ตอสคานา[4] (อิตาลี: Toscana) หรือ ทัสคานี[4] (อังกฤษ: Tuscany) เป็นแคว้นหนึ่งของประเทศอิตาลี มีเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ) เป็นเมืองหลัก มีเนื้อที่ทั้งหมด 22,990 ตารางกิโลเมตร และมีผู้คนอาศัยอยู่ 3.6 ล้านคน แคว้นตอสคานามีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม (เนื่องจากเป็นที่กำเนิดของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา) สถาปัตยกรรม ศาสนา วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม (เนื่องจากมีโรงงานผลิตเสื้อผ้า เสื้อนุ่งห่ม เครื่องหนังจำนวนมาก)[5] ของประเทศอิตาลี แคว้นแห่งนี้เองที่เป็นที่ตั้งของหอเอนเมืองปิซาอันโด่งดัง นอกจากนี้ แคว้นตอสคานายังขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์งดงามมาก และมีไวน์รสชาติดีเยี่ยม[6] ภาษาอิตาลีที่พูดกันในแคว้นตอสคานาเป็นที่ยอมรับว่าเป็นการพูดแบบชาวอิตาลีโดยแท้จริงและยอมรับให้เป็นสำเนียงราชการ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
แคว้นตอสคานา Regione Toscana (อิตาลี) | |
---|---|
แผนที่ประเทศอิตาลีแสดงที่ตั้งของแคว้นตอสคานา | |
ประเทศ | อิตาลี |
เมืองหลัก | ฟลอเรนซ์ |
การปกครอง | |
• ประธานแคว้น | เอนรีโค รอสซี |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 22,990.18 ตร.กม. (8,876.56 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2558) | |
• ทั้งหมด | 3,749,430 คน |
• ความหนาแน่น | 160 คน/ตร.กม. (420 คน/ตร.ไมล์) |
ความเป็นพลเมือง[1] | |
• อิตาลี | ร้อยละ 90 |
เขตเวลา | UTC+1 (เวลายุโรปกลาง) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+2 (เวลาออมแสงยุโรปกลาง) |
จีดีพี (ตัวเงิน) | 106.1[2] พันล้านยูโร (2551) |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 28,500[3] ยูโร (2551) |
เว็บไซต์ | www |
สำหรับชื่อแคว้น ชาวอิตาลีเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า "ตอสคานา" แต่ภาษาอังกฤษเรียกชื่อแคว้นนี้ว่า "ทัสคานี" ในภาษาอื่น ๆ ก็มีชื่อเรียกต่างกันไปอีก เช่น ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Toscane ในภาษาละตินเรียกว่า Toscia เป็นต้น
ประวัติศาสตร์
ชนกลุ่มดั้งเดิม
เราไม่ทราบว่ากลุ่มชนใดเป็นชนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แคว้นตอสคานา แต่มีพบหลักฐานที่บ่งบอกว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ในยุคสำริดและยุคโลหะ นอกจากนั้นยังบ่งบอกด้วยอีกว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่ในหลากหลายบริเวณในแคว้นนี้ ตัวอย่างหลักฐานเช่นหมู่บ้านโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
ในศตวรรษที่ 8 ถึง 10 ก่อนคริสต์ศักราช อารยธรรมวิลลาโนวา (Villanovian) ซึ่งมีที่มาจากชื่อวิลลาโนวา (Villanova) เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อมนุษย์ในแถบบริเวณนั้น และ เจริญเติบโตงอย่างอกงาม
ชาวอีทรัสคัน
