Loading AI tools
เรือสำราญ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไดมอนด์พรินเซส เป็นเรือสำราญสัญชาติอังกฤษที่ดำเนินการโดยสายการเดินเรือ พรินเซสครูซเซส ซึ่งเริ่มดำเนินการเดินเรือในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 โดยล่องเรือในภูมิภาคเอเชียเป็นหลักในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือ และบริเวณออสเตรเลียในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกใต้ เป็นเรือในชั้นย่อยของแกรนด์คลาส ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อเรือชั้นเจมคลาส ไดมอนด์พรินเซส และเรือพี่น้อง แซฟไฟร์พรินเซส เป็นชั้นย่อยของเรือแกรนด์คลาส ที่มีขนาดกว้างที่สุดโดยมีความกว้างของลำเรือ 37.5 เมตร (123 ฟุต 0 นิ้ว) ในขณะที่เรือแกรนด์คลาสอื่น ๆ ทั้งหมดมีความกว้างของลำเรือ 36 เมตร (118 ฟุต 1 นิ้ว) ไดมอนด์พรินเซส และ แซฟไฟร์พรินเซส ถูกต่อขึ้นที่เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่นโดยบริษัทมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ไดมอนส์พรินเซส ทอดสมอบริเวณชายฝั่งเมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ ญี่ปุ่น ธันวาคม 2562 | |
ประวัติ | |
---|---|
ชื่อ | ไดมอนด์พรินเซส |
เจ้าของ | บมจ. คาร์นิวาล คอร์ปอเรชัน (Carnival Corporation & plc) |
ผู้ให้บริการ | พรินเซสครูซเซส |
ท่าเรือจดทะเบียน |
|
อู่เรือ | มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ |
มูลค่าสร้าง | $500 ล้านเหรียญสหรัฐ |
Yard number | 2181 |
ปล่อยเรือ | 2 มีนาคม พ.ศ. 2545 |
เดินเรือแรก | 12 เมษายน พ.ศ. 2546 |
Christened | พ.ศ. 2547 |
สร้างเสร็จ | 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 |
Maiden voyage | พ.ศ. 2547 |
บริการ | มีนาคม พ.ศ. 2547 |
รหัสระบุ |
|
สถานะ | ถูกกักกัน[1] |
หมายเหตุ | [2] |
ลักษณะเฉพาะ | |
ชั้น: | เรือสำราญชั้น เจมคลาส (Gem-class) |
ขนาด (ตัน): | 115,875 ตันกรอส |
ความยาว: | 290.2 m (952 ft 1 in) |
ความกว้าง: | 37.49 m (123 ft 0 in) |
ความสูง: | 62.48 m (205 ft 0 in) |
กินน้ำลึก: | 8.53 m (28 ft 0 in) |
ดาดฟ้า: | 18 ชั้น |
ระบบพลังงาน: | ดีเซลคอมมอนเรล วราตสิลา (Wärtsilä 46 series) |
ระบบขับเคลื่อน: | ใบจักรคู่ |
ความเร็ว: | 22 นอต (41 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 25 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
ความจุ: | ผู้โดยสาร 2,670 คน |
ลูกเรือ: | 1,100 คน |
หมายเหตุ: | [2] |
เดิมทีเรือลำนี้ตั้งใจจะประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำในชื่อ แซฟไฟร์พรินเซส อย่างไรก็ตามการต่อเรืออีกลำหนึ่งที่เดิมตั้งใจจะตั้งชื่อเป็น ไดมอนด์พรินเซส (ปัจจุบันเดินเรือในชื่อ แซฟไฟร์พรินเซส) - ล่าช้าออกไปเมื่อมีเหตุไฟลุกไหม้บริเวณดาดฟ้าระหว่างการประกอบเรือ เนื่องจากการซ่อมแซมความเสียหายของเรือให้สมบูรณ์ต้องทำให้กำหนดการล่าช้าออกไป เรือพี่น้องซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างจึงได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ไดมอนด์พรินเซส แทน ซึ่งการแลกเปลี่ยนชื่อช่วยให้การส่งมอบของ ไดมอนด์พรินเซส ตรงเวลา[3] เรือลำนี้เป็นเรือของสายการเดินเรือ พรินเซสครูซเซส ลำแรกที่สร้างในอู่ต่อเรือญี่ปุ่น และไม่มี "ปีก" หรือ "สปอยเลอร์" บริเวณใกล้ปล่องไฟของเรือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของสกายวอร์กเกอร์ไนท์คลับที่เป็นที่รู้จักกันดี และสามารถพบได้ในเรือลำอื่นคือ แคริบเบียนพรินเซส, สตาร์พรินเซส และ คราวน์พรินเซส
