Loading AI tools
นักแสดงชายชาวไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มาริโอ้ เมาเร่อ (ชื่อเกิด ณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์; เกิด 4 ธันวาคม พ.ศ. 2531) ชื่อเล่น โอ้ เป็นนักแสดงและนายแบบชาวไทย สังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยได้รับการติดต่อจากบริษัทจัดหานายแบบในสยามสแควร์ โดยเริ่มจากงานถ่ายแบบและถ่ายโฆษณา เช่น โฆษณาเอ็กซิทโรลออน, ขนมแจ็ค, เดอะพิซซ่าคอมปานี และยังได้ถ่ายแบบอยู่เรื่อยมา อย่างนิตยสารวัยรุ่น เธอกับฉัน และหนังสือวัยรุ่นอีกหลายเล่มและถ่ายมิวสิกวิดีโออีกหลายตัว เช่น "กุญแจที่หายไป" ของปาล์มมี่, "ปากดีขี้เหงาเอาแต่ใจ" ของมิล่า เป็นต้น
บทความนี้มีข้อมูลไม่เป็นแก่นสารหรือปลีกย่อยเป็นอันมาก (สิงหาคม 2020) |
บทความนี้เขียนขึ้นด้วยมุมมองของแฟนคลับ ซึ่งอาจมีเนื้อหามุมมองด้านเดียวหรือไม่เป็นสารานุกรม โปรดช่วยกันแก้ไขเพื่อให้บทความมีคุณภาพดียิ่งขึ้นและเป็นกลาง (พฤศจิกายน 2019) |
มาริโอ้ เมาเร่อ | |
---|---|
มาริโอ้ในปี 2566 | |
เกิด | ณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2531 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
การศึกษา | มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเกริก |
อาชีพ |
|
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2547–ปัจจุบัน |
ตัวแทน | เอ็นวายยูคลับ ช่อง 3 (2554–ปัจจุบัน) |
คู่รัก | จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย |
ครอบครัว | มาร์โค เมาเร่อ (พี่ชาย) |
ใน พ.ศ. 2550 มาริโอ้มีผลงานสร้างชื่อจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง รักแห่งสยาม ซึ่งจากบทบาท "โต้ง" ใน รักแห่งสยาม นี้ มาริโอ้ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากนิตยสารสตาร์พิกส์ รับรางวัลจาก "เทศกาลหนังซีเนมะนิลา" ที่จัดขึ้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจาก รางวัลเอเชียนฟิล์ม สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงครั้งที่ 16 ประจำปี 2550 ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และรางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส ครั้งที่ 6 ในสาขาผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม
มาริโอ้ได้ร่วมงานกิจกรรมการกุศลอยู่หลายครั้ง รวมถึงยังเป็นพรีเซนเตอร์ ในวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี พ.ศ. 2551 ซึ่งจัดโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และเป็นพรีเซนเตอร์ต่อต้านยาเสพติดให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ใน พ.ศ. 2556 มาริโอ้มีผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง พี่มาก..พระโขนง ซึ่งรับบทเป็น "พี่มาก" แสดงคู่กับดาวิกา โฮร์เน่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จทั้งรายได้กลายเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของประเทศไทย
มาริโอ้ เมาเร่อ เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2531[1] ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน กรุงเทพฯ ชื่อมาริโอ้นั้น บิดาเป็นคนตั้งให้ โดยตั้งชื่อตามนักแข่งมอเตอร์ไซค์ชาวอิตาเลียน[2] และเริ่มมีชื่อภาษาไทยที่ใช้ในช่วงเข้าโรงเรียนว่า ณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์[3] เหตุที่มีชื่อภาษาไทย เพราะแต่ก่อนโรงเรียนไม่ให้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ และได้ใช้ชื่อดังกล่าวเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น (ชื่อปัจจุบันตามบัตรประจำตัวประชาชน คือ มาริโอ้ เมาเร่อ) [4] มาริโอ้เข้าเรียนอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลลีนา[5] ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก[1] และศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง[6] แต่ต่อมาย้ายเรียนในสาขานิติศาสตร์แทน[7] ในช่วงที่มาริโอ้เลือกเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา เป็นช่วงเวลาขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ก็มีการโต้เถียงกับแม่เรื่องมหาวิทยาลัยที่จะเลือกเรียน โดยทางคุณแม่อยากให้เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่สุดท้ายมาริโอ้ก็ตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะต้องทำงานไปด้วย และอยากหาเงินช่วยที่บ้าน อีกทั้งค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า[8] ก่อนที่จะมาสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จาก คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก สาขาวิชาการจัดการ ในปี 2557 ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ที่วิทยาลัยสื่อสารการเมือง หลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ปีการศึกษา 2560 ได้ผลการเรียนเฉลี่ย 3.2[9]
