Loading AI tools
รถยนต์นั่งขนาดกลาง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โตโยต้า คัมรี่ เป็นรถยนต์ตระกูลที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของรถโตโยต้า มีลักษณะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในรุ่น V และเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง ในรุ่น XV
โตโยต้า คัมรี่ | |
---|---|
โตโยต้า คัมรี่ (XV/ACV70) | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โตโยต้า |
เรียกอีกชื่อ |
|
เริ่มผลิตเมื่อ | 2525–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (C): 2525–2541 (รหัส V) รถยนต์นั่งขนาดกลาง (D): 2541–ปัจจุบัน (รหัส XV / ACV) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า |
|
ในประเทศไทย คัมรี่ เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเฉพาะรุ่น XV โดยก่อนหน้านี้ รถครอบครัวรุ่นที่มีชื่อเสียงของโตโยต้า คือ โตโยต้า โคโรน่า แต่เมื่อคัมรี่ XV เข้ามา คัมรี่เริ่มแย่งความนิยมมาจากโคโรน่า จนในที่สุด ก็กลายเป็นรถครอบครัวที่ขึ้นมามีชื่อเสียงแทนโคโรน่า หลังจากนั้นไม่นาน โคโรน่าก็มีอันต้องเลิกผลิตไป
ปัจจุบัน คัมรี่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด, นิสสัน เทียน่า, ฮุนได โซนาต้า และอื่นๆ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีขนาดและระดับราคาใกล้เคียงกัน แต่ก่อนที่คัมรี่จะเข้าไทย โตโยต้า โคโรน่า ก็เคยเป็นคู่แข่งของแอคคอร์ดมาก่อน
รถตระกูลคัมรี่ กำเนิดโดยการแตกหน่อออกมาจากรถตระกูลเซลิก้า รถตระกูลเซลิก้ากำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2513 ในเวลานั้น เซลิก้าเป็นรถสปอร์ตที่นั่งตอนเดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง เปิดประทุนได้ รูปตัวถัง 3 แบบ คือ Hardtop , Liftback และ Coupe เหมาะสำหรับงานแข่งรถ โดยเฉพาะการแข่งแรลลี่ หลังจากนั้น ก็ได้แยกสายการผลิตออกไปเป็นคัมรี่ สาเหตุของการแบ่งคัมรี่ออกเป็นรุ่น V และ XV เนื่องมาจาก ที่ญี่ปุ่น กำหนดเกณฑ์แบ่งขนาดของรถยนต์โดยสารออกเป็น 3 ประเภท คือ
จากการจำแนกขนาดของรถยนต์นี้ จะนำไปใช้คิดอัตราการจ่ายภาษีในด้านต่างๆ รถยนต์ประเภท Kei Car จะเสียภาษีต่ำที่สุด, 5 Number จะจ่ายภาษีปานกลาง และ 3 Number จะจ่ายภาษีหนักที่สุด ในรุ่นแรกๆ ของคัมรี่นั้น ใช้รหัสตัวถัง V ในยุคนี้โตโยต้าพยายามจะตรึงขนาดตัวถังและเครื่องยนต์ไว้อยู่ที่ระดับ 5 Number เพื่อให้เสียภาษีในอัตราต่ำ ทำให้คัมรี่ในยุคแรกนี้ยังจัดอยู่ในระดับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ C-Segment (ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับที่โตโยต้า โคโรลล่า อัสติส เป็นในปัจจุบัน แต่เนื่องจากในยุคนั้น โคโรลล่าเองยังเป็นรถขนาดเล็กมาก หรือ B-Segment ห่างจากคัมรี่ 1 ขั้นเต็ม คัมรี่จึงมีที่ยืนทางการตลาด)
ต่อมา รถรุ่นใหม่ๆ เริ่มออกมามีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งค่ายโตโยต้า และค่ายอื่น โตโยต้าจึงต้องพยายามออกแบบคัมรี่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อสู้กับกระแสการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่คัมรี่รุ่นที่มีอยู่ (รหัส V) ใหญ่จนถึงขีดจำกัดของพิกัด 5 Number ของญี่ปุ่นแล้ว รถที่ใหญ่กว่านี้แม้เพียงเล็กน้อยจะจัดอยู่ในพิกัด 3 Number ทันที และจะทำให้ค่าภาษีของคัมรี่ในญี่ปุ่นสูงขึ้นอย่างมาก โตโยต้าจึงตัดสินใจ แยกเป็นสองคัมรี่ คัมรี่แรก คือคัมรี่ที่พัฒนาต่อจากเดิม ตรึงขนาดไว้ที่ 5 Number ขายเฉพาะในญี่ปุ่น คัมรี่สอง ออกแบบให้ใหญ่ขึ้นไปอยู่ที่ขนาดกลาง หรือ D-Degment ขายในประเทศอื่น (เนื่องจากอัตราภาษี 5 Number, 3 Number มีผลเฉพาะที่ญี่ปุ่น) โดยคัมรี่รุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ใช้รหัสตัวถัง XV โดย XV รุ่นแรก เปิดตัวใน พ.ศ. 2534 จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป รถโคโรลล่าเองก็ได้รับการพัฒนาจนกระทั่งมีขนาดใหญ่ขึ้นใกล้เคียงคัมรี่รหัส V ในขณะที่คัมรี่ XV ก็พัฒนารุ่นใหม่ให้ขนาดใหญ่ขึ้น นั่งสบายขึ้นไปเรื่อยๆ จนคัมรี่รหัส V ไม่มีที่ยืนในตลาดอีกต่อไป ในปี พ.ศ. 2541 จึงได้ยกเลิกการใช้ชื่อคัมรี่ ไปใช้ชื่อ โตโยต้า วิสต้า และกลายเป็นรถขนาดเดียวกับโคโรลล่า และต่อมาก็ได้ยกเลิกไป โดยรหัส V รุ่นสุดท้ายที่ได้ใช้ชื่อคัมรี่คือรุ่น V40
ในรุ่นปี พ.ศ. 2523 ตระกูลเซลิก้า ได้มีการผลิตรถเซลิก้ารุ่นพิเศษ เป็นรถเซลิก้า ที่นั่งสองตอน ตัวถัง Sedan ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีรถสปอร์ตเข้ากับรถเก๋งทั่วไป โดยเป็นการผสมเทคโนโลยีระหว่างรถสามตระกูล โดยรับจากตระกูลเซลิก้าเป็นส่วนใหญ่ และรับจากตระกูลโคโรน่า กับตระกูลคาริน่าอีกจำนวนหนึ่ง รถเซลิก้ารุ่นพิเศษ มีชื่อว่ารุ่น "เซลิก้า คัมรี่"