โรงจักรดีเซลไฟฟ้าของ ไดมอนด์พรินเซส มีเครื่องยนต์กำเนิดกำลังดีเซลสี่เครื่อง และเครื่องยนต์กำเนิดกำลังกังหันก๊าซหนึ่งเครื่อง เครื่องยนต์กำเนิดกำลังดีเซลคือเครื่องยนต์คอมมอนเรลของบริษัท วราตสิลา (Wärtsilä) รุ่น 46 series เป็นเครื่องยนต์สูบเรียง 9 กระบอกสูบจำนวนสองแถว (9L46), และ 8 กระบอกสูบแถวเรียงจำนวนสองแถว (8L46) เครื่องยนต์ 8 สูบและ 9 สูบสามารถผลิตพลังงานได้ประมาณ 8,500 กิโลวัตต์ (11,400 แรงม้า) และ 9,500 กิโลวัตต์ (12,700 แรงม้า) ตามลำดับ เครื่องยนต์เหล่านี้ใช้เชื้อเพลิงชนิดน้ำมันเตาชนิดที่ 2 หรือน้ำมันเตาซี (Heavy Fuel Oil, HFO หรือ Bunker C) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (Marine Gas Oil, MGO) ขึ้นอยู่กับระเบียบข้อบังคับของท้องถิ่นเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษทางอากาศ เนื่องจากการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว สร้างการปล่อยมลพิษที่ต่ำกว่ามากแต่ก็มีราคาที่สูงกว่ามาก
เครื่องยนต์กำเนิดกำลังกังหันก๊าซเป็นเครื่องของบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก รุ่น LM2500 ที่มีกำลังสูงสุด 25,000 กิโลวัตต์ (34,000 แรงม้า) ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลหมุนเร็ว (MGO) เครื่องยนต์กำเนิดกำลังนี้มีต้นทุนในการเดินเครื่องสูงกว่าเครื่องยนต์กำเนิดกำลังดีเซล และส่วนใหญ่จะใช้ในพื้นที่เช่น รัฐอะแลสกาที่กฎระเบียบการปล่อยมลพิษมีความเข้มงวด นอกจากนี้ยังใช้เมื่อต้องการความเร็วสูงเพื่อนำเรือเข้าเทียบท่าในระยะเวลาที่สั้นลง
มีเครื่องกลไฟฟ้าขับเคลื่อน (Propulsion Electric Motors, PEMs) สองตัวที่ขับเคลื่อนใบจักรแบบปีกปรับมุมบิดไม่ได้ และมีทรัสเตอร์ 6 ตัวซึ่งใช้เมื่อต้องการเปลี่ยนทิศทางของหัว/ท้ายเรือ ซึ่งสามตัวอยู่บริเวณหัวเรือและสามตัวที่ท้ายเรือ มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดทั่วไปที่ผลิตโดยบริษัทอัลสตอม มอเตอร์ทั้งสองนั้นแต่ละตัวมีพิกัดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ และมีความเร็วสูงสุด 154 รอบต่อนาที (พิกัดความเร็ว 0-145 รอบต่อนาที)
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 ไดมอนด์พรินเซส ได้รับการดัดแปลงเพิ่มระบบหล่อลื่นด้วยอากาศที่ลำเรือ (Hull air lubrication system) เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซ CO2 จากการเดินเรือ[4]
ก่อนปี พ.ศ. 2557 ไดมอนด์พรินเซส สลับการแล่นเรือไปทางทิศเหนือและทางทิศใต้ โดยเป็นโปรแกรม voyages of the glacier ซึ่งเป็นการล่องเรือชมธารน้ำแข็งในช่วงฤดูร้อนทางซีกโลกเหนือและ โปรแกรมเดินทางจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในฤดูร้อนทางซีกโลกใต้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 ได้เริ่มต้นการล่องเรือจากท่าเรือโยโกฮามะ (โตเกียว) หรือท่าเรือโคเบะ ในฤดูร้อนของซีกโลกเหนือ[5]