ครอบครัวของมาริโอ้ค่อนข้างมีปัญหาทางด้านการเงิน[5] พออายุได้ 16 ปี ได้เจอกับโมเดลลิ่งชื่อ นิรุณ ลิ้มสมวงศ์ หรือ โกโก้[10][11] ที่สยามสแควร์และเป็นคนแรกที่ชักชวนไปถ่ายแบบ เมื่อเห็นตรงนี้เป็นโอกาส และเป็นโอกาสที่ดีจะได้หาเงินไปช่วยที่บ้านด้วยจึงตัดสินใจรับงาน[5] โดยครั้งแรกเป็นการถ่ายแบบจากหนังสือเดอะบอย สไตล์ชุดทหาร[12] และผลงานที่สร้างชื่อเสียงครั้งแรกกับผลงานโฆษณาตัวแรก คือ เอ็กซิท โรลออน[12] ซึ่งได้เงินมาก้อนแรก 7 หมื่นบาท[5] และยังมีโฆษณาอื่นอย่าง ขนมแจ็กซ์ เดอะพิซซ่าคอมปะนี และยังได้ถ่ายแบบอยู่เรื่อย ๆ อย่าง เธอกับฉัน และหนังสือวัยรุ่นอีกหลายเล่ม และถ่ายมิวสิกวิดีโออีกหลายตัว มิวสิกวิดีโอตัวแรกที่ถ่ายทำเป็นของวงสิงห์เหนือเสือใต้ ชื่อเพลง Good[13] และมิวสิกวิดีโอตัวอื่นเช่น "กุญแจที่หายไป" ของปาล์มมี่, "ปากดีขี้เหงาเอาแต่ใจ" ของมิล่า เป็นต้น[1]
ในปี พ.ศ. 2550 มีคนติดต่อเข้ามาและส่งบทสั้นๆ ภาพยนตร์ รักแห่งสยาม มาให้ดู มาริโอ้จึงลองไปทดสอบการแสดง จนได้รับบทตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ของชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ซึ่งชูเกียรติให้ความเห็นที่รับมาริโอ้มาเล่นเพราะ ชอบแววตา สามารถสื่ออารมณ์ผ่านแววตาได้ดี[10] สำหรับด้านการแสดงก่อนหน้านั้นก็เคยเรียนการแสดงมาบ้าง ที่สมาคมผู้กำกับ แล้วพอได้มาเล่นก็ต้องไปเวิร์คชอปกับนักแสดงอื่น[14] ภาพยนตร์เรื่องนี้ มาริโอ้ รับบทเป็น "โต้ง" เด็กชายวัยรุ่น ชั้น ม.6 ที่กำลังมีความสับสนกับการเลือกทางเดินในชีวิต[15] ในระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ มาริโอ้ยังได้ทำผลงานเพลงใต้ดิน แนวฮิปฮอป[16] ร่วมกับพี่ชายของเขา มาร์โค เมาเร่อ ในนาม PsyCho & Lil’Mario กับอัลบั้มแรก PsyCho & Lil’Mario:Dem Crazy Boyz สังกัดเอ็นวายยูคลับ ออกวางขายเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550[17] เป็นอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษล้วน โดยมาริโอ้ทำหน้าที่เป็นไฮพ์แมน (hypeman) ในอัลบั้มนี้[18] ซึ่งเคยได้ขึ้นร้องโชว์ในงานแฟตเฟสติวัลอีกด้วย[19]
หลังจากภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ออกฉาย ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกระทู้มากมายตามเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆ หรือตามเว็บบอร์ดยอดฮิตของอีกหลายๆ เว็บไซต์[20] รวมถึงมีการตั้งคำถามขึ้นว่า มาริโอ้เป็นเหมือนในหนังหรือไม่ มาริโอ้ให้คำตอบว่า "ชอบผู้หญิงแน่นอน"[21] มาริโอ้ก็พูดถึงฉากที่มีคนพูดถึงมากนี้ว่า "เป็นฉากที่ยากฉากหนึ่ง แต่ก็ทำทุกอย่างให้มันเต็มที่"[22]
รางวัลที่ได้รับจากภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม มาริโอ้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากนิตยสารสตาร์พิกส์ ซึ่งได้เสียงวิจารณ์การแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เนื่องจากบุคลิกนิ่งๆ คำพูดคำจาน้อยๆ แต่เขากลับเผยทุกอย่างผ่านแววตาอันสับสน หวาดกลัว ซ้ำถูกความหงอยเหงาเข้าปกคลุมชีวิตมาเนิ่นนาน แม้ดูเหมือนไม่หวือหวาอะไร แต่มาริโอ้คือคนที่ทำให้หนังเรื่องนี้ระทมจนขยี้ใจผู้ชมเป็นผุยผง โดยการแสดงแบบ 'น้อยได้มาก'"[23] และในด้านงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮ่องกง พ.ศ. 2551 มาริโอ้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอเชียนฟิล์ม สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) [24] แต่พ่ายให้กับฮองลี ซุน นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง มองโกล[25] อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงครั้งที่ 16 ประจำปี 2550 ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม[26] รางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส ครั้งที่ 6 ที่จัดโดยสมาคมนักข่าวบันเทิง ในสาขาผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม[27] แต่พ่ายให้กับอัครา อมาตยกุล จากภาพยนตร์เรื่อง ไชยา ทั้ง 2 รางวัล[28][29]
นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังซีเนมะนิลา ที่จัดขึ้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้[30] โดยพูดถึงการแสดงของเขาว่า "มาริโอ้มีการแสดงที่มีวุฒิภาวะในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย แม้ท่าทางภายนอกของเขาจะดูนิ่งสงบก็ตาม แต่มาริโอ้กลับแสดงให้เห็นการต่อสู้ในจิตใจของเขา ในการที่จะแบกรับภาระความรู้สึกของครอบครัว เพื่อน กลุ่มสังคม ความรัก และภาวะทางเพศของเขา"[31]
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ส่งผลให้มาริโอ้ได้รับความนิยมมากขึ้น มีงานเพิ่มขึ้นมามากมาย บางวันถึงกับต้องทำงานวันละ 4 งานก็มี รวมถึงรับเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง โฟร์โมสต์ รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ[32] และแป้งเบบี้มายด์[33]ซึ่งทำให้ยอดขายเบบี้มายด์เติบโตถึง 50%[34] นอกจากนี้ยังมีผลงานเล็กๆ เป็นซีดีสอนภาษาอังกฤษ เป็นรายการถ่ายชีวิตประจำวันของมาริโอ้ มีลักษณะคล้ายๆ กับภาพยนตร์สั้น[35]
ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของมาริโอ้คือเรื่อง เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน ของค่ายไรท์ บิยอนด์ กำกับโดย ไรท์ เบรนทีม[36]เป็นเรื่องราวเมื่อราว 25 ปีก่อน[37] โดยมาริโอ้รับบทเป็นสิงหา เด็ก ม.6 ที่ชอบนางเอกที่ชื่อ มิถุนา แสดงโดยอภิญญา สกุลเจริญสุข[38] ภาพยนตร์เรื่องนี้มาริโอ้ผ่านการทดสอบบท โดยผู้จัดการส่วนตัวสมัครผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งเรื่องนี้ได้แสดงออกเยอะขึ้นกว่าเรื่องแรก ได้แสดงความรู้สึกหลายอารมณ์[39] สำหรับคำวิจารณ์การแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล จากเว็บไซต์ thaicinema.org วิจารณ์ไว้ว่า "ความสำเร็จและคำยกย่องที่เขาได้รับจากหนังเรื่องก่อนหน้าไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค แม้ว่าการแสดงของเขาจะลดความนิ่งลงไป...แต่เขาก็สามารถแสดงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในใจลึก ๆ และความรักได้เป็นอย่างดี" และยังเปรียบเทียบมาริโอ้ว่า "น่าจะเรียกได้ว่ามาริโอ้คืออำพลในรุ่นของเขา"[40] ณัฐพงษ์ โอฆะพนม จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก พูดถึงการรับบทเป็นสิงหาว่า "มาริโอ้ทำให้สิงหา เป็นตัวละครที่มีมิติมากที่สุดในหนังเรื่องนี้"[41] แต่ถึงกระนั้นเขาก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแตงกวาดอง ในสาขานักแสดงนำชายยอดแย่ จากการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้[42]
นิตยสารสตาร์พิกส์ว่า มาริโอ้จะร่วมเล่นแสดงกับอภิญญา สกุลเจริญสุข อีกในภาพยนตร์ของบัณฑิต ฤทธิถกล ในภาพยนตร์บุญชูภาคใหม่ ของค่ายไฟว์สตาร์[43] ในบท บุญโชค ลูกของบุญชู ซึ่งบัณฑิต ฤทธิถกล ได้ทาบทามมาริโอ้และได้แคสติ้งจนผ่านเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยกเลิกและหานักแสดงหน้าใหม่แทน[44] มาริโอ้ตอบปฏิเสธรับบทลูกของบุญชู พร้อมแจงเหตุผลว่า คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับบทบาทตัวละครนี้ พร้อมทั้งกราบขอโทษทางผู้ใหญ่แล้วที่ไม่สามารถรับเล่นได้[45] และยังมีข่าวคราวว่าจะเป็นพระเอกในภาพยนตร์รักสามเส้า ให้กับโมโนฟิล์ม[46] เรื่อง รูมเมท กำกับโดย ปิติ จตุรภัทร์ ที่มีข่าวว่ามีเนื้อเรื่องแนวภาพยนตร์เรื่อง ทรีซัม ภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2537 กำกับโดย แอนดรู เฟลมมิง[47] รับบทเป็นเด็กวัยรุ่นเล่นดนตรีอย่างกีตาร์[48] แต่หลังจากถ่ายได้เพียง 10% ก็ถูกปลดออกเนื่องจากเรื่องคิวไม่ลงตัว และวิทวัส สิงห์ลำพอง มารับหน้าที่แสดงแทน[49]
มาริโอ้ยังได้ร่วมงานในโครงการ หนังรัก 4 เรื่อง 4 สไตล์ เรื่อง ฝัน-หวาน-อาย-จูบ (หรือ 4 Romance) โดยได้ร่วมแสดงในการกำกับของราเชนทร์ ลิ้มตระกูล (เคยร่วมงานถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลง "กันและกัน") โดยแสดงในส่วนของโรแมนติกคอเมดี้ใน "จูบ"[50] บทบาทที่ได้รับ จากที่ผ่านมามีภาพลักษณ์แบบน่ารักสดใสขี้เล่น แต่ในเรื่องนี้จะดูโตขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง[51] ก่อนการแสดงเรื่องนี้ก็ไปเรียนการแสดงกับหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุลด้วย ภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552 มาริโอ้ได้รับการทาบทามให้แสดงในภาพยนตร์ บุปผาราตรี 3.1 กำกับโดย ยุทธเลิศ สิปปภาค[52] โดยรับบทเป็น หรั่ง วัยรุ่นคนหนึ่งที่สามารถมองเห็นผีได้ มีอาชีพเสริมเป็นนักวาดการ์ตูนผี เหตุผลที่ผู้กำกับเลือกมาริโอ้มาแสดงเรื่องนี้เพราะชอบลักษณะการแสดงแบบน้อย ๆ เล่นน้อย ๆ พูดน้อย ๆ ซึ่งตรงกับบทที่เขียนในตัวของหรั่งพอดี[53] และแสดงในภาพยนตร์ภาคต่อ บุปผาราตรี 3.2 ที่ออกฉายเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน[54]
