Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มาโกะ โคมูโระ (ญี่ปุ่น: 小室 眞子; โรมาจิ: Komuro Mako; ประสูติ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534) หรือพระนามเดิม เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ[1][2] (ญี่ปุ่น: 眞子内親王; โรมาจิ: Mako Naishinnō) เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ กับเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ เป็นพระภาติยะในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เคยทรงงานเป็นนักวิจัยในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียว[3] ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เพื่อเสกสมรสกับเค โคมูโระ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564
มาโกะ โคมูโระ | |
---|---|
มาโกะเมื่อวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2558 | |
เกิด | เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
การศึกษา | มหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน (ศศ.บ.) มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ (ศศ.ม.) |
อาชีพ | นักวิจัย |
คู่สมรส | เค โคมูโระ (พ.ศ. 2564–ปัจจุบัน) |
บิดามารดา | เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ เจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ |
มาโกะประสูติเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง กรุงโตเกียว เป็นพระบุตรพระองค์ใหญ่จากทั้งหมดสามพระองค์ในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ กับเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ มีพระขนิษฐาและพระอนุชาคือเจ้าหญิงคาโกะและเจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะ ตามลำดับ[4]
มาโกะสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกากูชูอิงอันเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ในปี พ.ศ. 2553 ทรงศึกษาต่อด้านภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ณ วิทยาลัยทรีนิตีในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์[5] ขณะที่พระองค์ฝึกงาน ทรงปฏิสันถารอย่างไม่เป็นทางการกับแมรี แมคาลิส (Mary McAleese) ประธานาธิบดีแห่งไอร์แลนด์ และทรงท่องเที่ยวในประเทศไอร์แลนด์เหนือ[6] ต่อมาทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาปริญญาตรีสาขามรดกด้านศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน โตเกียว จนสำเร็จการศึกษาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557[7][8] นอกจากนี้พระองค์ยังได้รับอนุญาตให้ขับรถในญี่ปุ่นและทรงมีใบอนุญาตขับขี่ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี[9][10][11] ต่อมาวันที่ 17 กันยายนปีเดียวกันนั้น ทรงเข้าศึกษาสาขาพิพิธภัณฑ์ศึกษา มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี จนสำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาดังกล่าวในปี พ.ศ. 2559[12] ก่อนหน้านี้ ทรงศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 รวมเป็นระยะเวลา 9 เดือนในโปรแกรมนักศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม[13][14][15][16]
ศูนย์การแพทย์โตเกียวเอ็นเอ็นที (NTT Tokyo Medical Center) วินิจฉัยว่ามาโกะประชวรด้วยโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-traumatic stress disorder) ตั้งแต่ยังทรงศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น[17][18][19][20]
ในปี พ.ศ. 2546 เจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะตามเสด็จพระบิดาและมารดาเสด็จเยือนประเทศไทยด้วยพระบิดาเป็นพระสหายของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งถือเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะ[21]
ในปี พ.ศ. 2549 เจ้าชายฟูมิฮิโตะและเจ้าหญิงมาโกะประกอบศาสนกิจที่ศาลเจ้าอิเซะ[22] ต่อมาพระองค์ตามเสด็จพระบิดามารดาและพระขนิษฐามาประเทศไทยในวันที่ 7-13 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และทรงร่วมวิจัยปักษีวิทยาของพระบิดา[23]