ในช่วงศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสต์ศักราช นักประวัติศาสตร์ได้พบหลักฐานการอาศัยอยู่ของชาวอีทรัสคันในภาคเหนือไปจนถึงบางส่วนของภาคกลางตอนบนของประเทศอิตาลี ซึ่งแคว้นตอสคานาอยู่ในภาคกลางตอนบน (ส่วนภาคกลางเป็นที่อยู่ของชาวละติน และภาคใต้เป็นที่อยู่ของชาวกรีก ซึ่งในเวลาต่อมา ชาวละตินสามารถครอบครองดินแดนทั้งหมดของประเทศอิตาลีได้)[7] ชื่อ "แคว้นตอสคานา" นี้ มาจากชื่อของชาวอีทรัสคัน ต่อมาชาวโรมันเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาละติน ตุสกิอา (Tuscia) ตุสกานิอา (Tuscania) และสุดท้ายตอสคานา (Toscana)
ที่มาที่ไปและการตั้งรกรากเริ่มแรกของชาวอีทรัสคันยังคงเป็นปริศนาต่อนักประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากว่าไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาษาหรือการเขียนของพวกเขาเลย อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ว่าชาวอีทรัสคันมีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่ลิเดียในเขตเอเชียไมเนอร์ (แถบตุรกีและบริเวณที่เชื่อมต่อทวีปเอเชียเข้ากับทวีปยุโรป) ในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราชเป็นยุคทองของชาวอีทรัสคัน อารยธรรมเจริญเติบโตถึงขั้นสูงสุด บริเวณที่ชาวอีทรัสคันอาศัยอยู่มีอาณาเขตตั้งแต่หุบเขาโป ไปจนถึงคัมปาเนีย พวกเขาได้สร้างถนนหนทางและเมืองใหญ่ต่าง ๆ ไว้มากมาย เช่น อาเรซโซ ฟิลาเดลเฟีย โรเซลเล เวตูโลเนีย เป็นต้น ซึ่งเป็นหลักฐานถึงความเจริญงอกงามของอารยธรรมได้อย่างดี
ชาวอีทรัสคันได้ทิ้งสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมายให้ชาวโรมันหลังจากที่พวกเขาถูกขับไล่ออกจากประเทศอิตาลี ในปี 509 ก่อนคริสต์ศักราช ไม่ว่าจะเป็นในด้าน อักษรละตินที่ชาวอีทรัสคันปรับปรุงขึ้นเองจากอักษรกรีก และนำมาเผยแพร่ให้กับชาวโรมัน การตั้งชื่อที่เป็นแบบแผนของการตั้งชื่อตะวันตกในทุกวันนี้ สถาปัตยกรรมศิลปะรูปโค้ง การแสดงละครเวที ไปจนกระทั่งชุดโทกาที่ชาวโรมันใส่ ชาวอีทรัสคันนี้เองที่ทำให้อารยธรรมโรมันกำเนิดขึ้นมาได้ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของประวัติศาสตร์แคว้นตอสคานาและประเทศอิตาลี [7]
ยุคโรมัน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุคกลาง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและราชวงศ์เมดีชี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
นวัตกรรมของลอแรน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การรวมประเทศอิตาลี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ภูมิศาสตร์
แคว้นตอสคานาเป็นแคว้นในภาคกลางของประเทศอิตาลี มีอาณาเขตจรดแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญาทางเหนือ จรดแคว้นลีกูเรียทางตะวันตกเฉียงเหนือ จรดแคว้นอุมเบรียและแคว้นมาร์เคทางตะวันออก และจรดแคว้นลัตซีโยทางตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนทางตะวันตกจรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แคว้นตอสคานามีพื้นที่สองในสามส่วนเป็นที่ราบสูงและเศษหนึ่งส่วนสี่ที่เป็นภูเขา ส่วนที่เหลือเป็นที่ราบที่ก่อกำหนดหุบเขาของแม่น้ำอาร์โน
แคว้นตอสคานาแบ่งออกเป็นสิบจังหวัดด้วยกัน ดังนี้[8] :
|
สถิติทางภูมิศาสตร์
- เนื้อที่ของแคว้นตอสคานาแบ่งเป็นบริเวณที่ราบสูงร้อยละ 66.5 บริเวณที่ราบร้อยละ 8.4 และบริเวณภูเขาร้อยละ 25.1
- ภูเขา:
- มอนเตปราโด (Monte Prado) ยอดเขาสูง 2,054 เมตร
