Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ลิฮอง[1] (คริสต์ทศวรรษ 200 - 27 มีนาคม ค.ศ. 254[lower-alpha 2]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า หลี่ เฟิง (จีน: 李豐; พินอิน: Lǐ Fēng) ชื่อรอง อานกั๋ว (จีน: 安國; พินอิน: Ānguó) บางแหล่งข้อมูลระบุว่าชื่อรองคือ เซฺวียนกั๋ว (จีน: 宣國; พินอิน: Xuānguó)[2] เป็นขุนนางของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน เป็นขุนนางที่เป็นที่ไว้วางพระทัยของโจฮองจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของวุยก๊กและไม่ปฏิบัติตามความต้องการของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาสู
ลิฮอง (หลี่ เฟิง) | |
---|---|
李豐 | |
หัวหน้าสำนักราชเลขาธิการราชวัง (中書令 จงชูลิ่ง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 251 – ค.ศ. 254 | |
กษัตริย์ | โจฮอง |
รองราชเลขาธิการ (尚書僕射 ช่างชูผูเย่) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. คริสต์ทศวรรษ 240 – ค.ศ. 251 | |
กษัตริย์ | โจฮอง |
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) | |
ดำรงตำแหน่ง ป. คริสต์ทศวรรษ 240 – ค.ศ. 251 | |
กษัตริย์ | โจฮอง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | คริสต์ทศวรรษ 200[lower-alpha 1] อำเภอต้าลี่ มณฑลฉ่านซี |
เสียชีวิต | 27 มีนาคม ค.ศ. 254 นครลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน |
บุตร |
|
บุพการี |
|
ญาติ |
|
อาชีพ | ขุนนาง |
ชื่อรอง | อานกั๋ว (安國) |
ในปี ค.ศ. 254 ลิฮองร่วมกับแฮเฮาเหียนและเตียวอิบ (張緝 จาง จี) วางแผนจะสังหารสุมาสู แต่สุมาสูล่วงรู้แผนการจึงสั่งให้ลิฮองมาพบตนที่พระราชวัง สุมาสูสอบปากคำลิฮองแล้วจึงสังหารลิฮอง จากนั้นสุมาสูจึงกล่าวว่าลิฮองเป็นกบฏและสั่งให้นำครอบครัวของลิฮองไปประหารชีวิตเช่นกัน[3]
ลิฮองเป็นชาวอำเภอตง (東縣 ตงเซี่ยน) เมืองผิงอี้ (馮翊) ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอต้าลี่ มณฑลฉ่านซี บิดาของลิฮองคือหลี่ อี้ (李義) เป็นขุนนางของรัฐวุยก๊กในตำแหน่งเสนาบดีองค์รักษ์ (衞尉 เว่ย์เว่ย์)[4]
ในช่วงศักราชอ้วยโช่ (黄初 หวางชู; ค.ศ. 220-226) ในรัชสมัยของโจผีจักรพรรดิผู้ก่อตั้งรัฐวุยก๊ก ด้วยเหตุที่หลี่ อี้บิดาของลิฮองได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีองครักษ์ ลิฮองจึงได้รับการเรียกตัวเข้าร่วมกองทัพ[5] ก่อนหน้านี้ขณะลิฮองเป็นสามัญชนอายุ 17 ปี มีชื่อเสียงในเงียบกุ๋น (鄴 เย่) ว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและมีความสามารถในการประเมินลักษณะบุคคล จึงได้รับการยกย่องจากทั่วแดนดิน ต่างให้ความสนใจลิฮอง หลังจากเข้าร่วมกองทัพที่นครฮูโต๋ ชื่อเสียงของลิฮองก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน แม้ว่าหลี่ อี้ผู้บิดาจะยอมรับความมีชื่อเสียงของลิฮอง แต่ก็ต้องการให้ลิฮองปิดประตูบ้านเพื่อศึกษาตำรา ไม่ให้ออกมาพบแขก[6]
