การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563 เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกสี่ปีครั้งที่ 59 มีขึ้นในวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2563 โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี และ กมลา แฮร์ริส สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต เอาชนะประธานาธิบดี ดอนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี ไมก์ เพนซ์ ผู้สมัครจากพรรคริพับลิกัน การเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก และภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกตั้งแต่ปี 2535, การเลือกตั้งครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 21, และครั้งที่ 5 ในรอบ 100 ปี, ที่ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ไม่ได้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2443, โดยผู้สมัครทั้งสองพรรคได้มากกว่า 74 ล้านเสียง, ทำลายสถิติ 69.5 ล้านเสียงของบารัก โอบามา ในปี 2551 โจ ไบเดน ได้มากกว่า 81 ล้านเสียง ถือเป็นคะแนนเสียงที่ได้รับมากที่สุดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ข้อมูลเบื้องต้น 538 สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง ต้องการ เสียงคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงจึงชนะ, ผู้ใช้สิทธิ ...
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563

 พ.ศ. 2559 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563[lower-alpha 1] พ.ศ. 2567 

538 สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง
ต้องการ เสียงคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงจึงชนะ
ผู้ใช้สิทธิ66.2% เพิ่มขึ้น (โดยประมาณ)[3]
  Thumb Thumb
ผู้ได้รับเสนอชื่อ โจ ไบเดิน ดอนัลด์ ทรัมป์
พรรค พรรคเดโมแครต พรรครีพับลิกัน
รัฐเหย้า เดลาแวร์ ฟลอริดา[lower-alpha 2]
คู่สมัคร กมลา แฮร์ริส ไมก์ เพนซ์
คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 306 232
รัฐที่ชนะ 25 + ดี.ซี. + NE-02 25 + ME-02
คะแนนเสียง 81,268,924 74,216,154
 % 51.3% 46.8%

Thumb
แผนที่จำนวนคณะผู้เลือกตั้งในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2563 ตามมติเอกฉันท์ของบรรดาสื่อ สีแดงหมายถึงรัฐที่ทรัมป์/เพนซ์ชนะ สีน้ำเงินหมายถึงรัฐที่ไบเดน/แฮร์ริสชนะ และสีเทาหมายถึงรัฐที่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ ตัวเลขนั้นแสดงถึงจำนวนคณะผู้เลือกตั้งของแต่ละรัฐ ตามจำนวนประชากรสหรัฐในสำมะโนปี พ.ศ. 2553

ประธานาธิบดีก่อนการเลือกตั้ง

ดอนัลด์ ทรัมป์
พรรครีพับลิกัน

ว่าที่ประธานาธิบดี

โจ ไบเดิน
พรรคเดโมแครต

ปิด

ในการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตที่มีผู้ลงสมัครถึง 29 คน โจ ไบเดน เอาชนะคู่แข่งคนสำคัญอย่าง สมาชิกวุฒิสภา เบอร์นี แซนเดอร์ส ไปได้ คู่หูของโจ ไบเดน, กมลา แฮร์ริส, เป็นผู้ลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนแรกที่มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน, คนแรกที่มีเชื้อสายเอเชียน-อเมริกัน, และผู้หญิงคนที่สามของพรรคใหญ่สองพรรค โจ จอร์เกนเซน และ สไปค์ โคเฮน เป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งของพรรคลิเบอร์เทเรียน โฮวี่ ฮอว์กินส์ และ แองเจลา นิโคล วอล์คเกอร์ เป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งของพรรคกรีน ประเด็นหลักของการเลือกตั้งครั้งนี้คือระบบสาธารณสุขและผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19; การประท้วงจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์; ศาลสูงสุดหลังการเสียชีวิตของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก และการโหวตรับรองเอมี โคนีย์ บาร์เรตต์; และอนาคตของรัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วยและการบริบาลที่เสียได้ (Affordable Care Act)

การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโควิด-19 ทำให้มีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าและลงคะแนนเสียงผ่านทางจดหมายเป็นจำนวนมาก พรรคเดโมแครตมีการลงเสียงผ่านจดหมายมากกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากการลงคะแนนเสียงทางจดหมายเป็นจำนวนมาก Swing States บางรัฐมีความล่าช้าในการนับและรายงานคะแนนเสียง หลายสำนักข่าวจึงได้ประกาศให้ไบเดนเป็นว่าที่ประธานาธิบดีและแฮร์ริสเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีในเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน หลังจากผ่านวันเลือกตั้งไปสามวันครึ่ง ท้ายที่สุด ไบเดนได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 306 คะแนน ส่วนทรัมป์ได้ 232 คะแนน ไบเดนเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐจอร์เจียตั้งแต่ปี 2535 และเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐแอริโซนาตั้งแต่ปี 2539 และเป็นคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งโดยแพ้รัฐโอไฮโอตั้งแต่ปี 2503 และชนะการเลือกตั้งโดยแพ้รัฐฟลอริดาตั้งแต่ปี 2535 ทำลายสถานะการเป็นรัฐ bellwether ไบเดนเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งโดยแพ้รัฐไอโอวาตั้งแต่ปี 2519 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2423 ที่ผู้สมัครทั้งสองพรรคมีจำนวนรัฐที่ชนะเท่ากัน และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2491 ที่พรรคเดโมแครต (หรือพรรคอื่น ๆ) ชนะ Popular vote ติดกันสี่ครั้ง

ก่อน ระหว่าง และหลังวันเลือกตั้ง ทรัมป์และคนในพรรครีพับลิกันหลายคนพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางและเข้าไปยุ่งการนับคะแนนเสียงในรัฐ swing states อัยการสูงสุด วิลเลียม บาร์ และเจ้าหน้าที่ทั้ง 50 รัฐไม่เจอหลักฐานของการโกงเลือกตั้งหรือความผิดปกติในการเลือกตั้ง หน่วยงานรัฐบาลกลางที่ดูแลการเลือกตั้งกล่าวว่านี่เป็นการเลือกตั้งที่สะอาดที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์และพวกพ้อง รวมถึงสมาชิกพรรคริพับลิกันในสภาคองเกรส ยังคงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งโดยยื่นฟ้องไป 63 คดีความ (โดยคดีความทั้งหมดถูกถอนฟ้องหรือถอดออก), อ้างทฤษฎีสมคบคิดว่ามีการโกง, กดดันให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการเลือกตั้ง (ที่ชัดเจนคือ แบรด รัฟเฟนสเปอเกอร์ เลขาธิการรัฐจอร์เจีย ในการสนทนาโทรศัพท์กับทรัมป์ทำให้เกิดเป็นข่าวดังขึ้นมา) และสมาชิกสภานิติบัญญัติที่อยู่พรรครีพับลิกันเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง, กดดันให้กระทรวงยุติธรรมประกาศว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการ “ทุจริต” และเข้าแทรกแซง, คัดค้านการรับรองคะแนนคณะผู้เลือกตั้งในสภาคองเกรส, และปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนผ่านและถ่ายโอนอำนาจไปยังโจ ไบเดน จนกระทั่งในวันที่ 6 มกราคม 2564 ม็อบสนับสนุนทรัมป์บุกเข้าอาคารรัฐสภา หลังจากทรัมป์ยังคงพูดว่าจะไม่ยอมประกาศรับความพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 มกราคม ทรัมป์โพสต์วิดีโอบนทวิตเตอร์ รับรองการเข้ามาของรัฐบาลชุดถัดไป โดยไม่มีการกล่าวถึงชื่อไบเดน ไบเดนและแฮร์ริสเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2564

เบื้องหลัง

วิธีดำเนินการ

รัฐธรรมนูญสหรัฐ มาตรา 2 ระบุว่า บุคคลที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐต้องเป็นพลเมืองสหรัฐโดยกำเนิด มีอายุ 35 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นผู้พำนักในสหรัฐอย่างน้อย 14 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีตรงแบบมองหาการเสนอชื่อของพรรคการเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยแต่ละพรรคมีวิธีการของตน (เช่น การเลือกตั้งขั้นต้น) เพื่อเลือกผู้สมัครที่พรรคเห็นว่าเหมาะสมลงรับสมัครเลือกตั้ง การเลือกตั้งขั้นต้นปกติเป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมโดยผู้ออกเสียงเลือกตั้งของแต่ละพรรคลงคะแนนเลือกรายชื่อผู้แทนที่จะส่งสมัครรับเลือกตั้งที่จะเลือกผู้สมัครคนหนึ่ง ๆ จากนั้นผู้แทนของพรรคจะเสนอชื่อผู้สมัครให้ลงรับเลือกตั้งในนามของพรรคอย่างเป็นทางการ ผู้เสนอชื่อประธานาธิบดีตรงแบบเลือกผู้ร่วมสมัครรับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งผู้แทนพรรคจะให้สัตยาบัน การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนก็เป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมเช่นกัน ซึ่งผู้ออกเสียงเลือกตั้งลงคะแนนให้สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง แล้วผู้เลือกตั้งเหล่านี้จะเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีโดยตรง[5]

