แมนนี ปาเกียว (อังกฤษ: Manny Pacquiao) นักมวยสากล, นักบาสเกตบอล และนักการเมืองชาวฟิลิปปินส์ เจ้าของฉายา เดอะแพ็คแมน (The Pac Man) นับเป็นนักมวยสากลอาชีพที่ได้เป็นแชมป์โลก 8 รุ่นคนแรกของโลก (ในสถาบัน WBA, WBC,IBF,WBO และเดอะริง)​

ข้อมูลเบื้องต้น แมนนี ปาเกียว, เกิด ...
แมนนี ปาเกียว
เกิดเอ็มมานูเอล ดาปิดราน ปาเกียว
17 ธันวาคม พ.ศ. 2521 (45 ปี)
สถิติขึ้นชก[1]
ชกทั้งหมด72
ชนะ62 (ชนะน็อก 39)
ชนะน็อก39
แพ้8 (แพ้น็อก 3)
เสมอ2
ปิด
Thumb
ปาเกียว กับ เฟรดดี โรช เทรนเนอร์

ประวัติ

แมนนี ปาเกียว เกิดวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2521 ที่เมืองบูคิดโนน ประเทศฟิลิปปินส์ มีชื่อเต็มว่า เอ็มมานูเอล ดาปิดราน ปาเกียว (Emmanuel Dapidran Pacquiao) ในครอบครัวที่ยากจนมากที่เมืองบูคิดนอน ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ โดยเป็นลูกชายคนที่ 2 ในบรรดาลูก ๆ ทั้งหมด 4 คน ของ โรซาลิโอ และ ดิโอนิเซีย ปาเกียว ทั้งคู่แยกทางกันตั้งแต่ปาเกียวยังเล็ก ๆ ปาเกียวขึ้นชกมวยด้วยความยากจน ขึ้นชกมวยสากลอาชีพครั้งแรกเมื่อต้นปี พ.ศ. 2538 ที่กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ได้ค่าตัวครั้งแรก 100 เปโซ โดยส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวตลอด[2]

แมนนี ปาเกียว ถือเป็นนักมวยฟิลิปปินส์ที่ไม่เหมือนกับนักมวยฟิลิปปินส์รายอื่น ๆ ด้วยเป็นมวยทรหด หมัดหนักทั้งซ้ายและขวา จิตใจห้าวหาญไม่กลัวใคร และสภาพร่างกายแข็งแกร่ง โดยปาเกียวสามารถเอาชนะนักมวยไทยที่มีฝีมือเก่งกาจได้ถึง 2 คน คือ โชคชัย โชควิวัฒน์ และ ฉัตรชัย สาสะกุล โดยเฉพาะฉัตรชัย เป็นการเอาชนะน็อกไปโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนด้วย ในประเทศไทย และยังเป็นผู้แย่งตำแหน่งแชมป์โลก WBC ในรุ่นฟลายเวทไปจากฉัตรชัย ถือเป็นแชมป์โลกครั้งแรกของปาเกียว อย่างไรก็ตาม ปาเกียวก็เสียตำแหน่งแชมป์ดังกล่าวคืนให้กับนักมวยชาวไทย ด้วยการแพ้น็อก เม็ดเงิน กระทิงแดงยิม ไปเพียงยกที่ 3 ซึ่งเป็นการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 ของปาเกียว โดยก่อนการชกปาเกียวมีปัญหาเรื่องการลดน้ำหนักตัวอย่างมาก จนทำให้ต้องเสียตำแหน่งไปเมื่อไม่สามารถทำน้ำหนักให้อยู่ในพิกัดได้[3] ซึ่งเม็ดเงินถือเป็นนักมวยเพียง 1 ใน 5 คนที่สามารถเอาชนะปาเกียวได้ และเป็นเพียง 1 ใน 3 คนเท่านั้นที่สามารถน็อกปาเกียวลงได้

หลังจากนั้นปาเกียวก็ได้เดินทางไปชกมวยและใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะมีชื่อเสียงในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน

ปัจจุบัน แมนนี ปาเกียว กลายเป็นนักมวยระดับโลก และเป็นนักมวยชาวเอเชียรายแรกที่ได้ครองแชมป์โลกถึง 8 รุ่น นับว่าเป็นแชมป์โลกชาวเอเชียคนแรกที่ทำได้ถึงเช่นนี้ เพราะโดยปกติจะไม่มีโอกาสของนักมวยชาวเอเชียถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับว่าเป็นนักมวยที่ดีที่สุดในโลกปอนด์ต่อปอนด์ มักได้รับการติดต่อให้ไปชกที่สหรัฐอเมริกาบ่อย ๆ มีค่าตัวไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท เคยปะทะฝีมือกับยอดนักมวยระดับโลกมาแล้วหลายคน ซ้ำยังเอาชนะได้อีกต่างหาก เช่น มาร์โก อันโตนิโอ บาร์เรรา, เอริก โมราเลส, ฆวน มานูเอล มาร์เกซ, ออสการ์ เดอ ลา โฮยา, ริกกี แฮตตัน, อันโตนิโอ มาร์การิโต เป็นต้น จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักกีฬาชาวฟิลิปปินส์ที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุด และเป็นหนึ่งในชาวฟิลิปปินส์ที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุดเทียบเท่าประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย เลยทีเดียว นอกจากนี้ ปาเกียวยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญธงชาติฟิลิปปินส์ ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูร้อน 2008กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แม้ว่าตัวปาเกียวเองจะไม่ได้ร่วมการแข่งขันด้วยก็ตาม