ในช่วงที่โจยอยจักรพรรดิลำดับที่ 2 ของรัฐวุยก๊กยังคงมีฐานะเป็นรัชทายาท (太子 ไท่จื่อ) เวลานั้นลิฮองก็ยังคงศึกษาตำราอยู่[7] หลังจากที่โจยอยขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 226 ครั้งหนึ่งพระองค์ตรัสถามคนผู้หนึ่งจากรัฐง่อก๊กที่มาสวามิภักดิ์ต่อวุยก๊กว่า "ท่านอยู่ในกังตั๋ง เคยได้ยินว่าผู้ใดเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในที่ราบกลาง (中原 จง-ยฺเหวียน)" ผู้สวามิภักดิ์ทูลตอบว่า "รู้จักเพียงหลี่ อานกั๋ว (李安國) เท่านั้น" เวลานั้นลิฮองมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักประตูเหลือง (黃門郎 หฺวางเหมินหลาง) โจยอยตรัสถามเหล่าข้าบริพารว่า "หลี่ อานกั๋ว" คือใคร ข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้นต่างตอบว่า "ลิฮอง (หลี่ เฟิง) มีชื่อรองว่าอานกั๋ว" โจยอยตรัสว่า "ชื่อเสียงของลิฮองแพร่ไปถึงแดนง่อ (吳 อู๋) และอวด (越 เยฺว่) เชียวหรือ"[8] ภายหลังลิฮองได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกองทหารม้า (騎都尉 ฉีตูเว่ย์) และขุนนางกรมวัง (給事中 จี่ชื่อจง)[9]
หลังจากโจยอยสวรรคตและโจฮองพระโอรสบุญธรรมขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของวุยก๊กในปี ค.ศ. 239 ลิฮองได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีกรมราชรถ (太僕 ไท่ผู) ประจำวังหย่งหนิง (永寧) เนื่องจากชื่อเสียงของลิฮองนั้นเกินกว่าความสามารถจริง ๆ ลิฮองจึงไม่ได้รับมอบหมายในตำแหน่งสำคัญ[10]
ในช่วงศักราชเจิ้งฉื่อ (正始; ค.ศ. 240-249) ในรัชสมัยของโจฮอง ลิฮองได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) และรองราชเลขาธิการ (尚書僕射 ช่างชูผูเย่) ในช่วงเวลานั้นลิฮองมักจะอ้างว่าป่วยและไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายแล้วหากลาป่วยเป็นเวลาถึง 100 วันจะไม่ได้รับเบี้ยหวัด ดังนั้นลิฮองจึงหลีกเลี่ยงจำกัดเวลานี้ ลิฮองลาป่วยไปไม่กี่วันก็ลุกกลับมา หลังจากนั้นก็ลาป่วยอีกครั้ง ลาป่วยซ้่ำ ๆ เช่นนี้มานานหลายปี[11]
ในช่วงเวลานั้นหลี่ เทา (李韜) บุตรชายของลิฮองได้รับเลือกให้สมรสกับเจ้าหญิง ลิฮองภายนอกปฏิเสธ แต่ในใจจริง ๆ แล้วยอมรับ[12]