ในเดือนพฤศจิกายน 2561 คณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครตออกเสียงไม่อนุญาตให้ซูเปอร์เดลีเกตออกเสียงเป็นลำดับแรกในกระบวนการเสนอชื่อ เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2563 ทำให้ผู้สมัครต้องชนะผู้แทนที่ให้สัญญาฝ่ายข้างมากจากการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อให้พรรคเสนอชื่อ[6]

คณะกรรมการระดับรัฐของพรรครีพับลิกันหลายคณะมีรายงานว่าพิจารณายกเลิกการเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมลับปี 2563 ส่วนอีกหลายคณะดำเนินการไปแล้ว[7] โดยอ้างข้อเท็จจริงว่ารีพับลิกันเคยยกเลิกการเลือกตั้งขั้นต้นหลายรัฐเมื่อจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช และจอร์จ ดับเบิลยู. บุชลงสมัครสมัยที่สองในปี 2535 และ 2547 ตามลำดับ ส่วนเดโมแครตเคยยกเลิกการเลือกตั้งขั้นต้นเมื่อบิล คลินตันและบารัค โอบามากำลังรับเลือกตั้งสมัยที่สองในปี 2539 และ 2555 ตามลำดับ[8][9]

วันที่ 26 สิงหาคม 2562 สภานิติบัญญัติรัฐเมนผ่านร่างกฎหมายใช้การออกเสียงลงคะแนนแบบตัวเลือกจัดอันดับ (ranked-choice voting) สำหรับทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีขั้นต้นและการเลือกตั้งทั่วไป[10][11] วันที่ 6 กันยายน 2562 ผู้ว่าการรัฐเมน เจเน็ต มิลส์ อนุญาตให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวโดยไม่ลงนาม ซึ่งทำให้ชะลอเวลามีผลจนกระทั่งหลังเลือกตั้งขั้นต้นพรรคเดโมแครตปี 2563 ในเดือนมีนาคม ทำให้รัฐเมนจะเป็นรัฐแรกที่ใช้การออกเสียงลงคะแนนแบบตัวเลือกจัดอันดับสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปประธานาธิบดี[12] กฎหมายยังคงใช้วิธีการเขตเลือกตั้งรัฐสภาสำหรับการจัดสรรผู้เลือกตั้ง โดยรัฐเมนและรัฐเนแบรสกาใช้ในการเลือกตั้งล่าสุด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจชะลอการทำนายผู้ชนะเสียงผู้เลือกตั้งของรัฐเมนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังวันเลือกตั้ง และยังจะทำให้การตีความคะแนนของประชาชนทั่วประเทศยุ่งยากขึ้นด้วย

การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 22 ระบุว่าบุคคลไม่สามารถได้ร้บเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกินสองครั้ง ทำให้อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัค โอบามาไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งอีกสมัย

แนวโน้มประชากรศาสตร์

กลุ่มอายุที่จะมีอายุอยู่ในช่วง 18 ถึง 45 ปีคาดว่าจะคิดเป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งของสหรัฐน้อยกว่าร้อยละ 40 เล็กน้อยในปี 2563 คาดหมายว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสหรัฐกว่าร้อยละ 30 ไม่ใช่ผิวขาว[13]