รถรุ่นเซลิก้า คัมรี่ มีความใกล้เคียงกับรถรุ่นเซลิก้าธรรมดา แต่การที่ผสมผสานเทคโนโลยีสปอร์ตเข้ากับรถเก๋งทั่วๆไป ทำให้รุ่นเซลิก้า คัมรี่ มียอดขายสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งรุ่นปี พ.ศ. 2525 รถเซลิก้า คัมรี่ มียอดขายสูงแซงรถรุ่นเซลิก้าธรรมดา และในบางประเทศ รถรุ่นเซลิก้า คัมรี่ เข้ามาครองตลาดแทนรถรุ่นเซลิก้าธรรมดา ทำให้โตโยต้า ค่อนข้างมั่นใจว่า "คัมรี่" สามารถยืนหยัดได้โดยไม่ต้องแอบอิงชื่อตระกูลเซลิก้า และ"คัมรี่" สามารถเป็นรถตระกูลใหม่ของโตโยต้าได้ ดังนั้น โตโยต้าจึงตั้งคัมรี่เป็นรถตระกูลใหม่ และให้เริ่มผลิตได้ทันที
โฉมนี้ เป็นโฉมแรกของรถรุ่นคัมรี่ ผู้ออกแบบรถต้องพยายามทำให้รถตระกูลใหม่นี้มีความเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล โดยรถรุ่นนี้จะยังเหลือความเป็นคาริน่า กับความเป็นโคโรน่า ยังเหลืออยู่เล็กน้อย แต่ก็น้อยมาก และในขณะเดียวกันก็เริ่มตีตัวออกห่างจากความเป็นเซลิก้า เริ่มมีความเป็นเอกลักษณ์ของตน
รถคัมรี่โฉมนี้ จัดอยู่ในประเภทรถยนต์ขนาดเล็ก มีสองตอน ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งในโฉมนี้ จะมีการผลิตตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 2 แบบ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร (74 แรงม้า) และ 2.0 ลิตร (92 แรงม้า)
โฉมนี้ มีตั้งแต่แบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนสี่ล้อ มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู กับ Station Wagon 4 ประตู
มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.8 ลิตร (86 แรงม้า) , 2.0 ลิตร (110 แรงม้า) และ 2.5 ลิตร (156 แรงม้า) ซึ่งเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตร จะเข้าข่ายจ่ายภาษีแบบ 3 Number
มีระบบเกียร์ 2 แบบ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีด
โฉมนี้ มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น เนื่องจากในตลาดโลกนั้นโตโยต้าได้พัฒนาคัมรี่รหัส XV10 ไปทำตลาดแทนแล้ว อย่างไรก็ตาม V30 กับ XV10 พัฒนามาด้วยกัน ในเรื่องของรูปทรงเส้นสายจึงคล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันที่ขนาด มีตัวทั้งสองแบบคือซีดานและฮาร์ดท็อป (เปิดประทุนหลังคาแข็ง) เน้นขายเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรสี่สูบ และ 2.0 ลิตรสี่สูบเบนซินเป็นหลัก แต่มีรุ่น 1.8 ลิตรสี่สูบสำหรับลูกค้าเน้นประหยัด และสำหรับลูกค้าญี่ปุ่นที่การจ่ายภาษีไม่เป็นประเด็นจะมีรุ่น 2.2 ลิตร เบนซินสี่สูบ 2.2 ลิตร ดีเซลสี่สูบ และ 3.0 ลิตร เบนซินหกสูบเป็นตัวเลือก
โฉมนี้ มีขายเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น มีเครื่องยนต์ 1.8 2.0 และ 2.2 ลิตร เบนซิน ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตลาดโลก เป็นรุ่นแรกของคัมรี่ที่ติดตั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และถุงลมนิรภัยคู่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ
มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู , Station Wagon 4 ประตู
มี 2 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีดดังเดิม
ในประเทศไทย โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่โด่งดังในไทย เปิดตัวในประเทศไทย พ.ศ. 2536 แต่ยังเป็นโฉมที่ยังไม่ผลิตในไทย (รถนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย; ผลิตในโรงงาน Toyota Motor Corporation Australia Ltd.) ดังนั้น ในวงการรถไทย จึงเรียกว่า "โฉมแรกประกอบนอก" หรือ "โฉมออสเตรเลีย" ต่อมาใน พ.ศ. 2538 มีการปรับโฉมเปลี่ยนแผงไฟทับทิมท้ายรถ ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นเว้าลงไปคล้ายกับลักษณะของเรือสุพรรณหงส์ ทำให้ในรุ่นท้ายๆ ของโฉมนี้ วงการรถไทย เรียกว่า "โฉมท้ายหงส์"
XV10 ในประเทศไทย แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 3 รุ่นดังนี้
ในช่วงปีสุดท้ายก่อนปรับโฉม มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
โฉมนี้จำหน่ายในประเทศไทยช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2536 - 2542
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 2.2 ลิตร 5S-FE (130 แรงม้า) กับ 3.0 ลิตร 1MZ-FE V6 (194 แรงม้า)
มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Station Wagon 4 ประตู
มี 2 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีด เช่นเดียวกับโฉมเดิม