น้องชาย 2 คนของลิฮองคือหลี่ อี้ (李翼) และหลี เหว่ย์ (李偉) รับราชการในวุยก๊กในเวลาหลายปีและทำหน้าที่ดูแลราชการเมือง ลิฮองเคยแนะนำน้องชายทั้งสองต่อหน้าคนอื่น ๆ ว่า "ควรใช้ตำแหน่งอันมีเกียรติเพื่อ...[ข้อความในต้นฉบับขาดหาย]"[13] ต่อมาสุมาอี้ล้มป่วยเป็นเวลานาน เวลานั้นหลี เหว่ย์เป็นข้าราชการยศ 2,000 ต้าน (石) เมาสุราและก่อความวุ่นวายในเมืองซินผิง (新平) และฝูเฟิง (扶風) แต่ลิฮองผู้เป็นพี่ชายไม่ใส่ใจเรื่องนี้ ผู้คนต่างเห็นว่าลิฮองเห็นแก่ความเป็นญาติ[14]
เมื่อโจซองขึ้นมามีอำนาจในราขสำนัก ลิฮองเลือกจะแสดงท่าทีดีต่อทั้งโจซองและสุมาอี้ ไม่ได้แสดงจุดยืนเข้าข้างฝ่ายใดอย่างชัดเจน ในเวลานั้นมีึผู้เขียนบัตรสนเท่ห์ให้ร้ายลิฮองว่า "อำนาจของโจซองร้อนแรงดั่งน้ำแกง อำนาจของราชครู (สุมาอี้) เย็นเยียบดั่งแป้งเปียก ลิฮองพี่น้องก็เป็นดั่งโหยวกวาง (游光; ปิศาจในตำนานของจีน สามารถก่อไฟให้ไหม้บ้านคนได้)" ควาามหมายก็คือลิฮองดูภายนอกเป็นผู้มีคุณธรรม แต่ในใจชั่วร้ายเหมือนกับโหยวกวาง[15]
ในปี ค.ศ. 249 เมื่อสุมาอี้ถวายฎีกาแก่จักรพรรดิโจฮองทูลขอให้ประหารชีวิตโจซอง สุมาอี้ได้จอดรถม้าไว้ที่ท้องพระโรง ภายหลังก็บอกเรื่องนี้ให้ลิฮองทราบ ลิฮองได้ฟังก็ตกใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นและลุกไม่ขึ้น[16]
ในปี ค.ศ. 252 หลังจากสุมาอี้เสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการราชวัง (中書令 จงชูลิ่ง) ได้ว่างลง สุมาสูบุตรชายของสุมาอี้ที่ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สืบจากสุมาอี้และมีตำแหน่งเป็นมหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน) ได้ขอความเห็นจากเหล่าขุนนาง มีผู้เสนอชื่อลิฮองให้เป็นหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการราชวัง ลิฮองเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่มีความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ลิฮองก็ตระหนักว่าตนมีความสัมพันธ์เป็นพระญาติกับจักรพรรดิโจฮองจากการสมรสระหว่างบุตรชายของลิฮองกับองค์หญิงของราชวงศ์แห่งวุยก๊ก ลิฮองจึงยอมรับตำแหน่ง สุมาสูจึงถวายฎีกาเสนอให้จักรพรรดิโจฮองแต่งตั้งลิฮอง[17]