รายงานสองพรรคระบุว่าประชากรศาสตร์ผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปนับแต่การเลือกตั้งปี 2559 อาจมีผลต่อการเลือกตั้งปี 2563 แอฟริกันอเมริกัน ฮิสแปนิก เอเชียและชนกลุ่มน้อยอื่น ตลอดจน "ผิวขาวที่มีปริญญาวิทยาลัย" ล้วนคาดว่าจะมีสัดส่วนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกต้งเพิ่มขึ้นทั่วประเทศภายในปี 2563 ส่วน "ผิขาวที่ไม่มีปริญญาวิทยาลัย" จะลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ผู้สมัครพรรคเดโมแครตได้เปรียบ แต่เนื่องจากความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ อาจทำให้ผู้สมัครพรรครีพับลิกันชนะคณะผู้เลือกตั้งได้แม้จะแพ้คะแนนเสียงของประชาชน โดยอาจทิ้งห่างมากยิ่งกว่าปี 2559[14]

การเลือกตั้งในปีเดียวกัน

การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หลายรัฐจัดการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐและสภานิติบัญญัติของรัฐด้วย หลังการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎรจะมีการจัดสรรที่นั่งใหม่ให้กับ 50 รัฐตามผลของสำมะโนสหรัฐปี 2563 และรัฐจะจัดเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติของรัฐใหม่ ในหลายรัฐ ผู้ว่าการและสภานิติบัญญัติของรัฐจะจัดเขตเลือกตั้งใหม่ และบ่อยครั้งที่พรรคที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีผลอาศัยบารมีช่วยทำให้ผู้สมัครอื่นจากพรรคเดียวกันชนะการเลือกตั้งตามไปด้วย[15] ฉะนั้น พรรคที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 อาจมีข้อได้เปรียบสำคัญในการร่างเขตรัฐสภาและสภานิติบัญญัติของรัฐใหม่ซึ่งจะมีผลจนถึงการเลือกตั้งปี 2575[16]

การสรรหาตัวแทนพรรครีพับลิกัน

ผู้สมัครตัวแทนพรรค

ข้อมูลเพิ่มเติม ดอนัลด์ ทรัมป์, ไมก์ เพนซ์ ...
Thumb
พรรคริพับลิกัน (สหรัฐ)
พรรคริพับลิกัน
ดอนัลด์ ทรัมป์ ไมก์ เพนซ์
เป็นประธานาธิบดี เป็นรองประธานาธิบดี
Thumb
Thumb
ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 45
(พ.ศ. 2560–2564)
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 48
(พ.ศ. 2560–2564)
การรณรงค์หาเสียง
Thumb
[17][18][19]
ปิด
ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อ, เกิด / รัฐเหย้า ...
ชื่อ เกิด / รัฐเหย้า ประสบการณ์ การรณรงค์หาเสียง
วันประกาศ
จำนวนผู้แทนพรรค[20] คะแนนเสียง[20] รัฐที่ชนะ[lower-alpha 3]
Thumb
ดอนัลด์ ทรัมป์
14 มิถุนายน พ.ศ. 2489
(78 ปี)
ควีนส์ รัฐนิวยอร์ก
ประธานาธิบดีสหรัฐ (พ.ศ. 2560–2564)
นักธุรกิจ บุคคลในวงการโทรทัศน์ และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
Thumb
การรณรงค์หาเสียง
การรณรงค์หาเสียง
(อย่างไม่เป็นทางการ):
17 กุมภาพันธ์ 2560
(อย่างเป็นทางการ): 18 มิถุนายน 2562

คำแถลงการณ์ FEC[22]
19
(0.78%)
0
(0%)
1
ฮาวาย[23]

ฟลอริดา[24]
Thumb
โจ วอล์ช
27 ธันวาคม พ.ศ. 2504
(62 ปี)
นอร์ทแบร์ริงตัน รัฐอิลลินอย
ส.ส. รัฐอิลลินอย เขต 8 (พ.ศ. 2554–2556)
นักจัดรายการวิทยุอนุรักษ์นิยม
Thumb
การรณรงค์หาเสียง
การรณรงค์หาเสียง: 25 สิงหาคม 2562
คำแถลงการณ์ FEC[25]
0
(0%)
0
(0%)
0

อิลลินอยส์
Thumb
บิล เวลด์
31 กรกฎาคม พ.ศ. 2488
(79 ปี)
สมิธทาวน์ รัฐนิวยอร์ก
ผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ (พ.ศ. 2534–2540)
ตัวแทนพรรคลิเบอร์เทเรียนในการเสนอชื่อ
รองประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2559
ตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ
จากรัฐแมสซาชูเซตส์ พ.ศ. 2539
Thumb
การรณรงค์หาเสียง
จัดตั้งคณะกรรมการหยั่งเสียง:
15 กุมภาพันธ์ 2562
การรณรงค์หาเสียง: 15 เมษายน 2562

