Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2401 – 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472) มีนามเดิมว่า ปึก อดีตเจ้ากรมสรรพยุทธ กระทรวงกลาโหม สัสดีมณฑล ข้าหลวงทหารราบประจำกองพันตรีมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์)[1]: 130 อดีตนายทหารสังกัดกรมยุทธนาธิการ[note 1] อดีต ผบ.ร.พัน 30 (ลำปาง)[note 2] ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 7 รัชสมัยวาระนายพลเอก สมเด็จฯ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ (พระยศในขณะนั้น) เป็นผู้บังคับบัญชา
นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก โรจนกุล) | |
---|---|
เจ้ากรมสรรพยุทธ กระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2452 – พ.ศ. 2453 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ |
ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมยุทธนาธิการ | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2401 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 (71 ปี) แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงรัตนโกสินทร์ |
บุตร | 2 คน 1.พระยาชำนาญอักษร (ปลอบ โรจนกุล) 2. ร.อ.ต. โปรด โรจนกุล |
บุพการี |
|
อาชีพ | ทหารบก |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองทัพบกไทย กระทรวงกลาโหม |
ประจำการ | พ.ศ. 2431 – พ.ศ. 2477 |
ยศ | พันโท |
หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2401[3] ปีมะเส็ง ราวสมัยรัชกาลที่ 4ที่บ้านช่างหล่อ วังหลัง กรุงเทพพระมหานคร บิดาชื่อนายราชจํานง (นามเดิม: อู๋ โรจนกุล)[3] มหาดเล็กหุ้มแพรต้นเชือกเวรมหาใจภักดิ์ฝ่ายพระราชวังบวร บุตรของหลวงลิขิตปรีชา (คุ้ม โรจนกุล) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายพระบวรราชวัง (วังหน้า) บุตรชื่อ พระยาชำนาญอักษร (ปลอบ โรจนกุล)[4] และรองอำมาตย์ตรี โปรด โรจนกุล[5]
เดิมนายปึก รับราชการเป็นหุ้มแพรมหาดเล็กตำแหน่งพลทหารม้า[3] (บ้างก็เรียกว่านายทหารแถว) ในกรมทหารมหาดเล็ก[1]: 10 ต่อมาจึงได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นนายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก)
เมื่อ พ.ศ. 2429 นายพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) เข้าร่วมกระบวนพยุหยาตราชลมารคในการพระราชพิธีลงสรงสนานเฉลิมพระปรมาภิไธยสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 โดยทำหน้าที่กำกับเรือกราบกัญญา[6]: 353 คุมพลพายเรือกระบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (กรมวัง) ตามลำดับยศท้ายเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชสายนอก ลำดับเรือกราบกัญญาขนัดที่ 20 ลำที่ 1[6]: 358
เมื่อ พ.ศ. 2432 เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ในช่วงไปรับราชการที่เมืองอุบลราชธานี หลังจากที่ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) กลับราชการจากเมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน จุลศักราช 1251 (ตรงกับ พ.ศ. 2432)[7]: 126 [8]