- มอนเตโจโว (Monte Giovo) ยอดเขาสูง 1,991 เมตร
- มอนเตรอนดีนาโย (Monte Rondinaio) ยอดเขาสูง 1,964 เมตร
- มอนเตปีซานีโน (Monte Pisanino) ยอดเขาสูง 1,946 เมตร
- ภูเขาไฟ:
- มอนเตอามีอาตา (Monte Amiata) ยอดเขาสูง 1,738 เมตร
- มอนเตคัสเตลโล (Monte Castello) ยอดเขาสูง 445 เมตร
- ทะเลสาบ:
- ทะเลสาบบีลันชีโน (Lago Bilancino) 5.0 ตารางกิโลเมตร
- ทะเลสาบคียูซี (Chiusi) 3.9 ตารางกิโลเมตร
- ทะเลสาบซานคัสชาโน (San Casciano) ประมาณ 2.0 ตารางกิโลเมตร
- ทะเลสาบมอนเตปุลชาโน (Montepulciano) 1.9 ตารางกิโลเมตร
- ทะเลทราย:
- ทะเลทรายอัคโคนา (Deserto di Accona) ประมาณ 150 ตารางกิโลเมตร
- แม่น้ำ:
- แม่น้ำอาร์โน (Arno) 241 กิโลเมตร
- แม่น้ำออมโบรเน (Ombrone) 161 กิโลเมตร
- แม่น้ำแซร์คีโย (Serchio) 111 กิโลเมตร
- ชายฝั่ง: 633 กิโลเมตร (รวมชายฝั่งตามบริเวณเกาะในแคว้นตอสคานาด้วย)
สถิติประชากร
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 แคว้นได้ดึงดูดผู้อพยพจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศจีนและทวีปแอฟริกาเหนือ นอกจากนี้ยังมีชุมชนของชาวอังกฤษและชาวอเมริกันอยู่ด้วยอย่างปรากฏเห็นได้ชัด
เมืองต่าง ๆ ของแคว้นตอสคานาที่มีประชากร 50,000 คนหรือมากกว่า :
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของแคว้นตอสคานาจะเน้นไปที่พิพิธภัณฑสถาน ภาพวาดผลงานชิ้นเอก จัตุรัสต่าง ๆ ในเมืองฟลอเรนซ์ ปิซา และซีเยนาที่โด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก เช่น ชายหาด ป่าไม้ ภูเขาที่มีความสูงถึง 2,054 เมตร สปาที่ช่วยรักษาสุขภาพ หมู่บ้านที่ช่างฝีมือยังคงทำงานเกี่ยวกับหนังสัตว์ หลักสูตรกอล์ฟ เป็นต้น
ในแคว้นตอสคานามีโรงแรมทั้งหมด 11,000 กว่าแห่ง การตั้งแคมป์และการพักที่ฟาร์มดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 40 ล้านคนต่อปี เนื่องจากความสวยงามและวิวทิวทัศน์ของแคว้นตอสคานา อย่างไรก็ตามทางแคว้นก็ได้ลงทุนใช้จ่ายกับการทำให้บริการต่าง ๆ มีคุณภาพมากขึ้น ผลิตสิ่งต่าง ๆ ออกมาอย่างเชี่ยวชาญและมืออาชีพมากขึ้น และพัฒนาปรับปรุงระบบการคมนาคม[9]
พิพิธภัณฑสถาน
ร้อยละ 13 ของพิพิธภัณฑสถานทั้งหมดในประเทศอิตาลีตั้งอยู่ที่แคว้นตอสคานา โดยรวมในประเทศอิตาลีมีพิพิธภัณฑสถานทั้งหมดประมาณ 4,120 แห่ง ในแคว้นตอสคานามี 553 แห่ง บางแห่งเป็นพิพิธภัณฑสถานที่โด่งดังระดับโลก เช่น อุฟฟิตซี ในพิพิธภัณฑ์ 553 แห่งนี้ จำนวน 246 แห่งเก็บสะสมผลงานชิ้นเอกทางศิลปะ 88 แห่งเก็บสะสมโบราณวัตถุ 48 แห่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของวิทยาศาสตร์ และ 40 แห่งอุทิศให้แก่ประเพณีท้องถิ่น ช่างฝืมือ และชาวนา และที่เหลือเพื่อหัวข้อพิเศษ อาทิ เช่น อุตสาหกรรมทางโบราณคดี ฟุตบอล ประวัติศาสตร์ของดินแดน เป็นต้น พิพิธภัณฑสถานส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ แต่หลาย ๆ แห่งก็ยังตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ด้วย
พิพิธภัณฑ์สถานฟฟิตซีมีผลงานชิ้นเอกจากศิลปะเอกชาวอิตาลีมากมาย อาทิ จอตโต ดี บอนโดเน, ซีโมเน มาร์ตีนี, ปีเยโร เดลลา ฟรันเชสคา, ฟราอันเจลีโค, ฟีลิปโป ลิปปี, ซันโดร บอตตีเชลลี, มีเคลันเจโล, เลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นต้น ซึ่งโดยลำพังแล้วภาพเหล่านี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ 1,500,000 คนต่อปี
