ภาวะเศรษฐกิจถดถอยโควิด-19

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยโควิด-19 เป็นวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงทั่วโลกซึ่งเป็นเหตุให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือเศรษฐกิจตกต่ำในหลายประเทศ นับเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกร้ายแรงที่สุดนับแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ 1930[1] วิกฤตดังกล่าวเริ่มต้นจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อรับมือโควิด-19 และมาตรการป้องกันอื่น ๆ ในช่วงการระบาดทั่วของโควิด-19 การตั้งต้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยดังกล่าวประจวบกับเหตุตลาดหุ้นตกปี 2020 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์และกินเวลาจนถึงต้นเดือนเมษายน 2020[2][3][4] เหตุตลาดหุ้นตกดังกล่าวกินเวลาสั้น ๆ และดัชนีตลาดหลายแห่งทั่วโลกฟื้นตัวหรือกระทั่งทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อถึงปลายปี 2020 เมื่อเดือนกันยายน 2020 ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าทุกประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือตกต่ำ ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ทุกประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย[5][6][7] แบบจำลองของธนาคารโลกเสนอว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์ในบางภูมิภาคอาจต้องใช้เวลาถึงปี 2025 หรือกว่านั้น[8][9][10][11]

การระบาดทั่วของโควิด-19 ทำให้ประชากรโลกถึงกึ่งหนึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งให้กักตัวที่บ้านเพื่อหยุดการระบาดของโควิด-19[12] ทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก[13] ซึ่งเกิดไล่เลี่ยกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2019 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์และกิจกรรมผู้บริโภคทั่วโลกชะงัก[14][15]

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ยังก่อให้เกิดภาวะการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วในหลายประเทศ และสหรัฐไม่สามารถจัดทำระบบคอมพิวเตอร์ประกันการว่างงานที่รัฐสนับสนุน และดำเนินการเพื่อให้ทันกับคำร้องต่าง ๆ[16][17] สหประชาชาติทำนายในเดือนเมษายน 2020 ว่าภาวะการว่างงานทั่วโลกจะลบชั่วโมงทำงานร้อยละ 6.7 ทั่วโลกในไตรมาสสองของปี 2020 หรือเทียบเท่ากับแรงงานเต็มเวลา 195 ล้านคน[18] ในบางประเทศคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10 ส่วนประเทศที่ได้รับผลกระทบมากกว่านั้นอาจมีอัตราว่างงานสูงกว่านี้[19][20][21] ประเทศกำลังพัฒนายังได้รับผลกระทบจากการส่งเงินกลับประเทศลดลง ทำให้ทุพภิกขภัยจากโควิด-19 รุนแรงยิ่งขึ้น[22] ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนี้ กอปรกับสงครามราคาน้ำมันรัสเซีย-ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2020 ทำให้ราคาน้ำมันลดลง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว การโรงแรมและพลังงานพังทลาย และกิจกรรมผู้บริโภคลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อน[23][24][25]

เมื่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโคโรนายุติลง ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์พลังงานโลก ค.ศ. 2021 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความต้องการพลังงานที่แข็งแกร่งในเอเชีย[26][27][28]

การสนองทางการเงินของชาติต่าง ๆ

สรุป
มุมมอง

หลายประเทศประกาศโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้านล่างนี้เป็นตารางสรุปโดยอาศัยข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (เว้นแต่ระบุไว้เป็นอื่น)[29]

ข้อมูลเพิ่มเติม ประเทศ, การใช้จ่ายโดยตรง (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ...
ประเทศ การใช้จ่ายโดยตรง (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) การใช้จ่ายโดยตรง (% GDP) การประกันเงินกู้และการซื้อสินทรัพย์ (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หมายเหตุ แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
 ออสเตรเลีย 139 9.7 125
 ออสเตรีย 43 9
 อาเซอร์ไบจาน 1.9 4.1
 บาห์เรน 1.49 4.2 9.8
 เบลเยียม 11.4 2.3 51.9
 แคนาดา 145 8.4 166
 ชิลี 11.75 4.7
 จีน 376.4 2.5 770.1
 ไซปรัส 1.000 4.3
 เช็กเกีย 4.36 2 39.7
 เดนมาร์ก 9.0 2.5 อีก 2.5% คาดว่าจะมาจากระบบรักษาเสถียรภาพอัตโนมัติ
 อียิปต์ 6.13 1.8
 เอสโตเนีย 2.2 7
 สหภาพยุโรป 605 4 870 ไม่รวมการดำเนินการโดยรัฐส่วนแต่ละรัฐสมาชิก ข้อมูลเพิ่มเติม: Next Generation EU [30]
 ฝรั่งเศส 129 5 300
 เยอรมนี 175 4.9 825 รัฐต่าง ๆ ได้ประกาศการใช้จ่ายเพิ่มเติม
 กรีซ 27 14
 ฮ่องกง 36.69 10
 อินเดีย 267 9
 อิหร่าน 55 10+
 ไอร์แลนด์ 14.9 4
 อิสราเอล 26 7.2 14
 อิตาลี 90 3.1 448
 ญี่ปุ่น 1,073.30 21.1 14.68
 คาซัคสถาน 13 9
 ลักเซมเบิร์ก 3.5 4.9
 มาเก๊า 6.6 12.1
 มาเลเซีย 7.5 2.1 12
 นิวซีแลนด์ 40.9 21
 นอร์เวย์ 18.2 5.5
 ปากีสถาน 8.790 3.8 ผู้บริหารระดับจังหวัดยังได้ประกาศมาตรการทางการคลัง
 เปรู 18 8 ประกาศรายจ่าย 12% จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมด
 ฟิลิปปินส์ 21.45 5.83 [31]
 กาตาร์ 20.6 13
 รัสเซีย 72.7 4.3 รวมแผนฟื้นฟูทั้งหมดในปี ค.ศ. 2020–2021 [32]
 เซอร์เบีย 3.35 6.5 ความช่วยเหลือเป็นจำนวนเงินประมาณ 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมด) [33]
 เกาหลีใต้ 13.730 0.6 85.8100
 สิงคโปร์ 54.5 11
 สวิตเซอร์แลนด์ 73 10.4
 ไทย 483.13 9.6
 ตุรกี 17.6 2
 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7.22 2
 สหราชอาณาจักร 357 10.6
 สหรัฐ 2,900 14.5 4,000
ปิด

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.