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปาเกียวขึ้นชิงแชมป์โลก องค์กรมวยโลก (WBO) รุ่นเวลเตอร์เวท กับ มีเกล กอตโต​ นักมวยชาวปวยร์โตรีโก การชกเป็นไปอย่างดุเดือดโดย ปาเกียว สามารถส่ง กอตโต ลงไปนอนให้กรรมการนับ 8 ได้ในยกที่ 2 และ 3 และหลังจากนั้นปาเกียวก็เป็นไล่ชก กอตโต อยู่ฝ่ายเดียวจนกรรมการยุติการชกในยกที่ 12 ทำให้ ปาเกียวสามารถคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นที่ 7 มาครองได้สำเร็จ และนับเป็นนักมวยคนแรกของโลกที่ได้แชมป์โลกมากถึง 8 รุ่น และถือว่าเป็นนักมวยอันดับหนึ่งของโลกเมื่อเทียบกันแล้วปอนด์ต่อปอนด์ในยุคปัจจุบัน

ในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปาเกียวขึ้นชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก WBO รุ่นเวลเตอร์เวทของ โดยพบกับ ฆวน มานูเอล มาร์เกซ นักมวยชาวเม็กซิกันที่เคยพบกันมาก่อนหน้านี้แล้วถึง 3 ครั้ง แม้ปาเกียวจะเป็นฝ่ายที่เอาชนะไปได้ก่อนหน้าถึง 2 ครั้ง และเสมอหนึ่งครั้ง แต่ฝ่ายมาร์เกซอ้างว่าตนเองต่างหากที่สมควรเป็นผู้ชนะ สำหรับผลการชกในครั้งนี้ ปรากฏว่าปาเกียวเป็นฝ่ายเดินเข้าหามาร์เกซ แต่ถูกมาร์เกซดักสวนกลับไปได้หลายครั้ง จนหมด 12 ยก สภาพการณ์น่าจะเป็นมาร์เกซเป็นผู้ชนะคะแนน แต่เมื่อมีการประกาศคะแนนออกมาแล้ว ปรากฏว่ากรรมการทั้ง 3 ท่าน ให้มาร์เกซเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ คือ 114-114 ,115-113 และ 116-112 ค้านสายตาแฟนมวยในสนามและทั่วโลกที่นั่งชมการถ่ายทอดผ่านหน้าจอโทรทัศน์เป็นอย่างมาก[4]

ต่อมา ปาเกียวเป็นฝ่ายแพ้คะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ต่อ ทิโมธี แบรดลีย์ นักมวยผิวสีชาวอเมริกัน อดีตแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท ที่ทำน้ำหนักขึ้นมา และไม่เคยแพ้ใคร ด้วยคะแนน 113-115 ทั้ง 3 เสียง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555[5]

จากนั้น ในวันที่ 9 ธันวาคม ปีเดียวกัน ปาเกียวเปิดโอกาสให้มาร์เกซชกล้างตาอีกรอบเป็นครั้งที่ 4 ปรากฏว่าปาเกียวเป็นฝ่ายโดนมาร์เกซที่อยู่ในวัย 39 ปีแล้ว ชกลงไปนับ 8 ก่อนในยกที่ 4 จากนั้นปาเกียวได้นับ 8 คืนมาในยกที่ 5 และสามารถเรียกเลือดจากดั้งจมูกของมาร์เกซได้ แต่ในปลายยกที่ 6 ปาเกียวขณะโถมตัวบุกเข้ามา โดนหมัดขวาสวนของมาร์เกซเข้าเต็มคาง หน้าคว่ำลงไปนอนกับพื้นเวทีอย่างหมดสภาพ กรรมการยุติการชกทันที ทำให้ปาเกียวเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอไปในยกนี้ ด้วยเวลา 02.59 นาที ทำให้มาร์เกซเอาชนะปาเกียวได้เป็นครั้งแรกในการชกของทั้งคู่ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยถือว่าเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดของมาร์เกซ ขณะที่ปาเกียวนับเป็นการแพ้ติดต่อกันถึง 2 ครั้ง[6]