โฉมนี้ รุ่นปีแรกๆ กับรุ่นปีท้ายๆ มีความแตกต่างกันในรายละเอียดพอควร พ่อค้ารถในไทยและวงการรถไทยจึงใช้ชื่อเรียกโฉมที่ต่างกัน โดยในรุ่นแรกๆ เรียกว่า "โฉมไฟท้ายไม้บรรทัด" (ไฟยาว) ส่วนรุ่นท้ายๆ จะเรียก "โฉมท้ายย้อย" (ไฟย้อย) แต่การขายก็ล่าช้ากว่าต่างประเทศ โดยจำหน่ายในประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2542-2545 (โฉมไม้บรรทัด จำหน่ายในช่วงปี พ.ศ. 2542 - 2544 โฉมไฟย้อย จำหน่ายในช่วงปี พ.ศ. 2544 - 2545)
ในประเทศไทย โฉมนี้ ในช่วงแรกคัมรี่ยังต้องนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย แต่ใน พ.ศ. 2543 ก็ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย (รุ่น SXV20: S + X = SX (S + XV = SXV))
ในประเทศไทยแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 2 รุ่นดังนี้
ข้อแตกต่างของคัมรี่รุ่นไฟท้ายไม้บรรทัด ระหว่างรุ่นที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย กับรุ่นที่ผลิตในประเทศไทย คือ คัมรี่ออสเตรเลียที่ขายในช่วงแรก มีเฉพาะรุ่น 2.2SE.G เท่านั้น แต่จะเป็น 2.2SE.G ที่ภายในสีเทา ไม่มีลายไม้ ล้ออัลลอยก้านตรง เบาะปรับมือ ในขณะที่ 2.2SE.G รุ่นประเทศไทย จะได้ภายในสีครีม ตกแต่งลายไม้ ล้ออัลลอยก้านเฉียง เบาะปรับไฟฟ้า
ทุกรุ่นมีระบบเบรกป้องกันล้อล็อกและถุงลมนิภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และหลังการปรับโฉมเป็นรุ่นไฟท้ายย้อย ได้เพิ่มไฟตัดหมอกในทุกรุ่น และตัดรุ่น 2.2SE.G เกียร์ธรรมดาออกจากสายการผลิต
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 5 ขนาด คือ 2.0 ลิตร 1AZ-FE (144 แรงม้า) , 2.4 ลิตร 2AZ-FE (152 แรงม้า) , 3.0 ลิตร 1MZ-FE ยังไม่มีระบบ VVT-i V6 (194 แรงม้า; พ.ศ. 2545) , 3.0 ลิตร 1MZ-FE มีระบบ VVT-i V6 (210 แรงม้า; พ.ศ. 2546–2549) และ 3.3 ลิตร 3MZ-FE V6 (225 แรงม้า)
มีตัวถัง 1 แบบ คือ Sedan 4 ประตู
มี 3 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด , อัตโนมัติ 5 สปีด และธรรมดา 5 สปีด แต่ในประเทศไทย เกียร์ธรรมดาในคัมรี่ถูกยกเลิก
ในประเทศไทย คัมรี่ขายในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2545-2549 (รหัสตัวถัง ACV30 และ ACV31) แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 4 รุ่นดังนี้
โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทย และวงการรถไทย นิยมเรียกว่า "โฉมตาเหยี่ยว" หรือ "โฉมผู้นำ" แต่บางคนก็เรียกว่า "โฉมหน้าหมู" เพราะมีลักษณะตัวถังที่คล้ายกับ โคโรลล่า อัลติส โฉมที่ 9 หรือโฉมหน้าหมู ซึ่งจำหน่ายอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน เริ่มการขายในไทยระหว่างปี พ.ศ. 2545-2549 ซึ่งก็ยังล่าช้ากว่าต่างประเทศเช่นเคย
โฉมนี้เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2549 เริ่มผลิตเมื่อรุ่นปี พ.ศ. 2550 และโตโยต้ามีแผนจะผลิตคัมรี่โฉมนี้ไป 5 รุ่นปีดังเดิม โดยมีแผนจะผลิตโฉมนี้ไปจนถึงรุ่นปี พ.ศ. 2554 โฉมนี้ จัดเป็นรถขนาดกลาง (Mid-Size Car) มีทั้งชื่อ Toyota Aurion (ในประเทศออสเตรเลีย) และ Toyota Camry
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 3 แบบ คือ 2.0 ลิตร 1AZ-FE (147 แรงม้า), 2.4 ลิตร 2AZ-FE (167 แรงม้า), 2.4 ลิตร 2AZ-FXE ไฮบริด (190 แรงม้า) และ 3.5 ลิตร 2GR-FE Dual VVT-i V6 (272 แรงม้า) มาในภายหลัง
มีตัวถังแบบเดียว คือ Sedan 4 ประตู
มี 5 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด (ในรุ่น 2.0 ลิตร) ,อัตโนมัติ 5 สปีด , อัตโนมัติ 6 สปีด , ธรรมดา 5 สปีด และธรรมดา 6 สปีด แต่ในประเทศไทย เกียร์ธรรมดาในคัมรี่ถูกยกเลิก
ในประเทศไทยแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 5 รุ่นดังนี้
นอกจากนั้นยังนำรุ่น 2.0G และ 2.4V 6CD/MP3 มาผลิตเป็นกรณีพิเศษจำนวนจำกัดในรุ่น Extremo โดยตกแต่งดังนี้
จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 ได้มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ขึ้นโดย