เวลานั้นแฮเฮาเหียนเป็นผู้มีฐานะสูงส่ง แต่เนื่องจากแฮเฮาเหียนเป็นคนสนิทของโจซอง จึงไม่ได้ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจและรู้สึกไม่พอใจ เตียวอิบถูกกีดกันไม่ให้ดูแลราชการเมืองเพราะเป็นบิดาของเตียวฮองเฮาจักรพรรดินีของโจฮองจึงรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน แม้ว่าสุมาสูจะเลื่อนตำแหน่งให้ลิฮอง แต่ลิฮองก็ลอบโน้มเอียงไปเข้าด้วยแฮเฮาเหียน ดังนั้นจึงได้ผูกมิตรกับเตียวอิบด้วย ทั้งสามตั้งใจจะโค่นล้มสุมาสูและจะตั้งแฮเฮาเหียนขึ้นเป็นมหาขุนพลแทน[18] ลิฮองนั้นกุมอำนาจอยู่ภายใน ทั้งยังเป็นชาวเมืองผิงอี้เช่นเดียวกันกับเตียวอิบ หลี่ เทาบุตรชายของลิฮองก็สมรสกับเจ้าหญิงใหญ่แห่งเจ๋ (齊長公主 ฉีฉางกงจู่) เตียวอิบจึงเชื่อใจลิฮองอย่างมาก[19] ลิฮองยังแอบสั่งให้หลี่ อี้ผู้เป็นน้องชายให้ยื่นคำร้องต่อราชสำนัก หวังจะให้หลี่ อี้ได้นำกองกำลังเพื่อจะใช้มาร่วมในการก่อการ อย่างไรก็ตาม คำร้องของหลี่ อี้ที่ยื่นต่อราชสำนักไม่ได้รับการอนุมัติ[20]
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 254 ในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการแต่งตั้งสนมตำแหน่งกุ้ยเหริน (貴人) ลิฮองและคนอื่น ๆ วางแผนจะนำกำลังทหารเข้าสังหารสุมาสู แล้วจะตั้งให้แฮเฮาเหียนดำรงตำแหน่งแทนสุมาสู ตั้งให้เตียวอิบเป็นขุนพลทหารม้าทะยาน (驃騎將軍 เพี่ยวฉีเจียงจฺวิน)[21] ฝ่ายลิฮองลอบวางแผนกับขันทีซู ชั่ว (蘇鑠), เยฺว่ ตุน (樂敦) หลิว เสียน (劉賢) และคนอื่น ๆ โดยกล่าวว่า "พวกท่านละเมิดกฎหมายหลายครั้ง มหาขุนพลสุมาสูคนนี้เป็นคนเข้มงวด เน้นย้ำเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง เรื่องที่เคยเกิดกับเตียวต๋องจะเป็นอุทาหรณ์เตือนพวกท่าน" ซู ชั่วและคนอื่น ๆ ยอมเชื่อฟังคำสั่งของลิฮอง[22]
อย่างไรก็ตาม สุมาสูล่วงรู้เรื่องที่ลิฮองวางแผน สุมาสูจึงส่งหวาง ย่าง (王羕) ให้นำรถไปเชิญลิฮองมาพบ ลิฮองเห็นว่าคนของสุมาสูมาเพื่อข่มขู่ตนจึงยอมติดตามหวาง ย่างไป[23] เมื่อลิฮองมาถึง สุมาสูก็ไต่ถามลิฮองถึงเรื่องที่ลิฮองวางแผนไว้ ลิฮองไม่กล้าบอกความจริง สุมาสูก็ถามลิฮองอีกครั้ง ลิฮองรู้ว่าแผนการรั่วไหลจึงด่าสุมาสูอย่างรุนแรง สุมาสูโกรธมากจึงใช้วงแหวนเหล็กที่ปลายด้ามดาบทุบลิฮองจนเสียชีวิต[24][25][26]
ในคืนเดียวกันนั้น ศพของลิฮองได้ถูกส่งไปให้เสนาบดีตุลาการ (廷尉 ถิงเว่ย์) จง ยฺวี่[lower-alpha 3] (鍾毓) ผู้เป็นเสนาบดีตุลาการไม่ยอมรับโดยพูดว่า "นี่ไม่ใช่หน้าที่จัดการของสำนักกฎหมาย" แต่หลังจากจง ยฺวี่รับทราบสถานการณ์และได้รับคำสั่งมาจึงยอมรับ[27]