เพื่อที่จะปกป้อง อนุรักษ์ และรักษาภาพต่าง ๆ เจ้าหน้าที่จะต้องคอยดูแลมิให้ผู้ใดมาทำลายภาพเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศอิตาลีมีนโยบายจำกัดนักท่องเที่ยวในพิพิธภัณฑสถานต่าง ๆ เนื่องจากการรักษาอุณหภูมิเป็นการรักษาภาพด้วย[10] รายได้ของพิพิธภัณฑสถานในแต่ละปีได้ประมาณ ค่าเข้าพิพิธภัณฑสถานจะอยู่ประมาณที่ 2.58 ยูโร และรายได้ร้อยละ 26.9 จากการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑสถานของอิตาลีได้มาจากแคว้นตอสคานา ซึ่งโดยรวมทั้งหมดประเทศอิตาลีมีรายได้ 22 ล้านยูโรจากการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑสถานต่อปี ผู้คนจำนวนมากกว่า 6 ล้านคนเดินทางมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานของรัฐในแคว้นตอสคานาในแต่ละปี[11]
การขึ้นทะเบียนมรดกโลก
เขตต่าง ๆ ในเมือง 6 แห่งในแคว้นตอสคานาได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก :
- นครประวัติศาสตร์ฟลอเรนซ์ (Florence/Firenze) เมื่อ พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982)[12]
- จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซาในเมืองปิซา (Pisa) เมื่อ พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987)[13]
- นครประวัติศาสตร์ซานจีมิญญาโน (San Gimignano) เมื่อ พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)[14]
- นครประวัติศาสตร์ซีเยนา (Siena) เมื่อ พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995)[15]
- นครประวัติศาสตร์ปีเยนซา (Pienza) เมื่อ พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996)[16]
- วัลดอร์ชา (Val d'Orcia) เมื่อ พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004)[17]
คำกล่าวถึง
โจซูแอะ คาร์ดุชชี ได้กล่าวถึงแคว้นตอสคานา ความว่า
Dolce paese, onde portai conforme l'abito fiero e lo sdegnoso canto e il petto ov'odio e amor mai non s'addorme, pur ti rivedo, e il cuor mi balza in tanto. Ben riconosco in te le usate forme con gli occhi incerti tra il sorriso e il pianto.
— โจซูแอะ คาร์ดุชชี[18]
ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ความว่า
แคว้นอันงดงาม ที่ที่ฉันใส่ชุดนั้นที่ฉันภูมิใจและที่ที่ฉันเอาบทเพลงอันสูงส่งนั้นติดไปด้วย และที่ที่ฉันเอาหัวใจที่ที่ความเกลียดชังและความรักไม่เคยนอนหลับ ตอนนี้ฉันเห็นเธออีกครั้ง หัวใจของฉันเริ่มที่จะกระโดดโลดเต้น ฉันจดจำเธอได้อย่างดีในรูปแบบที่ฉันคุ้นเคย กับดวงตาที่ไม่แน่นอนระหว่างยิ้มกับร้องไห้
ภาพยนตร์
- ชมรมน้ำชา หัวใจจะไม่สิ้นหวัง (Tea With Mussolini) ฉากอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์และเมืองซานจีมิญญาโน แคว้นตอสคานา ในคริสต์ทศวรรษ 1930–1940 เป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มผู้หญิงอังกฤษที่ดูแลเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง[19][20]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand in your browser!
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.