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริดจ้าวแรก ซึ่งนั่นเท่ากับว่าบ้านเราจะเป็นโรงงานผลิตแห่งที่ 4 ในโลกต่อจาก Toyota City ที่ญี่ปุ่น , โรงงานในเมืองจอร์จทาวน์ มลรัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา และอัลโทนา มลรัฐวิคตอเรีย ออสเตรเลีย คือ AHV40 เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด 2.4 ลิตร 2AZ-FXE Atkinson cycle ซึ่งเป็นการจับคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,400 ซีซี พร้อมระบบ VVT-I กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ ใช้ระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle มีกำลังขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์ 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และจะเพิ่มสูงสุดเป็น 187 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ส่วนหน้าที่ในการเก็บกระแสไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่แบบนิเกล-เมทัล ไฮดรายของพานาโซนิค (Panasonic High voltage NiMH) ขนาด 1.6 kWh มีกำลังขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์ 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และจะเพิ่มสูงสุดเป็น 190 แรงม้า เมื่อรวมทั้งระบบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT
โฉมนี้เป็นโฉมแรก ที่คัมรี่เจเนอเรชั่นใหม่ถูกนำเข้าตลาดไทย ในปีเดียวกับต่างประเทศ (เริ่มขาย พ.ศ. 2549-2555)
โฉมนี้ เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2554 โดยได้เริ่มจำหน่ายในประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคมในงานมอเตอร์โชว์ พ.ศ. 2555 มีตัวถังแบบเดียวคือตัวถังแบบซีดาน 4 ประตู
มีเครื่องยนต์ 3 รุ่นคือ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE (ACV51) ให้กำลังสูงสุด 148 แรงม้า, รหัส 6AR-FSE (ASV51) ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า, เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE / 5AR-FE (ASV50) ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า และเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ไฮบริด รหัส 2AR-FXE (AVV50) ให้กำลังสูงสุด 205 แรงม้า แต่ในต่างประเทศจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกคือ 2.5 ลิตร, 2.5 ลิตร Hybrid และ 3.5 ลิตร รหัส 2GR-FE V6 (GSV50)
โตโยต้า คัมรี่ ได้ยกเลิกรุ่น 2.0E สำหรับขายรถ Fleet, Limousine และรุ่น 3.5Q และในขณะนั้นมีรุ่นย่อย 5 รุ่น ได้แก่
ด้านความปลอดภัย คัมรี่ได้ทดสอบการชนได้ Good ใน IIHS, และได้รางวัล 5 ดาวใน ANCAP
หลังจากโตโยต้า คัมรี่ ได้เปิดตัวไปในปี 2555 ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก เช่นกุญแจรีโมทที่คล้าย Hilux Vigo ตัวเริ่มเป็นต้น เนื่องจากมีการตัดออพชั่นหลายอย่างออกไป ทำให้โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการปรับโฉมใหม่โดยเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ใบ (รุ่น 2.5G ขึ้นไป)
หลังจากโฉมปี 2015 ขึ้นมารุ่นย่อย 2.0G มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใหม่ อัตราเร่งดีขึ้น และ ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม
ส่วนสำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โตโยต้า คัมรี่ 2015 ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รหัส 6AR-FSE VVT-iW พร้อมหัวฉีดใหม่ D-4S ขนาดกระบอกสูบ 1,998 ซีซี กำลัง 167 แรงม้า แรงบิด 199 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 จังหวะ
ในรุ่นปรับโฉม มีรุ่นย่อยทั้งหมด 7 รุ่น ประกอบด้วย
ในปี 2559 โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใหม่ตามรุ่นย่อย ดังนี้
ส่วนราคามีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
โตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ต ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย โดยนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งโตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ต ได้มีรูปร่างเดียวกับกับโฉมอเมริกา และใช้คอนเซปต์ในการโฆษณาว่า "Life is thrilling"
แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะว่าเป็นรุ่นสุดท้ายที่โรงงานออสเตเรียนผลิตรุ่นนี้ก่อนจะปิดตัวไปเพราะว่าต้นทุนการผลิตรถในออสเตเรียนแพงจึงไม่คุ้มการผลิต
รุ่นนี้โดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะมากเรื่องวัสดุการผลิตไม่ค่อยสมราคาจนมีคนบอกว่า นี่คือ VIOS ฉบับ Luxury ซะงั้น ออฟชั่นไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ขนาดกระจกมองข้างพับด้วยมือในขณะที่รุ่นผลิตไทยนั้นไฟฟ้าทุกรุ่นย่อยและหรูหรากว่าจึงไม่แปลกใจ
รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2560
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลายใหม่ ไฟหน้า LED Dual Projector แบบ Hybrid ไฟเลี้ยว แยกจากไฟหน้า แบบ Hybrid ภายในเปลี่ยนจากลายไม้สีดำเป็น ลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) วันที่ 11 กรกฎาคม 2560