หลังจากแผนการรั่วไหลเพราะลิฮอง เตียวอิบก็ถูกสุมาสูบังคับให้ฆ่าตัวตาย จง ยฺวี่ถวายฎีกาทูลว่าลิฮองและคนอื่น ๆ วางแผนจะคุมองค์จักรพรรดิและสังหารอัครมหาเสนาบดี (สุมาสู) เป็นการก่อกบฏครั้งใหญ่โดยไม่ชอบธรรม จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย ดังนั้นเหล่าขุนนางผู้ใหญ่จึงร่วมปรึกษากันกับเสนาบดีตุลาการ ต่างมีความเห็นว่าลิฮองและคนอื่น ๆ ต่างได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ ร่วมจัดการการลับ เตียวอิบก็ได้รับเกียรติจากการเป็นพระญาติผ่านการสมรส (ของเตียวฮองเฮาที่เป็นบุตรสาว) แฮเหาเหียนและคนอื่น ๆ ก็เป็นเสนาบดีมาหลายรุ่น มีตำแหน่งระดับสูง แต่เก็บงำความชั่วร้ายในใจ วางแผนก่อกบฏอันน่าหวาดหวั่น สมคบคิดกับขันที สั่งสอนให้ทำแผนชั่วช้า คิดการจะคุมองค์จักรพรรดิ วางแผนโค่นล้มสุมาสู แล้วตั้งตนขึ้นกุมอำนาจ พลิกคว่ำนครหลวง เป็นภัยต่อแผ่นดิน เหล่าขุนนางเชื่อว่าคำพูดของจง ยฺวี่สอดคล้องกับกฎหมาย จึงมอบหมายให้จง ยฺวี่ดำเนินการลงอาญา ให้ประหารชีวิตหลี่ เทา (บุตรชายของลิฮอง), แฮเฮาเหียน, ซู ชั่ว, เยฺว่ ตุน, หลิว เสียน และคนอื่น ๆ รวมถึงครอบครัวสามชั่วโคตร สมาชิกในครอบครัวที่เหลือให้เนรเทศไปอยู่เมืองเล่อล่าง (樂浪)[28] ยังมีพระราชโองการออกมาว่าเจ้าหญิงใหญ่แห่งเจ๋เป็นพระธิดาของจักรพรรดิองค์ก่อน (โจยอย) ดังนั้นบุตรชาย 3 คนของพระองค์ที่เกิดกับหลี่ เทาจึงได้รับการละเว้นโทษ หลี หว่าน (李婉) บุตรสาวของลิฮองแต่เดิมสมรสกับกาอุ้น หลี หว่านจึงถูกเนรเทศและแยกทางกันกับกาอุ้นผู้สามี หลี หว่านได้รับนิรโทษกรรมและเดินทางกลับมาหลังการก่อตั้งราชวงศ์จิ้น แต่เวลานั้นกาอุ้นก็สมรสใหม่กับกัว หฺวาย (郭槐) แล้ว แม้ว่าสุมาเอี๋ยนจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์จิ้นจะทรงอนุญาตเป็นพิเศษให้กาอุ้นตั้งภรรยาซ้ายและภรรยาขวาที่มีฐานะเท่าเทียมกัน แต่กาอุ้นยังคงกลัวกัว หฺวายจึงทูลปฏิเสธสุมาเอี๋ยนไป
จักรพรรดิโจฮองกริ้วมากต่อเรื่องการเสียชีวิตของลิฮองและตรัสถามถึงสาเหตุการเสียชีวิต ด้านกวยทายเฮาก็ตกพระทัยจึงตรัสขอให้โจฮองเสด็จเข้าด้านในก่อนแล้วจึงทรงขอให้โจฮองทรงปล่อยวางเรื่องนี้ไป โจฮองทรงกลัวเกินกว่าที่จะดำเนินการก่อรัฐประหารยึดอำนาจคืนจากสุมาสู ในที่สุดพระองค์ก็ถูกปลดจากการเป็นจักรพรรดิในเดือนตุลาคม ค.ศ. 254
บิดาของลิฮองชื่อหลี่ อี้ (李義) เดิมรับราชการเป็นเสนาบดีกรมรักษาราชวัง (衛尉 เว่ย์เว่ย์) ในรัฐวุยก๊ก
บุตรชายคนโตของลิฮองชื่อหลี่ เทา (李韜) สมรสกับเจ้าหญิงใหญ่[29] แห่งเจ๋ (齊長公主 ฉีฉางกงจู่) พระธิดาของโจยอยจักรพรรดิลำดับที่ 2 ของวุยก๊ก บุตรสาวของลิฮองชื่อหลี หว่าน (李婉)[lower-alpha 4] สมรสกับกาอุ้นแต่ถูกตัดสินโทษเนรเทศหลังการเสียชีวิตของบิดา บุตรสาวของหลี หว่านชื่อเจี่ย เปา (賈褒) ภายหลังสมรสกับสุมาฮิวบุตรชายของสุมาเจียวและหวาง ยฺเหวียนจี (王元姬)
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.