จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ศาสตราจารย์พิเศษ จิตติ ติงศภัทิย์ (16 มีนาคม พ.ศ. 2451 – 3 มีนาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักกฎหมายชาวไทย ดำรงตำแหน่งองคมนตรีตั้งแต่ปี 2527 ถึง 2538 และถึงแก่อสัญกรรมขณะดำรงตำแหน่ง
จิตติ ติงศภัทิย์ | |
---|---|
องคมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 3 มีนาคม พ.ศ. 2527 – 3 มีนาคม พ.ศ. 2538 | |
รองประธานรัฐสภาไทย และ ประธานวุฒิสภา | |
ดำรงตำแหน่ง 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 – 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 | |
นายกรัฐมนตรี | สัญญา ธรรมศักดิ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช |
ก่อนหน้า | พันเอก นายวรการบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์) |
ถัดไป | พลอากาศเอก หะริน หงสกุล |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 16 มีนาคม พ.ศ. 2451 อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 3 มีนาคม พ.ศ. 2538 (86 ปี) |
คู่สมรส | คุณหญิงตลับ ติงศภัทิย์ |
จิตติประสิทธิ์ประสาทวิชากฎหมายมาเป็นเวลานานจนได้รับยกย่องเป็นปรมาจารย์แห่งวงการกฎหมายไทย และได้รับการกล่าวขานว่า ตั้งมั่นอยู่ในความบริสุทธิ์ยุติธรรม[1]
จิตติเกิดที่อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร บิดาชื่อ ทองจีน ติงศภัทิย์ มารดาชื่อละม้าย ติงศภัทิย์ มีน้องสาวชื่อ สำเนียง
บิดาของจิตติเสียชีวิตไปตั้งแต่จิตติอายุได้เพียง 4 ขวบ มารดาได้เริ่มสอนหนังสือให้ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน จากนั้น ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนครูเชย
สมรสกับ คุณหญิงตลับ (โล่ห์สุวรรณ) ติงศภัทิย์ เภสัชศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุตรีนายร้อยเอกหลวงมลายบรจักร (บุญมี โล่ห์สุวรรณ) และนางจรูญ มลายบรจักร (จรูญ โล่ห์สุวรรณ) เมื่อ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2489 มีบุตร-ธิดา เป็น ชาย 1 หญิง 5 คือ
รับราชการเป็นพนักงานอัยการในกรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2471 และได้โอนย้ายมารับราชการเป็นข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ต่อมาใน พ.ศ. 2512 จึงลาออกจากราชการเพราะรับราชการนาน ในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย (ปัจจุบันคือฝ่ายกฎหมาย) ธนาคารแห่งประเทศไทย จนเกษียณอายุราชการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หลังจากนั้นได้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ ดังนี้
นอกจากนี้ ท่านยังได้รับการประกาศให้เป็น “นักกฎหมายดีเด่น” โดยสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2526 และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2533 กลุ่มสาขานิติศาสตร์
ตำรากฎหมายดังกล่าวของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ยังคงใช้เป็นตำรามาตรฐานทางด้านกฎหมาย และได้รับการอ้างอิงเรื่อยมาในปัจจุบัน[4] โดยเฉพาะตำรากฎหมายแพ่งและพาณิชย์[5]และคำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ทั้งสามภาค[6]
ศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ได้เคยกล่าววลีอมตะไว้ว่า “ นักกฎหมายต้องมีความบริสุทธิ์ และมี ความยุติธรรมเป็นเป้าหมาย” ท่านเป็นผู้ริเริ่มการเรียนการสอนวิชาหลักวิชาชีพนักกฎหมาย ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และในเรื่องการใช้หลักรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์ในการปกครองบ้านเมืองและตัดสินคดีนั้น โดยท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า “ก่อนที่จะออกกฎหมายผู้ตรากฎหมายต้องดูข้อ เท็จจริงแวดล้อมของสังคมซึ่งก็ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ในการพิจารณาเพื่อให้ กฎหมายเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพสามารถแก้ปัญหาของสังคมได้ แต่เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้วการวินิจฉัยตัดสินคดีก็ต้องใช้กฎหมายคือ ใช้หลักนิติศาสตร์เป็น justice under law จะมาใช้หลักรัฐศาสตร์ในการตัดสินคดีไม่ได้”[7]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.