ต่อมาในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557 ปาเกียวได้มีโอกาสพบกับแบรดลีย์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ปาเกียวมีความมุ่งมั่นมากที่จะเอาชนะแบรดลีย์ให้ได้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ปาเกียวในขณะนี้ไม่ใช่ปาเกียวคนเดิมอีกแล้ว เพราะทั้งน้ำหนักหมัด และจังหวะความเร็วที่เคยเป็นจุดเด่น ก็ลดลงเป็นอย่างมาก ผลการชกปรากฏว่า ปาเกียวเป็นฝ่ายชนะคะแนนแบบเป็นเอกฉันท์ต่อแบรดลีย์ด้วยคะแนน 118-110, 116-112 และ 116-112 ทำให้ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง[7] [8]

ล่าสุด แมนนี ปาเกียว ได้เซ็นสัญญาชกกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักมวยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งสถิติการชกยังไม่เคยเสมอหรือแพ้ใคร เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจับตาและคาดหมายว่าควรจะได้ชกเพื่อพิสูจน์ฝีมือกันมานานแล้ว โดยกำหนดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ที่เอ็มจีเอ็มการ์เดนอารีนา ในนครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าค่าตัวของทั้ง 2 น่าจะไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) สำหรับ เมย์เวทเทอร์ จูเนียร์ จะได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 60 ขณะที่ ปาเกียว จะยอมรับส่วนแบ่งที่น้อยกว่า คือ ร้อยละ 40 รวมทั้งยังมีรายได้สิทธิประโยชน์ด้านอื่นตามมาอีก เช่น ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม [9]

ผลการชก ปรากฏว่า ปาเกียวเป็นฝ่ายเดินเข้าหาและออกหมัดเข้าใส่ ขณะที่เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เน้นการชกอยู่วงนอก และเต้นพลิ้วหลบหมัดของปาเกียวไปได้หลายครั้ง ในยกที่ 6 และ 8 ปาเกียวสามารถไล่เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เข้าไปที่มุมและรัดหมัดชุดใส่ได้ แต่ในยกต่อ ๆ มา เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กลับมาชกในรูปแบบเดิม เมื่อครบ 12 ยก ปาเกียวเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์ 118-110, 116-112 และ 116-112 [10] ซึ่งปาเกียวเชื่อว่า ตนน่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า [11] โดยหลังการชก ปาเกียวได้เปิดเผยว่า หัวไหล่ขวาของตนนั้นเกิดอาการกล้ามเนื้อฉีกขาดก่อนการชกราว 3 สัปดาห์ ทำให้ไม่สามารถออกหมัดขวาได้อย่างเต็มที่ และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลังการชก ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาพักรักษาตัวนานร่วมปี [12]

ชีวิตส่วนตัว

ปาเกียวนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแตนท์ ซึ่งเดิมเคยนับถือนิกายโรมันคาทอลิกมาก่อน[13] ชีวิตครอบครัว ปาเกียวสมรสกับจินกี้ จาโมร่า เมื่อปี พ.ศ. 2541 ขณะที่จินกี้อายุได้ 18 ปี ปาเกียวอายุ 19 ปี ปัจจุบันทั้งคู่มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 4 คน ปาเกียวเป็นนักมวยที่ไว้ผมยาวกว่านักมวยทั่วไป โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าเนื่องจากชื่นชอบบรูซ ลี จึงไว้เลียนแบบ[2]

การเมือง

ในปี พ.ศ. 2550 แมนนี ปาเกียวได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในระดับเทศบาลของกรุงมะนิลา แต่ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งไปแบบขาดลอย[2]

Thumb
ปาเกียวกับการเล่นบาสเกตบอล

ต่อมาในกลางปี พ.ศ. 2553 ปาเกียวได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดซารังกานี ในการเลือกตั้งทั่วไป และได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนที่ขาดลอยจากคู่แข่งเป็นอย่างมาก[14] ซึ่งปาเกียวมีความสนใจในการเมืองมานานแล้ว และยังเปรยหลายครั้งว่า หากได้เล่นการเมืองและได้รับเลือกตั้งอาจจะแขวนนวมเนื่องจากครอบครัวต้องการให้เลิกชกมวย[15]

บาสเกตบอล

นอกจากนี้แล้ว แมนนี ปาเกียวยังชื่นชอบการเล่นบาสเกตบอลอีกด้วย โดยทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ฝึกสอนและผู้เล่นของทีมเกีย โซเรนตอส โดยปาเกียวได้ลงแข่งบาสเกตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557 โดยสวมเสื้อหมายเลข 17 ได้ทำการลงแข่งเป็นเวลา 10 นาที กับทีม แบล็ควอเตอร์ อีลิท ในลีกบาสเกตบอลอาชีพของฟิลิปปินส์ ซึ่งปาเกียวทำคะแนนได้ 1 คะแนนอีกด้วย[16]

เกียรติประวัติ

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Wikiwand in your browser!

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.

Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.