สำหรับฤดูกาลเดินเรือ พ.ศ. 2559–2560 เป็นเส้นทางล่องเรือไปกลับในช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ จากท่าเรือสิงคโปร์[6] ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559[7] เพิ่มเมืองโกตากีนาบาลู เป็นส่วนหนึ่งของจุดหมายปลายทางพร้อมกับเทียบท่าเรือญาจาง ของเวียดนาม และกลับไปเริ่มเดินทางจากซิดนีย์ ออสเตรเลียในฤดูกาล พ.ศ. 2560-2561[8]
หลังจากเส้นทางการล่องเรือในปี พ.ศ. 2561 บริเวณออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ไดมอนด์พรินเซสได้รับเส้นทางใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2561 ซึ่งปรับเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, เวียดนาม, ไต้หวัน และมาเลเซีย[9] คาดว่าเส้นทางล่องเรือจะยังคงอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ส่วนใหญ่ในน่านน้ำญี่ปุ่น) จนถึงต้นปี พ.ศ. 2565[10]
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 บนเรือไดมอนด์พรินเซส ได้เกิดการระบาดของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) ที่เกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำให้เกิดอาการป่วยในผู้โดยสารและลูกเรือ 158 คนบนเรือ ซึ่งได้รับการยืนยันหลังจากเรือเดินทางถึงซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยกระทรวงสาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์[11][12]
เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563 ผู้โดยสารอายุ 80 ปีจากฮ่องกงลงเรือจากเมืองโยโกฮามะ ได้เดินทางในส่วนหนึ่งของแผนการเดินทางและลงจากเรือที่ฮ่องกงเมื่อวันที่ 25 มกราคม เขาได้เข้าพบแพทย์ในโรงพยาบาลท้องถิ่นในฮ่องกง หกวันหลังจากลงจากเรือ โดยหลังจากนั้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์[13][14] ผลทดสอบโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19) ของเขามีผลเป็นบวก
ในการเดินทางเที่ยวต่อมา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เรืออยู่ในน่านน้ำญี่ปุ่น เมื่อผู้โดยสาร 10 คนได้รับการวินิจฉัยว่ามีเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ในระหว่างการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ พ.ศ. 2562–2563[15] เรือถูกกักไว้นานมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ในท่าเรือโยโกฮามะในญี่ปุ่น ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ผู้โดยสารและลูกเรือได้รับเชื้อไวรัสมากถึง 621 คนจากจำนวนทั้งหมด 3,711 คน[16] ซึ่งรวมถึงชาวอินเดียอย่างน้อย 138 คน (เป็นลูกเรือ 132 คนและผู้โดยสาร 6 คน), ชาวแคนาดา 32 คน, ชาวออสเตรเลีย 24 คน, ชาวอเมริกัน 13 คน, ชาวอินโดนีเซีย 4 คนและ ชาวอังกฤษ 2 คน[17][18][19] หลายประเทศรวมถึงแคนาดา, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง[20] และสหราชอาณาจักร ได้มีมาตรการในการอพยพประชาชนและกักกันพวกเขาในประเทศของตนเอง และเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่นประกาศว่า ผู้โดยสารสองคนเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อไวรัส[21][22] ในวันที่ 1 มีนาคม ทุกคนบนเรือรวมทั้งลูกเรือและกัปตันได้ขึ้นจากเรือแล้วทั้งหมด[23] จนถึงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้โดยสารและลูกเรืออย่างน้อย 712 คนจากทั้งหมด 3,711 คนมีผลตรวจการติดเชื้อไวรัสเป็นบวก[24]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.