ในปี พ.ศ. 2431 นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ โปรดให้จัดตั้งกองทหารประจำการตามหัวเมืองต่างๆ อย่างแบบยุโรป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิพักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) เป็นผู้บังคับกองทหารคนแรก นับว่าเป็นการการตั้งกองทหารแบบยุโรปเป็นครั้งแรก ซึ่งขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้รับพระราชทานพระกรุณาให้เข้าร่วมกองทหารแบบใหม่นี้ด้วย ในการนี้กรมมหาดไทยได้นำขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) และนายทหารอีก 7 นายเข้าเฝ้าถวายบังคมลา[9] ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ไปประจำกองทหารประจำการ ณ เมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง กับกองทหารของ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง จุลศักราช 1251 ปีฉลู ตรงกับ พ.ศ. 2432
ปรากฏใน พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ ของหม่อมอมรวงษ์วิจิตร์ (หม่อมราชวงศ์ปฐม) ว่า :-
โปรดเกล้า ฯ ให้กรมยุทธนาธิการส่งนายร้อยเอก ขุนพิศลยุทธการ (ปึก) ๑ นายร้อยตรีชื่น ๑ นายร้อยตรีคำ ๑ นายร้อยตรีพลับ ๑ นายร้อยตรีพึ่ง ๑ นายร้อยตรีวาด ๑ นายร้อยตรีพรหม ๑ กับพลแตรเดี่ยว ๑ ขึ้นไปรับราชการกับ ว่าที่นายพันตรี หลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ขุนพิศล ฯ กับนายร้อย ๗ นาย ได้ไปถึงเมืองอุบลเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม แล้วหลวงพิทักษ์นรินทร์จัดให้ ขุนพิศลฯ ๑ นายร้อยตรีพึ่ง ๑ นายร้อยตรีคล้าย ๑ นายร้อยตรีคำ ๑ ไปรับราชการอยู่กับหลวงพิทักษ์นรินทร์ (ผึ้ง) ณ ด่านเมืองตะโปน เมืองพิน เมืองนอง แลจัดให้นายร้อยตรีวาด ๑ นายร้อยตรีชื่น ๑ นายร้อยตรีพลับ ๑ นายร้อยตรีพรหม ๑ ไปรักษาราชการหน้าด่านเมืองนครจำปาศักดิ์...[10][7]: 115 [11]
เมื่อ พ.ศ. 2432 เอกสารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ หมายเลข ร.๕ ม.๒. ๑๒ ข/๖๑ จ.ศ. ๑๒๕๑ (พ.ศ. 2432) กล่าวว่า ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ตำแหน่งผู้บังคับการกองทหารมณฑลอีสานในขณะนั้น ถูกพระยาราชเสน (ทัด ไกรฤกษ์) ข้าหลวงกำกับราชการเมืองอุบลราชธานีกล่าวโทษว่าขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) นำเงินส่วยของหลวงไปใช้ซื้อม้าไว้ใช้ในราชการ ผลสอบสวนไม่พบความผิดตามคำกล่าวโทษนั้นจึงมีพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้คงตำแหน่งผู้บังคับการทหารมณฑลอีสานเดิมต่อไป[12]
ระหว่างที่ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ผู้บังคับการกองทหารมณฑลอีสานประจำกองทหารครั้งนั้นอยู่เกือบปี ปรากฏว่านายร้อยตรีคำในกองทหารป่วยเป็นไข้พิศม์ หรือไข้อายพิศม์[note 3] ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2432 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) จึงได้ประกอบพิธีศพตามธรรมเนียม ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช ๒๔๓๓ ว่า "...บอกพระราชเสนาข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ร.ศ. ๑๐๘ ว่า นายร้อยตรี นายคำ ซึ่งไปราชการเมืองตะโปนป่วยเป็นไข้พิศม์ พอ ณ วันที่ ๒๙ มกราคม นายร้อยตรี นายคำถึงแก่กรรม นายร้อยเอก ขุนพิสณฑ์ (ปึก) จัดการไหว้ศพตามธรรมเนียม..."[14] และได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการที่นั่นกระทั่งกลับราชการจากเมืองอุบลราชธานีมายังกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2434[11]: 183
เมื่อ พ.ศ. 2435 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นนายร้อยโทชั้นสัญญาบัตร เข้าประจำกองพันตรี กองทหารราบในมหาดเล็กรักษาพระองค์[15] กรมทหารบกราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์) โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ทรงเป็นผู้บังคับการในขณะนั้น[1]: 41–42
