ราชวงศ์ชิง
จักรวรรดิจีนที่นำโดยชาวแมนจู ตั้งแต่ ค.ศ. 1636 ถึง ค.ศ. 1912 / From Wikipedia, the free encyclopedia
ราชวงศ์ชิง (ภาษาแมนจู: daicing gurun; ภาษาจีน:清朝 ; พินอิน: qīng cháo ชิงเฉา ; ) หรือบ้างเรียก ราชวงศ์แมนจู ปกครองแผ่นดินจีนต่อจากราชวงศ์หมิง และถือเป็นราชวงศ์สุดท้ายของประเทศจีน ตั้งแต่ ค.ศ. 1636 ถึง ค.ศ. 1912
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ โดยแก้ศักราชคืนเป็น ค.ศ. ตามเดิม เพราะก่อนเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ปีเหลื่อมกันอยู่ ไม่อาจเอา 543 บวกลบตามปกติได้ คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
จักรวรรดิต้าชิง 大清 | |||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1636–1912 | |||||||||||||||||||||||
อาณาเขตของจักรวรรดิชิงในช่วงที่แผ่อำนาจกว้างที่สุดในปี ค.ศ. 1760 ดินแดนภายใต้การควบคุมของราชสำนักแสดงด้วยสีเขียวเข้ม และดินแดนที่อ้างสิทธิ์แต่มิได้ควบคุมแสดงด้วยสีเขียวอ่อน | |||||||||||||||||||||||
สถานะ | จักรวรรดิ | ||||||||||||||||||||||
เมืองหลวง | เฉิ่นหยาง (ค.ศ. 1636–1644) ปักกิ่ง (ค.ศ. 1644–1912) | ||||||||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาจีน ภาษาแมนจู ภาษามองโกล | ||||||||||||||||||||||
ศาสนา | เต๋า, ขงจื๊อ, พุทธ, คริสต์, อิสลาม, อื่นๆ | ||||||||||||||||||||||
เดมะนิม | ชาวจีน | ||||||||||||||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ (ค.ศ.1636–1911) ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (ค.ศ.1911–1912) | ||||||||||||||||||||||
จักรพรรดิ | |||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1636-1643 | จักรพรรดิฉงเต๋อ (พระองค์แรก) | ||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1661-1722 | จักรพรรดิคังซี | ||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1908-1912 | จักรพรรดิเซฺวียนถ่ง (พระองค์สุดท้าย) | ||||||||||||||||||||||
นายกรัฐมนตรี | |||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1911 | ยี่กวัง เจ้าแห่งชิง | ||||||||||||||||||||||
• ค.ศ. 1911-1912 | ยฺเหวียน ชื่อไข่ | ||||||||||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | สภาพิจารณา (ค.ศ. 1636–1733) สภาที่ปรึกษา (ค.ศ. 1910–1912) | ||||||||||||||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||||||||||||||
• การก่อตั้งจินยุคหลัง | ค.ศ. 1616 | ||||||||||||||||||||||
• เปลี่ยนชื่อจาก "จิน" เป็น "ชิง" | เมษายน ค.ศ. 1636 | ||||||||||||||||||||||
6 มิถุนายน ค.ศ. 1644 | |||||||||||||||||||||||
ค.ศ. 1755-1792 | |||||||||||||||||||||||
ค.ศ. 1850-1864 | |||||||||||||||||||||||
ค.ศ. 1898 | |||||||||||||||||||||||
12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 | |||||||||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||||||||
140,000,000 | |||||||||||||||||||||||
301,000,000 | |||||||||||||||||||||||
395,918,000 | |||||||||||||||||||||||
|
จักรวรรดิชิง | |||||||||
ชื่อภาษาจีน | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาษาจีน | 清朝 | ||||||||
| |||||||||
มหาจักรวรรดิชิง | |||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 大清帝國 | ||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 大清帝国 | ||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์จินยุคหลัง | |||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 後金朝 | ||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 后金朝 | ||||||||
| |||||||||
ชื่อภาษาแมนจู | |||||||||
อักษรแมนจู | | ||||||||
อักษรโรมัน | Daiqing gurun ไดชิง กูรุง อมากา ไอซิง กูรุง | ||||||||
ราชวงศ์ชิงไม่ได้ก่อตั้งโดยชาวฮั่นซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศจีน แต่เป็นชาวแมนจูซึ่งอาศัยอยู่ในเขตแมนจูเรีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน ในสมัยนั้น ชาวแมนจูเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยเร่ร่อนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งยังไม่มีคนรู้จักมากนั้น ในช่วงที่ราชวงศ์หมิงของชาวจีนฮั่นอยู่ในสภาพอ่อนแอ เกิดจลาจลและการเมืองไร้เสถียรภาพ
ราชวงศ์ชิงนั้นได้ก่อตั้งโดยชนเผ่าหนู่เจิน โดยตระกูลอ้ายซินเจว๋หลัวเป็นผู้นำ ตั้งอยู่ในดินแดนแมนจูเรีย ในปลายศตวรรษที่สิบหก นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ผู้นำเผ่าหนู่เจินได้แข็งข้อไม่ยอมขึ้นกับราชวงศ์หมิงและได้เริ่มจัดตั้งกองทัพแปดกองธงขึ้น ซึ่งเป็นกองทัพที่รวมเผ่าต่าง ๆ เข้าด้วยกัน อันได้แก่ ชาวหนู่เจิน, ชาวจีนฮั่นและ ชาวมองโกล นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ได้รวมเผ่าหนู่เจินเป็นปึกแผ่นและเปลี่ยนชื่อเป็น แมนจู นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ถือได้ว่าเป็นผู้นำชาวแมนจูคนแรกที่ได้ถือโอกาสรวบรวมกำลังพล ในปี ค.ศ. 1637 หฺวัง ไถจี๋ โอรสของนู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ได้นำกองทัพขับไล่กองทัพราชวงศ์หมิงออกจากคาบสมุทรเหลียวตง และก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ ชื่อว่า ราชวงศ์ชิง
ในปี ค.ศ. 1636 ได้เกิดกบฎชาวนานำโดย หลี่ จื้อเฉิง นำกำลังเข้ายึดกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของราชวงศ์หมิง นำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์หมิง หลี่ จื้อเฉิงได้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิก่อตั้งราชวงศ์ชุนขึ้นมาแทน ในขณะเดียวกันผู้นำราชวงศ์ชิง จักรพรรดิซุ่นจื้อ ได้เริ่มนำกองทัพรุกรานแผ่นดินจีนและล้อมกรุงปักกิ่ง อู๋ ซานกุ้ย แม่ทัพราชวงศ์หมิงผู้ทรยศ ได้แอบติดต่อกับกองทัพแมนจูลับ ๆ และเปิดประตูป้อมด่านซันไห่ ทำให้กองทัพแมนจูแปดกองธง นำโดยตัวเอ่อร์กุ่น เข้ายึดกรุงปักกิ่งได้สำเร็จ ราชวงศ์ชุนล่มสลาย
เมื่อกองทัพแมนจูนำเข้าบุกยึดกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นอดีตราชธานีของราชวงศ์หมิงได้ จักรพรรดิซุ่นจื้อได้สถาปนา จักรวรรดิต้าชิง (ภาษาจีน: 大清帝國, พินอิน: dàqīngdìguó) แต่ในระยะแรกของปกครองของราชวงศ์ชิง ชาวแมนจูได้เรียกตำแหน่งจักรพรรดิของตนว่า ข่าน ตามแบบมองโกล จักรพรรดิแมนจูยังทรงให้การอุปถัมภ์ศาสนาพุทธแบบทิเบต ราชวงศ์ชิงปกครองโดยใช้รูปแบบขงจื๊อ แต่ในการปกครองนั้นยังมีชาวจีนฮั่นที่ต่อต้านการปกครองของชาวแมนจูอยู่ และได้รวมตัวกันเป็นอาณาจักรหมิงใต้และได้เกิดกบฏสามเจ้าศักดินา ของอู๋ ซานกุ้ย แต่ก่อกบฎของชาวฮั่นได้ถูกทางการราชวงศ์ชิงปราบปรามได้สำเร็จ ในรัชสมัยของจักรพรรดิคังซี (พ.ศ. 2204–2265) ภายหลังการต่อต้านของชาวฮั่นนั้นทำให้ราชวงศ์ชิงหันมาใช้นโยบายประนีประนอมและผ่อนปรน โดยอนุญาตให้ชาวฮั่นมีสิทธิ์สอบจอหงวนเข้ารับราชการ และมีสิทธิ์เท่าเทียมกับชาวแมนจูได้บางอย่าง
ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงถือเป็นยุคทองที่รุ่งเรืองของราชวงศ์ชิง พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะขยายอาณาเขตของจักรวรรดิต้าชิงโดยรวมเอเชียกลางและบางส่วนของ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พม่าและเวียดนาม สิ่งนำไปสู่การรบครั้งใหญ่หรือที่เรียกว่า สิบการทัพใหญ่ ตลอดรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงมีการใช้ระบบรัฐบรรณาการหรือจิ้มก้อง โดยจะมีการเรียกเครื่องราชบรรณาการจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน
ในปลายสมัยของราชวงศ์ชิง ถือว่าได้เป็นยุคตกต่ำของราชวงศ์ การปกครองของราชวงศ์เป็นไปด้วยความล้มเหลว เกิดการฉ้อโกง สังคมเสื่อมโทรม ภาวะอดอยาก อีกทั้งต้องประสบกับการถูกรุกรานจากบรรดาชาตินักล่าอาณานิคมเนื่องจากในขณะนั้นเกิดจักรวรรดินิยมและลัทธิล่าอาณานิคมขึ้น ประเทศตะวันตกในยุโรป ได้เริ่มล่าอาณานิคมในเมืองจีน โดยมีจักรวรรดิอังกฤษเป็นชาติแรก อังกฤษได้นำฝิ่นมามอมเมาชาวจีนทำให้ราชสำนักชิงอ่อนแอ นำไปสู่สงครามฝิ่นถึง 2 ครั้ง ซึ่งราชวงศ์ชิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทำให้ต้องสูญเสียเกาะฮ่องกงแก่อังกฤษ อีกทั้งต้องทำสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมจำนวนมากกับชาติตะวันตก และจีนต้องเสียเกาะมาเก๊าให้โปรตุเกส รวมถึงเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ราชวงศ์ชิงยังพ่ายแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง ซึ่งทำให้จีนสูญเสียเกาหลีและเกาะไต้หวัน แก่ญี่ปุ่น อีกทั้งการเกิดกบฎนักมวย ในปี พ.ศ. 2442 ทำให้ชาวจีนรู้สึกอัปยศอดสูเป็นอย่างมาก จักรพรรดิกวางสูได้ทรงพยายามทำการปฏิรูปพัฒนาประเทศให้ทันสมัยแต่แผนการของพระองค์กลับถูกทำลายลงโดย พระนางซูสีไทเฮา ซึ่งถือเป็นผู้ขัดขวางการพัฒนาสู่สมัยใหม่ของจักรวรรดิต้าชิง
ตลอดระยะเวลาที่ราชวงศ์ชิงระส่ำระส่าย เป็นประเทศล้าหลังและวุ่นวาย ชาวจีนถูกชาวตะวันตกและญี่ปุ่น ขนานนามว่าเป็น ขี้โรคแห่งเอเชีย ทำให้ชาวจีนบางส่วนต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศ โดยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เจริญและเป็นประชาธิปไตย โดยมีขบวนการถงเหมิงฮุ่ย มี ดร. ซุน ยัตเซ็น เป็นผู้นำ ราชวงศ์ชิงครองแผ่นดินจีนจนถึงปี พ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ซึ่งเป็นการลุกฮือต่อต้านราชวงศ์ชิง ราชวงศ์ชิงถูกยึดอำนาจในปีนั้น และใน พ.ศ. 2455 จักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเวลานับ 5,000 ปีของประวัติศาสตร์จีน ถงเหมิงฮุ่ยได้เปลี่ยนแปลงประเทศนำไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย และมีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐจีน