คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

บัตรเครดิต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บัตรเครดิต
Remove ads

บัตรเครดิต หรือ บัตรสินเชื่อ เป็นบริการที่สถาบันทางการเงินต่าง ๆ ออกให้แก่ลูกค้า เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสด​ บัตรเครดิตที่รู้จักกันเช่น วีซา มาสเตอร์การ์ด เจซีบี ยูเนี่ยนเพย์ อเมริกันเอกซ์เพรส ดิสคัฟเวอร์ และ ไดเนอร์สคลับ สามารถใช้ได้ตามจำนวนวงเงินบัตรที่อนุมัติหักออกด้วยค่าสินค้าและบริการที่ใช้จ่ายผ่านบัตร ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และหนี้สินคงค้างที่ยังไม่ได้ชำระ

Thumb
บัตรเครดิต
Thumb
ตัวอย่างด้านหน้าของบัตรเครดิตทั่วไป:
  1. โลโก้ธนาคาร
  2. ชิปอีเอ็มวี (เฉพาะของ "สมาร์ตการ์ด")
  3. ฮอโลกราฟี
  4. เลขบัตร
  5. โลโก้เครือข่ายการ์ด
  6. วันหมดอายุ
  7. นามผู้ถือบัตร
  8. ชิปไร้สัมผัส
Thumb
ตัวอย่างด้านหลังของบัตรเครดิตทั่วไป:
  1. แถบแม่เหล็ก
  2. แถบลายมือชื่อ
  3. รหัสรักษาความปลอดภัยของบัตร
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

ประวัติในโลก

บัตรเครดิตถือกำเนิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาปี ค.ศ. 1914 โดยบริษัทเยอเนอรัลปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น ออฟแคลิฟอร์เนีย ซึ่งปัจจุบันคือบริษัท โมบิลออยส์ จำกัด โดยทำบัตรดังกล่าวให้กับลูกค้า และพนักงานของตน ที่ได้รับเลือกสรรแล้ว และนำไปชำระค่าน้ำมัน ตอนนั้นบัตรเครดิตนี้จะมีลักษณะเหมือนกับเหรียญโลหะ ต่อมาราวค.ศ. 1950 นายแฟรงค์ แมคนามารา (Frank McNamara) ซึ่งเป็นนักธุรกิจเกิดลืมพกกระเป๋าเงินติดตัวไปทานอาหาร และไม่มีเงินจ่าย ต้องให้ภรรยานำเงินมาชำระให้ จึงคิดว่าถ้ามีบัตรพิเศษที่ใช้แทนเงินได้ ก็จะดี จากนั้นก็ปรึกษากับนายราล์ฟ ชไนเดอร์ (Ralph Schncider) ซึ่งเป็นทนายความ และได้สร้างบัตร ไดเนอร์สคลับ ขึ้นมาเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าและบริการแทนการชำระเงินโดยตรง ภายหลังได้มีบริษัท อเมริกันเอกซ์เพรส ได้ออกบัตรเครดิต โดยมีวัตถุประสงค์ในครั้งแรกเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมาก โดยได้นำเสนอบัตรที่สามารถนำไปขึ้นเงินได้ที่ธนาคารต่าง ๆ

ประวัติในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มมีการใช้บัตรเครดิตครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ผู้ออกบัตร คือ บริษัท บัตรไดเนอร์ส คลับ (ประเทศไทย) จำกัด แต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

  • ปี พ.ศ. 2513 ธนาคารแห่งอเมริกา ได้นำบัตรเครดิตต่างประเทศ ที่เรียกว่า bank americ redit หรือที่รู้จักกันในขณะนี้ว่า “วีซ่า” เข้ามาใช้ในประเทศไทย
  • ปี พ.ศ. 2515 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) ออกบัตรชื่อ “บัตรเครดิตเอนกประสงค์” ซึ่งถือว่าเป็นบัตรเครดิตบัตรแรกที่เป็นของตน โดยธนาคารไทยเป็นผู้ออก
  • ปี พ.ศ. 2517 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับสิทธิให้เป็นตัวแทนในการออกบัตรมาสเตอร์การ์ด ซึ่งเป็นบัตรเครดิตต่างประเทศให้เผยแพร่ในประเทศไทย
  • ปี พ.ศ. 2521 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกบัตรเครดิตของตนเอง เรียกชื่อ “บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย“
  • ปี พ.ศ. 2522 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้เข้าเป็นสมาชิกของ วีซ่าอินเตอร์ เนชั่นแนลและเป็นผู้ได้รับสิทธิในการเป็นผู้แทนออกบัตรเครดิตวีซ่า ในประเทศไทย

ปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทยได้รับสิทธิในการเป็นผู้แทนในการออกบัตรวีซ่า ออกบัตรมาสเตอร์การ์ด ทำให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย ต่างผลักดันกันออกบัตรเครดิตของตนเอง ซึ่งมีผลให้มีการขยายตัวของปริมาณบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอย่างมากและมีการแข่งขันกันมากขึ้นด้วย