เมื่อ พ.ศ. 2436 ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้ไปเข้าร่วมราชการทหารกับกองทหารของพระพิเรนทรเทพ[16] เพื่อไปรักษาหัวเมืองลาวกาวมีหัวเมืองสำคัญ 7 เมือง[17] ได้แก่ เมืองอุบลราชธานี เมืองนครจำปาศักดิ์ เมืองศรีสะเกษ เมืองสุรินทร์ เมืองร้อยเอ็ด เมืองมหาสารคาม และเมืองกาฬสินธุ์ โดยพระยาจ่าแสนบดี ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย นำข้าราชการฝ่ายทหารเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน
เมื่อ พ.ศ. 2441 หนังสือพิมพ์บางกอกสมัย ฉบับวันที่ ๔ ธันวาคม ร.ศ. ๑๑๗ รายงานข่าวหัวเมือง “บ้านหมากแข้ง แขวงกุมภวาปี” กล่าวถึงงานบุญบ้านหมากแข้งมีการประชุมเล่นนักขัตฤกษ์ และงานรื่นเริงที่หนองมหาสนุก ณ บ้านหมากแข้ง (จังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน) แขวงกุมภวาปี มณฑลลาวพวน ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ผู้บังคับการกองทหารมณฑลลาวพวนในขณะนั้นออกร้านขายถั่วยี่สงคั่วและต้มที่เรือนแพรอบหนองมหาสนุก[18]
ภายหลังมียศที่นายพันตรี ขุนพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 30 (ผบ.ร.พัน 30) (ลำปาง) กรมยุทธนาธิการ และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถือศักดินา 800[19] ระหว่างรับราชการเมื่อ พ.ศ. 2445 ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ 34 บาท[20] เพื่อก่อสร้างโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล มลฑลอุดร ในคราวเหตุการณ์เพลิงไหม้ของโรงเรียนสอนหนังสือไทยบ้านหมากแข้ง (ชื่อโรงเรียนเดิม) ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมทรงสร้างไว้ กระทั่งปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน กระทรวงกลาโหม มียศสุดท้ายเป็น นายพันโท หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ถือศักดินา 2000[21]: 362
เมื่อ พ.ศ. 2452 เป็นเจ้ากรมสรรพยุทธ สังกัดกระทรวงกลาโหมถัดจากนายพันเอก พระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ เจ้ากรมสรรพยุทธคนก่อน[22] จนครบเกษียณอายุราชการจึงได้ลาออกจากประจำการเป็นนายทหารกองหนุน กรมทหารราบที่ 3 กระทรวงกลาโหม เมื่อ พ.ศ. 2453 แล้วปลดประจำการเป็นนายทหารนอกราชการบำนาญ กรมทหารราบที่ 3[3]
เมื่อ พ.ศ. 2460 หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ได้เป็นทหารอาสาสมัครไปปฏิบัติภารกิจราชการทหารในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้ไปจนถึงทวีปยุโรป[23]: 53 อันเนื่องมาจากประกาศเสนาบดีกระทรวงหลาโหมเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความประสงค์เต็มใจอาสาในการสงคราม เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2460[1]: 107 และพ้นราชการเมื่อ พ.ศ. 2472[3]
หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) ป่วยเป็นโรคไส้เลื่อนถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472[3] สิริรวมอายุได้ 71 ปี เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) คุณหญิงรามราฆพ (ประจวบ พึ่งบุญ) เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) และ พล.ต.ต.นิตย์ สุขุม บุตรเจ้าคุณยมราชได้กระทำฌาปนกิจศพเมื่อวันอาทิยต์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2477 เพลาบ่าย ณ วัดอมรินทรารามวรวิหาร[24]
หมายเหตุ: ชื่อบรรดาศักดิ์จากหลักฐานบ้างก็ปรากฏว่า พิสณฑ์ยุทธการ พิศลยุทธการ หรือ พิสันฑ์ยุทธการ[31] ทว่าหลักฐานต่างๆ กล่าวว่าข้าราชการผู้นี้มีนามเดิมชื่อ ปึก ตรงกัน
หลวงพิสณฑ์ยุทธการ (ปึก) มีตำแหน่งราชการดังต่อไปนี้[3]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.