เปลี่ยนภายใน สีดำตัดครีม เป็น สีดำ เปลี่ยน ตะเข็บด้ายบนแดชบอร์ด จากสีดำ เป็น สีน้ำตาล Kogane เปลี่ยน ลายไม้แบบพิเศษ เป็นลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) เปลี่ยน พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน เป็น 3 ก้านแบบ EXTREMO ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พ่น Hi-Gloss (เฉพาะรุ่น Hybrid) วันที่ 19 สิงหาคม 2560
ส่วนราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ราคารุ่น 2.5 HV มีการเปลี่ยนราคา ส่วนรุ่นอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
โฉมนี้จำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 - 2561
XV70 | |
---|---|
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | ไดฮัทสุ อัลติส[1] |
เริ่มผลิตเมื่อ | |
รุ่นปี | 2561–2564 |
แหล่งผลิต |
|
ผู้ออกแบบ |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถเก๋ง 4 ประตู |
แพลตฟอร์ม | TNGA: TNGA-K |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
มอเตอร์ไฟฟ้า |
|
ระบบเกียร์ |
|
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | ไฮบริดแบบผสมเต็มรูปแบบ (Camry Hybrid)[2] |
แบตเตอรี่ |
|
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ได้เปิดตัวครั้งแรก ในงานดีทรอยต์ออโต้โชว์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2560[6] เริ่มขายเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560[7][8] และต่อมาเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 หลังจากนั้นก็จะเริ่มจะยอยเปิดตัวในประเทศไทย ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2560 หรือต้นปี พ.ศ. 2561 โดยโฉมนี้จะเป็นโฉมที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก (รุ่นโกลบอล)[9]เป็นครั้งแรกที่ขายแบบ โกลบอลไม่แยกตัวถังเหมือนรุ่นที่ผ่านมาอีกต่อไป
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ได้สร้างภายใต้แพลทฟอร์ม Toyota New Global Architecture ซึ่งได้ใช้ร่วมกันกับ โตโยต้า พริอุส ไฮบริดแฮทช์แบ็กรุ่นที่ 5 และ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ที่เป็นเอสยูวีครอสโอเวอร์[6]TNGA คือ แพตลฟอร์มของ โตโยต้า ยุคใหม่ที่การขับขี่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม
โดยแต่ละรุ่นจะมีกระจังหน้าที่แตกต่างกัน โดยรุ่นธรรมดาจะมีกระจังหน้าอีกแบบหนึ่งและรุ่นไฮบริดก็จะมีกระจังหน้าอีกแบบหนึ่ง[10]
รุ่นย่อยของโตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยรุ่น L, LE, SE, XLE และ XSE โดยที่รุ่น LE, SE และ XLE เป็นคัมรี่เวอร์ชั่นไฮบริด[10] และรุ่น XSE และ XLE จะเป็นคัมรี่ที่ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6
โตโยต้า คัมรี่ ในประเทศไทย งานเปิดตัวมีขึ้นวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ อิมแพค เมืองทองธานี การสื่อสารทางการตลาดของ Camry ใหม่ มีขึ้นภายใต้แนวคิด “The All-New Camry…Soul Striking Luxury”[11]
ทางเลือกเครื่องยนต์จะประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ธรรมดา 2.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังได้ 205 แรงม้า และเมื่อใช้ร่วมกับท่อ 4 รู จะให้กำลังสูงสุดได้ 208 แรงม้า และเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 212 แรงม้า และเครื่องยนต์ตัวท็อป 3.5 ลิตร วี 6 ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า[12]
ชิ้นส่วนประกอบที่ใช้ร่วมกัน กับโตโยต้า คัมรี่ รุ่นก่อนๆ มีเพียงแค่สัญลักษณ์โตโยต้า บนกระจังหน้าและฝากระโปรงหลัง [12]
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ จะเป็นรถยนต์โตโยต้ารุ่นแรก ที่ได้ใช้ระบบเอนโฟนเทนเมนต์ Entune 3.0 ที่สร้างบนพื้นฐานของ Linux และเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สสามารถให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถสร้างโปรแกรมที่สามารถใช้ร่วมกันกับระบบปฏิบัติการนี้ได้ [13]
ตัวเลือกระบบเกียร์ ประกอบไปด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (CVT) สำหรับรุ่นไฮบริด และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบ กับเครื่องยนต์วี 6[14]
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ จะมีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ประกอบไปด้วย ระบบเรดาร์จับวัตถุ/คนด้านหน้า เรดาร์ตรวจจับความเร็วรถด้านหน้า ระบบเตือนการขับออกนอกเลน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบอ่านป้ายจราจร[15] ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยหลัง และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง[16]
ในรุ่นนี้ มีรุ่นย่อยทั้งหมด 4 รุ่น ประกอบด้วย
ราคาใหม่ ปรับเพิ่ม 10,000 บาท ทุกรุ่นย่อย มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดย Option เหมือนเดิมทุกประการ ประกอบด้วย
15 กรกฎาคม 2563 Toyota USA สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดแรกที่เปิดตัวรถรุ่นนี้ ได้มีการเปิดตัว Camry Minorchange ออกมาเป็นที่เรียบร้อย หลังจากทำตลาดมาได้ 3 ปีแล้ว การปรับเปลี่ยนคราวนี้ เน้นหลักไปที่การปรับเพิ่ม และ อัพเกรดอุปกรณ์ – ระบบความปลอดภัย ส่วนงานดีไซน์ภายนอกนั้น มีการปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้องสังเกต ถึงจะแยกความแตกต่างได้
จากนั้นในเดือน พฤศจิกายน 2020 Toyota ยุโรป เปิดตัว Camry Minorchange ตามออกมา และ ตลาดญี่ปุ่น เปิดตัวในเดือน กุมภาพันธ์ 2021
ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 Toyota ประเทศไทย ได้เปิดตัว Camry Minorchange อย่างเป็นทางการ โดยเอารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ออกไปเป็นครั้งแรก และเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แทน พร้อมทั้งนี้ ยังเพิ่มสีตัวถังใหม่ คือสีเทา Metal Stream Metallic มาแทน สีน้ำตาล Phantom Brown – สีเงิน Silver Metallic และยังมีทางเลือกชุดแต่ง Modellista รอบคัน ของแท้จากญี่ปุ่น ให้เป็นทางเลือก[17] โดยมีการปรับงานดีไซน์ภายนอก ภายในห้องโดยสาร เพื่อขยับตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้ดู Modern Sporty มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจนอัพเกรดระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้[18]
โดยภายนอก ได้เปลี่ยนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ , ชุดไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ Full-LED ทุกรุ่นย่อย , ล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45 R18 (ยกเว้นรุ่น 2.5 Sport ที่มีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่พร้อมยาง 215/55 R17) เปลี่ยน ยางอะไหล่ Full Size ใน 3 รุ่น เป็น Temporary Tire (ยางรถอะไหล่ชั่วคราว) ขนาด T155/70 D17 และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า
ส่วนภายในห้องโดยสาร ได้เปลี่ยนวัสดุตกแต่งแผงหน้าปัดด้านหน้า คอนโซลกลาง วัสดุตกแต่งพวงมาลัย และแผงควบคุมกระจกหน้าต่าง เป็นแบบใหม่ , เปลี่ยนหน้าจอกลางเป็นแบบ Floating type ขนาดใหญ่ขึ้น 8 นิ้ว ในรุ่น 2.5 Sport 2.5 Premium 2.5 HEV Premium และ 9 นิ้ว ในรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto, ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Panoramic View Monitor (รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury)
ในด้านระบบความปลอดภัย มีการอัพเกรดแพกเกจ Toyota Safety Sense TSS 2.0 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด โดยติดตั้งมาให้ในรุ่น 2.5 Premium, 2.5 HEV Premium และ 2.5 HEV Premium Luxury โดยได้เพิ่มฟังก์ชั่นตรวจจับคนเดินเท้า และคนขี่จักรยาน ในระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS , เพิ่มระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA , เพิ่มระบบเตือนการชนหน้าและหลัง พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอย ICS with RCTB และปรับการทำงานของระบบ DRCC เป็นแบบ All-Speed Range และลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง (Curve Speed Reduction)[18] ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ (Intelligent Clearance Sonar with Rear Cross Traffic Braking)
Toyota Camry Minorchange เวอร์ชั่นไทย จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 เครื่องยนต์ 4 รุ่นย่อย
หมายเหตุ : สีขาว Platinum White Pearl ต้องจ่ายเพิ่ม 10,000 บาท และสีดำ Burning Black Crystal จะมีเฉพาะรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury เท่านั้น
Toyota Camry 60th Anniversary รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปีโตโยต้าประเทศไทย มาพร้อมการตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำขาว และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นรุ่นพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้โตโยต้าเติบโต เคียงข้างสังคมไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 คัน (จำนวน 2 รุ่น) สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำ เพิ่มความพิเศษด้วยการ Wrap ภายนอกด้วยฟิล์มลามิเนตคุณภาพระดับพรีเมียมสีเทา “Laminated Grey” ด้านข้างตกแต่งด้วยสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี ปรับโฉมภายนอก และภายใน ให้มีเอกลักษณ์และทันสมัยยิ่งขึ้น เพิ่มรุ่นละ 25,000 บาท จากราคาเดิม