มาริโอ้ เปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว จากนิรุณ ลิ้มสมวงศ์ (โกโก้) มาเป็นศุภชัย ศรีวิจิตร (เอ) ซึ่งมีเรื่องการฟ้องร้องจากอดีตผู้จัดการเกี่ยวกับเรื่องสัญญา[55] จากนั้นแสดงละครเรื่องแรกเรื่อง ใต้ฟ้าตะวันเดียว เป็นละครเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและเกาหลี[56]
ต่อมาแสดงภาพยนตร์ที่ร่วมงานระหว่างบริษัทลักส์ 666 กับสหมงคลฟิล์ม เรื่อง สาระแนสิบล้อ ร่วมกับอารยา เอ ฮาร์เก็ต ,วิลลี่ แมคอินทอช, นาคร ศิลาชัย และ เกียรติศักดิ์ อุดมนาค[57] และนำแสดงในภาพยนตร์การกำกับเรื่องแรกของพุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร แสดงร่วมกับพิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ในภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า...รัก[58] การแสดงของมาริโอ้ในเรื่องนี้ที่ในการแสดงก่อนหน้านั้น อาจแสดงแข็ง แต่เรื่องนี้อภินันท์ จากผู้จัดการออนไลน์มองว่า การออกเสียงหรือน้ำเสียงของเขาไม่ได้เป็นร้อยคำ ทำนองเดียวหรือโทนเดียว เหมือนเดิมแล้ว[59] มาริโอ้ยังจะมีผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่อง เดอะด็อก กำกับโดยพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ผลงานต่อมาคือ สาระแนเห็นผี ผลงานภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ของการร่วมมือของลักษ์ฟิล์มและสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล แสดงคู่กับพัชราภา ไชยเชื้อ
ในปี พ.ศ. 2554 ร่วมงานในผลงานกำกับของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล อีกครั้ง (หลังจากรับบทตัวประกอบใน ชั่วฟ้าดินสลาย) ในภาพยนตร์เรื่อง อุโมงค์ผาเมือง เรื่องราวที่ดัดแปลงจาก ภาพยนตร์ญี่ปุ่น ราโชมอน[60] ในเรื่องนี้รับบทเป็นพระ โดยผู้จัดการออนไลน์เขียนไว้ว่า เล่นดีขึ้นเรื่อย ๆ[61] จากบทบาทภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลเอเชียนฟิล์ม อีกครั้งในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
มาริโอ้ เมาเร่อ ได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์เสื้อผ้าของฟิลิปปินส์ที่ชื่อ เพนช็อปป์ ต่อจาก เอ็ด เวสต์วิก นักแสดงชาวอังกฤษ ในการเดินทางไปฟิลิปปินส์เพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์เสื้อผ้า เมื่อวันที่ 28-30 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ยังมีงานมีตแอนด์กรีตที่มีแฟนกว่า 4000 คน ในฟิลิปปินส์อยู่ใต้การดูแลของบริษัทพีอาร์เอเชีย ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญาเล่นหนังผลิตโดยบริษัท สตาร์ ซีนีมา แสดงคู่กับ อีริช กอนซาเลซ[62] ชื่อเรื่อง Suddenly It's Magic
ในปี พ.ศ. 2556 มาริโอ้มีผลงานแสดงภาพยนตร์กับจีเอ็มเอ็ม ไท หับ หรือจีทีเอช เรื่อง พี่มาก..พระโขนง ซึ่งดัดแปลงจากเรื่องแม่นากพระโขนง ผีพื้นบ้านไทย กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกุล ผู้มีชื่อเสียงจากผลงาน สี่แพร่ง ตอน คนกลาง, ห้าแพร่ง ตอน คนกอง และ กวน มึน โฮ ซึ่งมาริโอ้ได้รับบทเป็นพี่มากหรือพี่มาร์ค แสดงคู่กับดาวิกา โฮร์เน่ รับบทเป็นแม่นาก พร้อมด้วย ณัฏฐพงษ์ ชาติพงษ์, พงศธร จงวิลาส, อัฒรุต คงราศรี และกันตพัฒน์ สีดา ซึ่งเคยร่วมแสดงใน สี่แพร่ง และ ห้าแพร่ง มาแล้ว ตัวละครพี่มาก บรรจงเลือกมาริโอ้เพราะเคยได้ร่วมงานโฆษณาด้วยกันมาก่อน และเห็นว่ามาริโอ้เล่นได้หลากหลาย และเห็นว่าคนส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงพี่มาก จะนึกถึงผู้ชายหน้าไทย ๆ หากเป็นมาริโอ้ คงแปลกดี และเมื่ออยู่กับตัวละคร 4 คนข้างต้นคงสนุกดี [63]
ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 ณ พารากอนซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน และฉายรอบทั่วไปในตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2556 วันแรกทำรายได้ 21.20 ล้านบาท เป็นภาพยนตร์ไทยที่สร้างรายได้เมื่อเปิดตัวในวันที่ไม่ใช่วันหยุดสูงเป็นอันดับสองรองจาก สุริโยไท นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ในวันจันทร์ที่ไม่ใช่วันหยุดสูงเป็นประวัติการณ์[64]