คำแถลงการณ์ FEC[26]
0
(0%)
0
(0%)
0

แมสซาชูเซตส์
ปิด

ผู้สมัครที่ถอนตัวก่อนการเลือกตั้ง

ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อ, เกิด ...
ชื่อเกิดประสบการณ์รัฐเหย้าวันประกาศลงสมัครวันประกาศถอนตัวบทความอ้างอิง
Thumb
มาร์ก แซนฟอร์ด
28 พฤษภาคม พ.ศ. 2503
(64 ปี)
ฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา
ส.ส. รัฐเซาท์แคโรไลนา เขต 1 (พ.ศ. 2538–2544, 2556–2562)
ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา (พ.ศ. 2546–2554)
Thumb
เซาท์แคโรไลนา
8 กันยายน 2562 12 พฤศจิกายน 2562 Thumb
การรณรงค์หาเสียง
คำแถลงการณ์ FEC[27]
[28][29]
ปิด

การสรรหาตัวแทนพรรคเดโมแครต

ผู้สมัครตัวแทนพรรค

ข้อมูลเพิ่มเติม โจ ไบเดิน, กมลา แฮร์ริส ...
Thumb
พรรคเดโมแครต (สหรัฐ))
พรรคเดโมแครต
โจ ไบเดิน กมลา แฮร์ริส
เป็นประธานาธิบดี เป็นรองประธานาธิบดี
Thumb
Thumb
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47
(พ.ศ. 2552–2560)
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ
จากรัฐแคลิฟอร์เนีย
(พ.ศ. 2560–2564)
การรณรงค์หาเสียง
Thumb
[30][31][32]
ปิด