ความพิเศษของ Camry 60th Anniversary รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี มีดังนี้
นอกจากนี้ ยังมี Camry 60th Anniversary ที่ Wrap สี Laminated Grey ด้วยฟิล์มลามิเนต มูลค่า 57,000 บาท จำหน่ายเพียงโชว์รูมละ 1 คันเท่านั้น
Toyota ประกาศปิดตำนานกว่า 43 ปี ยุติขายรถ Camry ในตลาดญี่ปุ่น หลังยอดขายปี 2022 ต่ำกว่า 6,000 คัน แต่ยังคงจำหน่ายในตลาดต่างประเทศต่อไป เพราะสหรัฐ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงนิยมรถรุ่นดังกล่าว บริษัท Toyota Motor ได้ประกาศเตรียมแผนยุติการจำหน่ายรถยนต์รุ่น Camry ในตลาดญี่ปุ่น หลังจากเปิดขายมากว่า 43 ปี ซึ่งได้แจ้งตัวแทนจำหน่ายในญี่ปุ่นแล้วว่าจะยุติการผลิต Camry สำหรับลูกค้าในประเทศภายในสิ้นปี 2023 นี้ แต่จะยังดำเนินการผลิตเพื่อการส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศต่อไป การขายรถรุ่น Camry ในประเทศญี่ปุ่นจะสิ้นสุดลงเป็นระยะ และ Toyota ได้หยุดรับคำสั่งซื้อใหม่เกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งรถ Camry รุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาจะจัดจำหน่ายเฉพาะในตลาดต่างประเทศเท่านั้น สำหรับเหตุผลในการประกาศยุติการจำหน่ายรถ Camry ในญี่ปุ่น มาจากยอดจำหน่ายที่น้อยกว่า 6,000 คันในปีที่แล้ว เนื่องจากขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในการผลิตรถรุ่นดังกล่าว อีกทั้งรถ SUV และรถ Mini Van ได้รับความนิยมมากขึ้นเพื่อทดแทนความต้องการรถเก๋งซีดาน ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมานั้น ทาง Nissan Motor เอง ยังได้ยุติการผลิตรถรุ่น Fuga ขณะที่ Honda Motor ได้ยุติการผลิตรุ่น Legend เช่นกัน ทั้งนี้ รถเก๋งซีดานแบบ 4 ประตูส่วนใหญ่ของ Toyota เช่นรุ่น Corolla และ Camry จะผลิตในสหรัฐอเมริกา จีน และโรงงาน Tsutsumi ในจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยรถรุ่น Camry ถือเป็นรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ Toyota ซึ่งชื่อ Camry มาจากคำในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “มงกุฎ” ยอดจำหน่ายรถรุ่น Camry ในญี่ปุ่นนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1980 มีอยู่ราว 1.3 ล้านคัน ซึ่งราคารถซีดานที่จำหน่ายในญี่ปุ่นนั้นจะมีราคาระหว่าง 3.49-4.68 ล้านเยน หรือราว 26,400-35,450 เหรียญสหรัฐฯ ขณะเดียวกันรถรุ่นนี้ได้จำหน่ายไปยังกว่า 100 ประเทศ โดยมียอดซื้อสะสมมากกว่า 21 ล้านคันจนถึงสิ้นปี 2565 อ้างอิงจากข้อมูลของ MarkLines ผู้ให้บริการข้อมูลรถยนต์ของ Toyota ย่างไรก็ตาม Camry ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมียอดขายมากกว่า 13 ล้านคัน ผู้บริโภคชาวอเมริกันชื่นชอบ Camry ในด้านความน่าเชื่อถือ ความสะดวกในการใช้งาน และการตกแต่งภายในที่กว้างขวาง Camry ได้รับการจัดอันดับให้เป็นรถยนต์นั่งที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 15 ปีติดต่อกันจนถึงปี 2016 Camry เป็นที่รู้จักในฐานะรุ่นยอดนิยมเนื่องจากมีมูลค่าการขายต่อที่ค่อนข้างสูงในตลาดรถยนต์มือสอง ในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Camry ถูกมองว่าเป็นรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจสำหรับภาพลักษณ์ระดับไฮเอนด์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถ Toyota รุ่น RAV4 จะคว้ายอดขายในสหรัฐอเมริกาแซงหน้า Camry ในปี 2017 เนื่องจากรถยนต์อเนกประสงค์แบบสปอร์ตได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ Camry ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยอดขายรถซีดานทั่วโลกในปีที่แล้วมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 600,000 คัน
XV80 | |
---|---|
Toyota Camry 2.0H SE (MXVH80; China) | |
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ |
|
รุ่นปี | 2025 |
แหล่งผลิต | |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | Mid-size car |
รูปแบบตัวถัง | 4-door sedan |
โครงสร้าง |
|
แพลตฟอร์ม | TNGA: GA-K |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
กำลัง | 127 kW (170 hp; 173 PS) 145 kW (194 hp; 197 PS) 168 kW (225 hp; 228 PS) (A25A-FXS; front-wheel drive models) 173 kW (232 hp; 235 PS) (A25A-FXS; all-wheel drive models) |