เมื่อสิ้นสัปดาห์แรก (สี่วันแรกหลังจากฉายรอบทั่วไป) ติดอันดับ 1 ของบอกซ์ออฟฟิสประเทศไทย[65] มีรายได้ 106.3 ล้านบาท[66] ในสัปดาห์ที่ 2 ของการเข้าฉาย ยังคงครองอันดับ 1 ของบอกซ์ออฟฟิสประเทศไทย[67] เมื่อจบปลายสุดสัปดาห์ที่ 2 (เข้าฉายได้ 11 วัน) ทำรายได้สะสม 261 ล้านบาท[68] พี่มาก..พระโขนง มีรายได้สะสมมากกว่า ATM เออรัก เออเร่อ (152.5 ล้านบาท) จึงนับเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้มากที่สุดของจีทีเอช และเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของประเทศไทย[69][70] ทำรายได้รวมทั่วประเทศ 1,000 ล้านบาท[71]
มาริโอ้ เป็นลูกครึ่ง ไทย-จีน-เยอรมัน บิดาชื่อโรแลนด์ เป็นชาวเยอรมัน เจ้าของโรงงานผลิตสารส้ม ชื่อบริษัทอาร์ เอ็ม ซีที่จังหวัดนครนายก เพื่อส่งออกต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และผลิตให้กับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย[2] (คุณพ่อโรแลนด์ เมาเร่อ เสียชีวิตด้วยโรคไต ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551) [72][73] มารดาของมาริโอ้ชื่อวรัญญาชาวไทยเชื้อสายจีน (ช่วยที่บ้านทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน) โดยมาริโอ้ถูกเลี้ยงแบบไทยผสมฝรั่ง บิดาจะเลี้ยงแบบตามใจ ส่วนคุณแม่จะมีกรอบ แต่ค่อนข้างมีความเป็นไทยสูง[21] และเลี้ยงแบบให้ช่วยเหลือตัวเอง[74] มาริโอ้สนิทสนมกับคุณพ่อและคุณแม่ เวลาว่างก็จะนั่งคุยกันทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องความรักด้วย[10] และถึงแม้มาริโอ้จะเป็นลูกครึ่ง จีน-เยอรมัน ก็สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน แต่ไม่สามารถพูดภาษาเยอรมันและภาษาจีนได้ แม้จะเคยเข้าเรียนภาษาจีนกลางมาบ้าง เพราะโตมาในเมืองไทยโดยตลอด [19] ส่วนเรื่องศาสนา คุณแม่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนมาริโอ้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แต่ตอนเด็กๆ อายุ 12 ปี แม่เคยพาไปบวชเณร 20 วัน แต่ตอนนี้มาริโอ้นับถือคริสต์แล้ว[75]
มาริโอ้มีพี่ชาย 1 คน ชื่อมาร์โค อายุห่างกัน 5 ปี (เกิดประเทศเยอรมนี) [12] เป็นศิลปินฮิปฮอป ที่ใช้นามแฝงว่า PsyCho[76] ซึ่งทั้งคู่ก็สนิทกันมาก คอยช่วยเหลือและปกป้องคนที่จะมาคอยแกล้งมาตั้งแต่เด็กๆ[77]
ตอนเด็ก อาชีพที่มาริโอ้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นคือ เป็น ทหาร ตำรวจ หรือ หน่วย S.W.A.T. ไม่เคยมีความคิดที่จะเข้าวงการบันเทิง จนได้เข้าสู่วงการ[78] ส่วนในเวลาว่าง สถานที่ที่มาริโอ้ไปเดินเล่นบ่อยๆ เช่น สยามสแควร์ ดูพวกเสื้อผ้า รองเท้า[79] และในคืนวันเสาร์ก็นัดเพื่อนไปเดินเล่นตลาดมืด คลองถม หาของเล่นฮิปฮอป พวกโมเดลตุ๊กตา มาริโอ ซิมป์สัน homie[80]และยังชอบเล่นเกม มาริโอ้ยังใช้เวลาว่างไปเล่นกีฬาผาดโผน อย่างสเก็ตบอร์ด[81] ที่เริ่มสนใจจากการดูช่องอีเอสพีเอ็น ซึ่งมาริโอ้มักจะไปเล่นสเกตบอร์ดที่อุทยานเบญจสิริ ข้างเอ็มโพเรี่ยม [12] ในสมัยก่อนเข้าวงการ จะเล่นทุกวันกับพวกเพื่อนๆ ประมาณ 10-20 คน เล่นกันตั้งแต่เที่ยงถึง 3 ทุ่ม[82] เคยลองลงแข่งขันมาบ้างแต่ก็ไม่เคยชนะ[4][19] และยังชอบดนตรีในแนวเพลงฮิปฮอป เริ่มฟังมาตั้งแต่ชั้น ป.6[12] โดยจะฟังในช่วงตอนเช้าตอนไปโรงเรียน และยังชอบดูมิวสิกวิดีโอต่างประเทศ[83] ความชื่นชอบในวัฒนธรรมฮิปฮอป มาริโอ้เรียกว่า "เข้าขั้นบ้า" และรักเป็นชีวิตจิตใจ ครั้งหนึ่งดูภาพยนตร์เรื่อง 8 Mile ภาพยนตร์เกี่ยวกับนักร้องเพลงแร็ป นำแสดงโดยเอ็มมิเน็ม[80] ส่วนศิลปินแนวฮิปฮอปที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ เช่น โจอี้ บอย ,ดาจิม, ทูแพ็ก ,แอลแอล คูล เจ, คริส บราวน์ และ ที.ไอ.[84] นอกจากนี้ยังฟังเพลงไทยสากลประเภทอื่น อย่างในตอนเด็กจะฟัง อนันต์ บุนนาค และ วงหินเหล็กไฟ เป็นต้น[82] สำหรับนักแสดงที่มาริโอ้ชื่นชอบคือ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม[85]
งานอดิเรกอย่างอื่น มาริโอ้ยังชอบเลี้ยงปลากัดประเภทสวยงาม ตั้งแต่เด็ก ๆ เคยเลี้ยงจำนวนมากสุดถึง 70 ตัว และเอาไปประกวดได้ถ้วยรางวัลระดับประเทศมาแล้วด้วย[83] นอกจากปลากัดแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เลี้ยงปลามาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ปลาออสการ์ ปลาหมอ ปลาตะเพียน หรือปลาทอง[10] แต่ปัจจุบันไม่ได้เลี้ยงแล้ว เนื่องจากไม่มีเวลา ส่วนดอกไม้ที่ชอบคือดอกกล้วยไม้[86] ในวันว่างของมาริโอ้ในปัจจุบัน มักจะหมดไปกับการเล่นสเกตบอร์ด เจอเพื่อนสนิท และอยู่กับครอบครัว ส่วนกิจกรรมไอที ออนไลน์เป็นสิ่งที่ไม่ชอบนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เล่น แต่จะค้นหาข้อมูลที่ชอบมากกว่าเช่นเรื่องเพลง กับเว็บไซต์ของเล่น[87] และจากการที่ระยะหลังที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างจึงหันมาสะสมของเล่นเกี่ยวกับฮิปฮอปแบบจำกัดจำนวนผลิตแทนและสะสมตัวการ์ตูนครอบครัวซิมป์สัน[4]
นิสัยของมาริโอ้ มาริโอ้เป็นคนรักธรรมชาติ เพราะคุณพ่อที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือและชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับธรรมชาติ จึงทำให้ชอบธรรมชาติเหมือนกัน มาริโอ้เป็นคนค่อนข้างพูดน้อย เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูด กล้าแสดงออก เป็นคนเครียด ๆ ปกติจะเป็นคนคิดมาก[13] อย่างเรื่องข่าวไม่ดี แต่จะเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเองและเป็นคนมองโลกในแง่ดี ตอนเด็กๆ ยังมีนิสัยดื้อเงียบ ถ้าใครบอกว่าไม่ให้ทำอะไรจะชอบแอบทำ อย่างเช่น ถ้าไม่ให้เล่นประทัดก็จะแอบซื้อมาจุด ไม่ให้ขี่จักรยานไปไกลๆ ก็จะขี่ไป[10] และเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ถ้าไม่รู้จักกันจะมองว่าเป็นคนหยิ่ง จะนั่งเงียบๆ ไม่คุยด้วย แต่ถ้าสนิทด้วย จะพูดทั้งวัน[80] ยังมองข้อเสียตัวเองอีกว่า ชอบเก็บอะไร ๆ ไว้ในใจจนล้น แล้วปล่อยมาทีเดียว ซึ่งก็เรียนรู้ทีหลังว่าจะค่อย ๆ ปล่อยออกมา[78] มาริโอ้พูดถึงตัวเองเรื่องนิสัยส่วนดี อย่างเช่น เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ทำให้ไม่มีปัญหาเวลาทำงาน และเป็นคนพูดจาไพเราะ ส่วนนิสัยที่อยากแก้ไขคือ เป็นคนนอนขี้เซา ชอบตื่นสาย[19]
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ รักแห่งสยาม พูดถึงมาริโอ้ว่า ที่รับเลือกมาริโอ้มาเล่น รักแห่งสยาม นอกเหนือจากเรื่องหน้าตาแล้ว "เขามีดีกว่านั้น ดูจากแววตาแล้ว เขาไม่ใช่คนเลื่อนลอย ทำหน้าหล่อไปวันๆ ... เขารักครอบครัว เขาเป็นคนจริงใจ ใสซื่อ เหมือนแก้วน้ำใบใหญ่ ๆ ใส่อะไรลงไปก็ได้"[32] ส่วนผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ฝัน-หวาน-อาย-จูบ ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล พูดถึงมาริโอ้ว่า " เขามีความซื่อสัตย์ต่อความคิดของตัวเองมาก ซื่อสัตย์กับคนที่เขาทำงานด้วยมาก ๆ"[88]
จากกระแสตอบรับที่ดีจากภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ในบทบาทชายรักชาย จึงได้กระแสตอบรับที่ดีเป็นจำนวนมาก มาริโอ้เคยกล่าวว่าแฟนคลับของมาริโอ้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง[21][86] มาริโอ้ให้ความเห็นว่า "ก็รู้สึกดีครับ ผมก็ไม่ได้แอนตี้เกย์ หรือกะเทยอยู่แล้ว เค้าก็เป็นคนในสังคมเหมือนกัน มีหัวใจเหมือนกัน ไม่ว่าใครจะชอบผม จะเพศไหนก็ไม่สำคัญ ผมก็ชอบหมดแหละครับ เค้าก็มีความน่ารักในแบบของเค้านะ"[89] แต่ก็มีกระแสตอบรับไม่ดีบ้าง มาริโอ้เล่าว่า ไปเดินตลาดแถวบ้าน เจอคนที่ไม่ชอบบทบาทในภาพยนตร์ พอเดินผ่านไป ก็มีเสียงตะโกนไล่หลังว่า "ไอ้เกย์"[78]
อดีตผู้จัดการส่วนตัวของมาริโอ้ พูดถึงมาริโอ้ว่า "หน้าลูกครึ่งฝรั่ง-จีน ในมุมมองของโมเดลลิ่ง เป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างโดนใจวงการบันเทิงบ้านเรา เพราะเป็นแนวหล่อน่ารัก มากกว่าจะเซ็กซี่ฝรั่งจ๋า"[87] และจากภาพลักษณ์ใส ๆ นี้เอง รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ส ใหม่ ซึ่งต้องการกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่จึงเลือกมาริโอ้เป็นพรีเซนเตอร์ กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถคันแรก[90] ซึ่งก่อนหน้านั้นมาริโอ้มาร่วมประชาสัมพันธ์ผลงานแนวฮิปฮอปกับพี่ชาย มาร์โค แต่เนื่องจากอาจขัดต่อภาพลักษณ์ใส ๆ ที่ฮิปฮอปมีภาพลักษณ์เป็น "แบดบอย" และอาจขัดต่อสัญญา ทั้งคู่จึงมิได้โชว์ตัวและออกงานด้วยกันในฐานะ PsyCho & Lil’Mario ในช่วงที่อยู่ในระยะเวลาของสัญญา[91]
ในการจัดอันดับ "โพลดารา" ของ บันเทิงไทยรัฐ เมื่อปลายปี 2550 ซึ่งเป็นการสอบถามจากกลุ่มศิลปิน ดารา นักร้องกว่า 200 คน มาริโอ้ได้รับการลงคะแนนเป็นอันดับ 2 ในหมวด ดาวรุ่งในดวงใจ รองจากเขมนิจ จามิกรณ์[92] ต่อมาในการจัดอันดับโพลดาราปี 2551 ได้รับดาวรุ่งในดวงใจเป็นที่ 1 ได้คะแนน 36.0%[93] ในวันหนังไทย ประจำปี พ.ศ. 2551 ที่มีการประกาศรางวัลสุดสุดแห่งปี 2550 มาริโอ้ได้รางวัลดาราชายหน้าใหม่ที่มาแรงแบบสุด ๆ [94] ในการจัดรางวัลสยามดารา สตาร์ ปาร์ตี้ 2008 ของหนังสือพิมพ์สยามดารา ยังได้รับรางวัลดาวรุ่งมาแรงชายอีกด้วย[95] ในงานประกาศผลรางวัลทีนชอยส์อวอร์ดสของ นิตยสารเซเวนทีน ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551 มาริโอ้ได้รับรางวัล หนุ่มฮ๊อตแห่งปี[96] และเนื่องจากการถ่ายตามนิตยสารอย่างมากมาย ทำให้ได้รับรางวัล The Most Popular Magazine Cover สำหรับนายแบบและนางแบบที่ขึ้นปกนิตยสาร และได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดระยะเวลา 3 ปี จัดขึ้นโดยสมาคมนิตยสารแห่งประเทศไทย[97] ต่อมาในปี 2009 ได้รับรางวัลหนุ่มเซ็กซี่ในงานมอบรางวัล In Young Generation Choice 2009[98] ในปี พ.ศ. 2555 ในงานประกาศรางวัลเมขลา ครั้งที่ 24 ได้รับรางวัลต่อต้านยาเสพติด ฝ่ายชาย[99]
ในวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี พ.ศ. 2551 ซึ่งจัดโดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาริโอ้ได้รับเลือกเป็นพรีเซนเตอร์รณรงค์โครงการนี้[100] และยังเป็นพรีเซนเตอร์ต่อต้านยาเสพติดให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด[101][102] ที่จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ทำความดี ตามคำพ่อ” โดยน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานไว้ในโอกาสต่างๆ 5 คำสอนคือ ความพอดี, ความเพียร, การเอาชนะใจตน, ความซื่อสัตย์ และหนังสือเป็นออมสิน โดยมาริโอ้ เป็นตัวแทนของ “ความซื่อสัตย์”[103]
ในวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2551 สำหรับการจัดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2551” ภายใต้แนวคิด “วิทยาศาสตร์ สร้างชาติ สร้างอนาคต” จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาริโอ้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับงานนี้ร่วมกับศิรพันธ์ วัฒนจินดา ในงานครั้งนี้[104]
มาริโอ้เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการถ่ายแบบตามนิตยสาร โดยเริ่มถ่ายจากนิตยสารเดอะบอย และมีผลงานภาพยนตร์โฆษณามากกว่า 30 เรื่อง[78] มีผลงานถ่ายมิวสิกวิดีโออีกหลายตัว และมีผลงานภาพยนตร์เริ่มจากภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม รวมทั้งมีละครเรื่องแรกคือ หมู่ 7 เด็ดสาระตี่ และอีกเรื่องคือ กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้ ทางช่อง 7 สี รวมทั้งผลงานเพลงร่วมกับพี่ชาย และ ยังมีนางเอกคู่ขวัญ คือ ณฐพร เตมีรักษ์ ซึ่งเคยเล่นละครคู่กันจนมีชื่อเสียง ได้แก่ เพลิงทระนง ปี 2554 รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ปี 2557 และ ในวันที่ฝนพร่างพราย ปี 2567
ปี | ชื่อ | บทบาท | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2550 | รักแห่งสยาม | โต้ง | ภาพยนตร์เรื่องแรกของมาริโอ้ |
2551 | เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน | สิงหา | |
ฝัน-หวาน-อาย-จูบ | หมี | ตอน "จูบ" | |
2552 | บุปผาราตรี 3.1 บุปผาราตรี 3.2 | หรั่ง | |
2553 | สาระแนสิบล้อ | เอก | |
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า...รัก | โชน | ||
ชั่วฟ้าดินสลาย | องครักษ์ | นักแสดงรับเชิญ | |
ชิงหมาเถิด | อาร์ท | ||
สาระแนเห็นผี | โด้ | ||
2554 | อุโมงค์ผาเมือง | อานนทภิกขุ | |
บางกอกกังฟู | นา | ||
2555 | เพื่อนกันจนวันตาย | กัน | |
Love on That Day | นักมวยหนุ่ม | ภาพยนตร์จีน | |
จัน ดารา ปฐมบท | จัน วิสนันท์ (จัน ดารา) | ||
รักสุดทีน | เอกชัย (ถึงใจ) | ||
มหัศจรรย์รักกับสิ่งเล็ก ๆ | มาร์คัส แฮนสัน | ภาพยนตร์ฟิลิปปินส์ | |
2556 | จัน ดารา ปัจฉิมบท | จัน วิสนันท์ (จัน ดารา) | |
พี่มากพระโขนง | พี่มาก (พี่มาร์ค) | เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย | |
2559 | Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน | แทน | |
2560 | สาระแน เลิฟยูววว | มาริโอ้ เมาเร่อ | |
2562 | ขุนแผน ฟ้าฟื้น | แก้ว | |
2563 | Low Season สุขสันต์วันโสด | พุธ | |
2565 | เอไอหัวใจโอเวอร์โหลด | บ๊อบบี้ | [105] |
2566 | ขุนพันธ์ 3 | เสือมเหศวร | ออกฉายวันที่ 2 มีนาคม [106] |
พ.ศ. | เรื่อง | บทบาท | ออกอากาศ |
---|---|---|---|
2551 | หมู่ 7 เด็ดสะระตี่ | บัน | ช่อง 7 |
กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้ | ก้านยม (ก้าน) | ||
2553 | ใต้ฟ้าตะวันเดียว | คิม มิน-โฮ | โมเดิร์นไนน์ทีวี |
2554 | เพลิงทระนง | เพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน (เพลิง) | ช่อง 3 |
2555 | รักเกิดในตลาดสด | ปารเมศ (ต๋อง) | |
2556 | มาดามดัน | เน็กซ์ | |
2557 | รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน | ทาเคชิ โอนิซึกะ | |
รอยฝันตะวันเดือด | |||