Remove ads

การทำงานของบัตรเครดิต

สรุป
มุมมอง

ผู้ใช้สามารถนำบัตรมาซื้อ สินค้าและบริการได้ตามวงเงินที่ธนาคารอนุมัติ หลังจากผู้รับบริการได้ บัตรเครดิตแล้ว ผู้ขายหรือผู้ให้บริการจะต้องเช็คยอดที่จ่ายกับทางธนาคารก่อนและจะได้รับรหัสอนุมัติจากธนาคาร ในสมัยก่อนจะเป็นเครื่องรูดบัตร ร้านค้าต้องโทรศัพท์ไปที่ธนาคาร แต่ปัจจุบันนี้มีเครื่องรูดบัตรที่จะออนไลน์กับธนาคารเพื่อให้ได้รหัสอนุมัติได้ในทันที จากผู้ขายหรือผู้ให้บริการก็จะนำสลิปไปให้เจ้าของบัตรเซ็นชื่อ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเจ้าของบัตรจริงหรือไม่ โดยเทียบกับลายเซนต์ที่เซนต์ไว้ด้านหลังของบัตรเครดิต และเก็บสำเนาไว้เพื่อส่งให้ธนาคารตรวจสอบได้ในภายหลัง ปัจจุบันบัตรเครดิตนอกจากจะเป็นที่นิยมในการซื้อสินค้าตามราคาทั่วไปแล้ว ยังนิยมมาใช้ในการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตอีกด้วย

เมื่อมีการซื้อขายสินค้าผ่านบัตรเครดิต ผู้ใช้บัตรเครดิตจะต้องแสดงความสมยอมว่าการซื้อขายนั้นได้เกิดขึ้นจริง ด้วยการเซ็นชื่อในใบเสร็จ หากเป็นการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้อาจจะกรอกราย PIN Number และหมายเลขบัตรเครดิต เพื่อเป็นการแสดงความจำนงในการซื้อขาย

การชำระเงินคืนบัตรเครดิต เมื่อได้รับใบเรียกเก็บเงินจากบริษัทบัตรเครดิตหรือธนาคารผู้ออกบัตรแล้ว สามารถเลือกชำระได้สองวิธี คือ การชำระเต็มจำนวนภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (ส่วนใหญ่ 45-51 วัน แล้วแต่บริษัทหรือสถาบันการเงินที่ออกบัตร) อีกวิธีหนึ่งคือการชำระเงินขั้นต่ำบางส่วน (ส่วนใหญ่ 10% ของยอดที่ใช้) โดยยอดค้างชำระของบัตรเครดิตจะกลายเป็นเงินกู้ที่เราจะต้องทำการผ่อนชำระเป็นงวดๆ

ขณะนี้ได้มีบัตรเครดิตแบบใหม่ ที่จะใช้ทาบกับเครื่องอ่าน โดยอาศัยหลักการของคลื่นวิทยุ จึงไม่ต้องมีการนำแถบแม่เหล็กไปสัมผัสกับเครื่องอย่างระบบเก่า ทำให้เพิ่มความรวดเร็วในการทำรายการ และเหมาะกับการชำระเงินจำนวนน้อย ๆ

ปัจจุบันนี้ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคได้ประกาศให้บัตรเครดิต[1]มีความหมายรวมถึงบัตรเดบิตด้วยเช่นกัน ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้ให้ความหมายบัตรเครดิตไว้ว่า เป็นบัตรที่ผู้ประกอบธุรกิจออกให้แก่ผู้บริโภค ตามหลักเกณฑ์ค่าบริการ หรือค่าอื่นใด และวิธีการผู้ประกอบธุรกิจกำหนดเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าแทนการชำระด้วยเงินสด หรือเพื่อใช้เบิกถอนเงินสด แต่ไม่รวมถึงบัตรที่มีการชำระค่าสินค้า ค่าบริการไว้ล่วงหน้าแล้ว

Remove ads

ดอกเบี้ยบัตรเครดิต

อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตในปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 16 ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนี้ถูกกำหนดและกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะประกาศให้สถาบันการเงินที่เป็นธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ผู้เป็นเจ้าของบัตรเครดิตนำอัตราที่กำหนดนี้ไปใช้เป็นอัตราขั้นสูงสุดที่จะสามารถเรียกเก็บจากผู้ใช้บัตรได้ ซึ่งมีธนาคารบางแห่ง ใช้อัตราที่ต่ำกว่า (ในปี 2020 จาก 8%)[2]

นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต

  • เครื่องตรวจสอบบัตรเครดิตปลอม เป็นนวัตกรรมหนึ่งที่สามารถตรวจสอบตัวบัตรเครดิตได้ว่าเป็นบัตรเครดิตจริงหรือปลอม โดยไม่ต้องตรวจสอบข้อมูลที่เก็บอยู่ภายในแถบแม่เหล็กหรือชิป ทำให้ปราศจากข้อกังวลเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล มีผลการทดสอบที่เป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการระดับสากล มีขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย และประหยัดพลังงาน โดยผลงานนี้ในปัจจุบันนักวิจัยคนไทยจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ได้พัฒนาแล้วด้วยเทคนิคการตรวจสอบแสงเลี้ยวเบนจากฮอโลแกรมด้วยหลักการสร้างหน้าคลื่นย้อนกลับ
Remove ads

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads