 20.30 นาฬิกา ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด[9] สิริรวมอายุได้ 100 ปี 1 เดือน 14 วัน

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และทรงวางพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่หน้าโกศศพ พันโทหญิง หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ พันโทหญิง หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสด้วย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.