2558 | สองหัวใจนี้เพื่อเธอ | ธรรณธร สมัญญกุล / หลวงวรงค์ฤทธิรอน | |
2560 | บัลลังก์ดอกไม้ | อนาวินทร์ สัตยารักษ์ (วิน) | |
บ่วงบรรจถรณ์ | หลาวเปิง | ||
2562 | ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง | ทองเอก | |
2565 | คือเธอ | ก้าวกล้า ชโยดม / คาร์ล รามาน | |
2566 | หมอหลวง | ทองอ้น | |
2567 | ในวันที่ฝนพร่างพราย | ทนายมาวิน แก้วสวัสดิ์ (ไม้) |
ปี | รางวัล | สาขา | ผล | ภาพยนตร์ |
---|---|---|---|---|
2551 | รางวัลเอเชียนฟิล์ม | นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง[25] | รักแห่งสยาม |
สตาร์พิกส์อวอร์ด | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | ได้รับรางวัล[107] | ||
รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง[108] | ||
เฉลิมไทยอวอร์ด | นักแสดงชายในบทนำจากภาพยนตร์ไทยแห่งปี | เสนอชื่อเข้าชิง[109] | ||
สตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส | ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง[29] | ||
เทศกาลหนังซิเนมะนิลา | นักแสดงชายยอดเยี่ยม | ได้รับรางวัล[30] | ||
2552 | ท็อปอวอร์ด 2008 | ดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ | ได้รับรางวัล[110] | เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน |
2553 | ท็อปอวอร์ด 2009 | ดารานำชายยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ | เสนอชื่อเข้าชิง | บุผผาราตรี 3.1 |
สุดสัปดาห์อวอร์ด 2010 | นักแสดงชายยอดนิยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2554 | ท็อปอวอร์ด 2010 | ดารานำชายยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ | ได้รับรางวัล | สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า...รัก |
2555 | รางวัลเอเชียนฟิล์ม | นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง[111] | อุโมงค์ผาเมือง |
ท็อปอวอร์ด 2012 | ดารานำชายยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ | เสนอชื่อเข้าชิง[112] | จันดารา ปฐมบท | |
ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด ครั้งที่ 6 | นักแสดงชายแห่งปี | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
รางวัลทีซีซีทีวี | ศิลปินไทยยอดนิยมขวัญใจชาวจีน | ได้รับรางวัล | ||
2556 | เกิด อวอร์ด ครั้งที่ 2 | คู่เกิด | เสนอชื่อเข้าชิง | พี่มาก..พระโขนง |
เกิดอวอร์ดแห่งปี | ได้รับรางวัล | |||
สยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ 2013 | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์ | ได้รับรางวัล | ||
เซเวนทีนชอยส์อวอร์ดส 2013 | หนุ่มฮอตแห่งปี | ได้รับรางวัล | ||
2557 | สตาร์พิกส์อวอร์ด | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | |
รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ครั้งที่ 7 | นักแสดงชายแห่งปี | ได้รับรางวัล | จัน ดารา ปัจฉิม | |
ดาราเดลี่ เดอะเกรท อวอร์ด ครั้งที่ 3 | ดารานำชาย สาขาภาพยนตร์ที่สุดแห่งปี | ได้รับรางวัล | พี่มาก..พระโขนง | |
2560 | สตาร์พิกส์อวอร์ด | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | Take Me Home สุขสันต์วันกลับบ้าน |
ปี พ.ศ. | รางวัล | สาขา | ผล | ละครโทรทัศน์ |
---|---|---|---|---|
2555 | คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 9 | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง[113] | เพลิงทระนง |
นักแสดงนำชายยอดนิยม | ||||
เอเชียไอดอล | นักแสดงต่างประเทศยอดนิยม | ได้รับรางวัล | ||
ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ครั้งที่ 6 | นักแสดงชายแห่งปี | เสนอชื่อเข้าชิง | รักเกิดในตลาดสด | |
รางวัลโทรทัศน์ทองคำ | นักแสดงนำชายดีเด่น | เสนอชื่อเข้าชิง | ||
2556 | คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 10 | นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | |
นักแสดงนำชายยอดนิยม | ||||
2557 | รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 28 | นักแสดงนำชายดีเด่น | เสนอชื่อเข้าชิง | มาดามดัน |
ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ครั้งที่ 7 | นักแสดงชายแห่งปี | ได้รับรางวัล | ||
สีสันบันเทิงอวอร์ด | ดารายอดนิยม | ได้รับรางวัล | รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน | |
2562 | รางวัลโทรทัศน์ทองคำ | นักแสดงนำชายดีเด่น | ได้รับรางวัล | ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.