ระบบเกียร์ | eCVT |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | Power-split |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,825 mm (111.2 in) |
ความยาว | 4,885–4,905 mm (192.3–193.1 in) |
ความกว้าง | 1,840 mm (72.4 in) |
ความสูง | 1,455 mm (57.3 in) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | Toyota Camry (XV70) |
Toyota Camry โมเดลเชนจ์ใหม่ เป็นเจเนเรชั่นที่ 9 รหัสตัวถัง XV80 มีหน้าตาและการออกแบบใหม่หมดจรดทั้งคัน โดยยังคงพื้นฐานเดิม กับเครื่องไฮบริด 2.5 ลิตร คาดมาขายไทยปลายปี 2567 รุ่นเปลี่ยนโฉมนี้ นับเป็นรุ่นที่ 9 รหัสตัวถัง XV80 ถึงจะมีตัวเลขรหัสเพิ่มเป็นเจเนเรชั่นใหม่ แต่ยังคงพื้นฐานวิศวกรรม TNGA-K แบบเดิม นำมาครอบตัวถังทรงใหม่หมด ทำให้รูปทรงโดยรวมยังคงเป็นซีดานสัดส่วนแบบ 3 กล่อง ผสมธีมการออกแบบใหม่ที่ปรับเปลี่ยนให้ดูเพรียวบางขึ้น ในสหรัฐพร้อมขายแล้วในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ส่วนประเทศไทยนั้น คาดว่าจะมาเร็วในปี 2024 เช่นกัน แต่เป็นช่วงปลายปีหน้า ซึ่งเป็นเวลาครบอายุการตลาดในไทยพอดี
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 โตโยต้า เปิดตัว โตโยต้า คัมรี ใหม่ (All NEW Toyota Camry) ครั้งแรกของโลกที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าการออกแบบใหม่ทั้งหมดและการเพิ่มระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (E-Four AWD) มาใส่ไว้ในรถยนต์รุ่นดังกล่าวเป็นครั้งแรก
All NEW Toyota Camry เวอร์ชั่นจีน เผยโฉมเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่งาน Auto Guangzhou 2023 มาพร้อมงานดีไซน์ด้านหน้า และภายในห้องโดยสารบางจุด ที่มีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นสหรัฐฯ และเป็นงานออกแบบชุดเดียวกันกับ All NEW Toyota Camry เวอร์ชั่นไทย ที่มีกำหนดเปิดตัวในเดือน ตุลาคม 2024.
All-NEW TOYOTA CAMRY เจนที่ 9 ใหม่ เปิดตัวในยุโรป และ ในประเทศโปแลนด์ พร้อมตัวเลือกระบบไฮบริด 2.5 ลิตรเท่านั้น ราคาจำหน่าย 185,900 – 225,900 zloty หรือประมาณ 1.71 – 2.08 ล้านบาท
วันที่ 4 กรกฏาคม 2567 TOYOTA ไต้หวันประกาศราคาจำหน่าย TOYOTA CAMRY เจนที่ 9 รุ่น 2.0L ราคา 985,000 – 1,109,000 ดอลลาร์ไต้หวัน 1.12 – 1.24 ล้านบาท และ 2.5 ไฮบริด 1.12 – 1.25 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือประมาณ 1.25 – 1.40 ล้านบาท
All-NEW TOYOTA CAMRY เจนที่ 9 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในซาอุดิอาระเบีย จำหน่าย 2 เครื่องยนต์ได้แก่ ราคาจำหน่ายรุ่น 2.5L A25A-FKS มี 3 รุ่น คือ E, LE และ GRANDE 105,340 – 140,990 SAR หรือประมาณ 985,000 – 1,317,000 บาท รุ่นไฮบริด 2.5L A25A-FXS HEV มี 4 รุ่น คือ E, E PLUS, LE และ LUMIERE 106,605 -149,500 SAR หรือประมาณ 996,000 – 1,397,000 บาท
All-NEW TOYOTA CAMRY เจนที่ 9 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมตัวเลือกระบบไฮบริด 2.5 ลิตร A25A-FXS HEV เท่านั้น มี 2 รุ่น ราคาจำหน่าย 123,900 AED ในรุ่น XLE และ 139,900 AED ในรุ่น GLE
NEW Toyota Camry เวอร์ชั่นไทย เตรียมเปิดตัวในช่วงต้นเดือน ตุลาคม 2567 คาดว่าจะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย โดยเป็นขุมพลัง HEV Hybrid เท่านั้น HEV.
หลังจากที่ 14 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา Toyota USA เปิดตัว NEW Camry 9th Generation ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางฝั่งประเทศจีน 17 พฤศจิกายน 2023 ก็มีการเปิดตัว NEW Camry เช่นเดียวกัน ที่ GuangZhou Auto Show 2023 ดีไซน์ด้านหน้าต่างกันเล็กน้อย
และ ไต้หวัน ได้เปิดตัว NEW Toyota Camry เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2024 คาดว่าเวอร์ขั่นไทย อาจได้ดีไซน์ด้านหน้าแบบไต้หวัน ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ชุดไฟตัดหมอก ต่างจากเวอร์ชั่นอเมริกา และ จีน เป็นการผสมผสานระหว่างทั้งสองแบบ
สำหรับประเทศไทย คาดว่าน่าจะอ้างอิงดีไซน์ภายนอก – ภายในห้องโดยสาร เช่นเดียวกับ เวอร์ชั่นไต้หวัน และ จะมีให้เลือกเพียงขุมพลังเดียวคือ HEV Hybrid ยกเลิกเครื่องยนต์เบนซินล้วน 2.5 ลิตร ออกไป เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง Honda Accord
NEW Toyota Camry เวอร์ชั่นไทย เตรียมเปิดตัวในช่วงต้นเดือน ตุลาคม 2024 คาดว่าจะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย โดยเป็นขุมพลัง HEV Hybrid เท่านั้น
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.