ผู้สมัครที่ถอนตัวก่อนการเลือกตั้ง

การทำนายผลของรัฐต่าง ๆ

ผู้ทำนายผลการเลือกตั้งส่วนใหญ่ใช้ศัพท์ดังนี้

  • "tossup": ไม่มีข้อได้เปรียบ
  • "tilt" (ใช้น้อย): ได้เปรียบโดยไม่มากเท่ากับ "lean"
  • "lean": ได้เปรียบเล็กน้อย
  • "likely" หรือ "favored": ได้เปรียบมาก แต่ยังเอาชนะได้
  • "safe" or "solid": โอกาสชนะเกือบแน่นอน
ข้อมูลเพิ่มเติม รัฐ, ดัชนีPVI ...
รัฐ ดัชนี
PVI
[33]
ผลครั้งก่อน คุก
29 ต.ค. 2019[34]
IE
19 ธ.ค. 2019[35]
สะบาโต
7 พ.ย. 2019[36]
โพลิติโก
19 พ.ย. 2019[37]
แอละแบมา R+14 62.1% R Safe R Safe R Safe R Safe R
อะแลสกา R+9 51.3% R Safe R Safe R Safe R Safe R
แอริโซนา R+5 48.9% R Tossup Tilt R Tossup Tossup
อาร์คันซอ R+15 60.6% R Safe R Safe R Safe R Safe R
แคลิฟอร์เนีย D+12 61.7% D Safe D Safe D Safe D Safe D
โคโลราโด D+1 48.2% D Likely D Safe D Lean D Lean D
คอนเนตทิคัต D+6 54.6% D Safe D Safe D Safe D Safe D
เดลาแวร์ D+6 53.1% D Safe D Safe D Safe D Safe D
เขตโคลัมเบีย D+41 90.9% D Safe D Safe D Safe D Safe D
ฟลอริดา R+2 49.0% R Tossup Tossup Lean R Tossup
จอร์เจีย R+5 50.8% R Lean R Likely R Lean R Lean R
ฮาวาย D+18 62.2% D Safe D Safe D Safe D Safe D
ไอดาโฮ R+19 59.3% R Safe R Safe R Safe R Safe R
อิลลินอยส์ D+7 55.8% D Safe D Safe D Safe D Safe D
อินดีแอนา R+9 56.8% R Safe R Safe R Safe R Safe R
ไอโอวา R+3 51.2% R Lean R Lean R Lean R Lean R
แคนซัส R+13 56.7% R Safe R Safe R Safe R Safe R
เคนทักกี R+15 62.5% R Safe R Safe R Safe R Safe R
ลุยเซียนา R+11 58.1% R Safe R Safe R Safe R Safe R
เมน D+3 47.8% D Lean D Lean D
(ประเมิน
เฉพาะทั้งรัฐ)
Lean D Lean D
เมน เขต 1 D+8 54.0% D Safe D Safe D Safe D
เมน เขต 2 R+2 51.3% R Lean R Lean R Lean R
แมริแลนด์ D+12 60.3% D Safe D Safe D Safe D Safe D
แมสซาชูเซตส์ D+12 60.1% D Safe D Safe D Safe D Safe D
มิชิแกน D+1 47.5% R Lean D (พลิกชนะ) Tilt D (พลิกชนะ) Lean D (พลิกชนะ) Tossup
มินนิโซตา D+1 46.4% D Lean D Likely D Lean D Lean D
มิสซิสซิปปี R+9 57.9% R Safe R Safe R Safe R Safe R
มิสซูรี R+9 56.8% R Safe R Safe R Safe R Safe R
มอนแทนา R+11 56.2% R Safe R Safe R Safe R Safe R
เนแบรสกา R+14 58.8% R Safe R Safe R
(ประเมิน
เฉพาะทั้งรัฐ)
Safe R Safe R
เนแบรสกา เขต 1 R+11 56.2% R Safe R Safe R Safe R
เนแบรสกา เขต 2 R+4 47.2% R Lean R Tossup Tossup
เนแบรสกา เขต 3 R+27 73.9% R Safe R Safe R Safe R
เนวาดา D+1 47.9% D Likely D Lean D Lean D Tossup
นิวแฮมป์เชียร์ EVEN 47.0% D Lean D Lean D Lean D Tossup
นิวเจอร์ซีย์ D+7 55.0% D Safe D Safe D Safe D Safe D
นิวเม็กซิโก D+3 48.4% D Safe D Safe D Likely D Likely D
นิวยอร์ก D+11 59.0% D Safe D Safe D Safe D Safe D
นอร์ทแคโรไลนา R+3 49.8% R Tossup Tossup Lean R Tossup
นอร์ทดาโคตา R+16 63.0% R Safe R Safe R Safe R Safe R
โอไฮโอ R+3 51.7% R Lean R Likely R Lean R Lean R
โอคลาโฮมา R+20 65.3% R Safe R Safe R Safe R Safe R
ออริกอน D+5 50.1% D Safe D Safe D Safe D Safe D
เพนซิลเวเนีย EVEN 48.2% R Tossup Tilt D (พลิกชนะ) Tossup Tossup
โรดไอแลนด์ D+10 54.4% D Safe D Safe D Safe D Safe D
เซาท์แคโรไลนา R+8 54.9% R Safe R Safe R Safe R Safe R
เซาท์ดาโคตา R+14 61.5% R Safe R Safe R Safe R Safe R
เทนเนสซี R+14 60.7% R Safe R Safe R Safe R Safe R
เท็กซัส R+8 52.2% R Likely R Safe R Lean R Lean R
ยูทาห์ R+20 45.5% R Safe R Safe R Safe R Likely R
เวอร์มอนต์ D+15 56.7% D Safe D Safe D Safe D Safe D
เวอร์จิเนีย D+1 49.7% D Likely D Safe D Likely D Lean D
วอชิงตัน D+7 52.5% D Safe D Safe D Safe D Safe D
เวสต์เวอร์จิเนีย R+19 68.5% R Safe R Safe R Safe R Safe R
วิสคอนซิน EVEN 47.2% R Tossup Tossup Tossup Tossup
ไวโอมิง R+25 67.4% R Safe R Safe R Safe R Safe R
ปิด

เชิงอรรถ

  1. Most states allowed early voting in person or by mail, with the earliest state starting on September 4.[1] Most voters voted before November 3, most of them by mail.[2]
  2. Trump's official state of residence was New York in the 2016 election but has since changed to Florida, with his permanent residence switching from Trump Tower to Mar-a-Lago in 2019.[4]
  3. In bolded states and territories, the leading candidate won the support of an absolute majority of that state's delegation for the first ballot; according to Rule 40(b), eight such states are needed to be eligible.[21] In states and territories that are not bolded, the leading candidate won the support of a simple plurality of delegates.

อ้างอิง

Wikiwand in your browser!

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.

Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.