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554 พระองค์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 และทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่[24] เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 พระองค์เป็นอาสาสมัครปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 โดยไม่มีพระประสงค์แสดงพระองค์ว่าเป็นเจ้านาย[25]
เจ้าหญิงมาโกะสนพระทัยในกิจการของผู้พิการทางการได้ยินเช่นเดียวกับเจ้าหญิงคิโกะ พระมารดา ทั้งนี้พระองค์สามารถสื่อสารด้วยภาษามือญี่ปุ่นได้[26]
ระหว่างที่ยังทรงศึกษาในโรงเรียนกากูชูอิงนั้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 พระองค์ได้เสด็จไปประเทศออสเตรียจากโครงการร่วมบ้านกับคนท้องถิ่น (homestay program) ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียน และประทับที่นั้นเป็นเวลาสองสัปดาห์ ทรงประทับในบ้านของชายออสเตรียในเวียนนาซึ่งเป็นสหายของทัตสึฮิโกะ คาวาชิมะ พระอัยกาฝ่ายพระมารดา ทั้งนี้ทรงสนพระทัยด้านศิลปะและวัฒนธรรม ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์ อาสนวิหารนักบุญสเทเฟน และพระราชวังเชินบรุนน์[27][28]
พระองค์เคยหาประสบการณ์พิเศษจากการทรงงานในพิพิธภัณฑ์โคเวนทรีระหว่างที่ยังทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร[29] ปัจจุบันเจ้าหญิงมาโกะทรงงานเป็นนักวิจัยในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียว[30]
เจ้าหญิงมาโกะเป็นเน็ตไอดอลมาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 หลังมีพระฉายาลักษณ์ขณะทรงฉลองพระองค์นักเรียนแบบกะลาสีออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ต่อมาพระฉายาลักษณ์ดังกล่าวและวีดิโอที่จัดทำโดยแฟนอาร์ตที่ชื่นชมเจ้าหญิงคาโกะพระขนิษฐา ถูกอัปโหลดลงเว็บไซต์นิโกนิโกโดงะ (ญี่ปุ่น: ニコニコ動画) อันเป็นเว็บไซต์ที่แบ่งปันวีดิโอที่ชนนิยม ผลคือมีผู้รับชมกว่า 340,000 ครั้ง และมีผู้แสดงความเห็น 86,000 ข้อความ ส่วนสำนักพระราชวังอิมพีเรียลได้แสดงความเห็นว่าไม่ทราบว่าจะจัดการกับปรากฏการณ์นี้อย่างไร เพราะพวกเขาไม่เห็นร่องรอยแห่งการอาฆาตมาดร้ายหรือดูหมิ่นพระราชวงศ์[31]
เจ้าหญิงมาโกะทรงคบหากับเค โคมูโระ (ญี่ปุ่น: 小室圭; โรมาจิ: Komuro Kei) ชายสามัญชนผู้เคยศึกษาในมหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียนด้วยกัน[32][33] ทั้งสองพบกันครั้งแรก ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านชิบูยะ[21] โคมูโระเคยทำงานเป็นนายธนาคาร[21] ขณะนั้นกำลังศึกษาวิชาเอกกฎหมาย สถาบันมหาบัณฑิตยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮิตตสึบาชิ[34] เจ้าชายฟูมิฮิโตะและโคมูโระปฏิเสธการสืบค้นปูมหลังโดยสำนักพระราชวังก่อนพระราชพิธีหมั้น หลังจากนั้นจึงเกิดการขุดคุ้ยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโคมูโระขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาว เช่น ชีวิตสมรสและการฉ้อโกงเงินของมารดานายโคมูโระ และกรณีโคมูโระกลั่นแกล้งเพื่อนในชั้นเรียน[35][36]
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560 สำนักพระราชวังญี่ปุ่นได้ประกาศว่าเจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระจะมีการหมั้นหมายกัน[37] โดยจะมีพิธีหมั้นในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561 และจะมีพิธีเสกสมรสในวันที่ 4 พฤศจิกายนปีเดียวกัน[38][39] ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 สำนักพระราชวังประกาศเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปจนถึงปี พ.ศ. 2563 และให้เหตุผลว่าทั้งสองยังไม่พร้อมสำหรับการเสกสมรส[40][41] โดยเจ้าหญิงมาโกะทรงกล่าวขออภัยมาด้วยว่า "ข้าพเจ้าขออภัยที่สร้างความวุ่นวายและภาระที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ที่ช่วยเหลือเราในการเตรียมงาน"[42][43] รวมทั้งเพื่อรอให้ผ่านพ้นพิธีสละพระราชบัลลังก์ของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระอัยกาในปี พ.ศ. 2562 ออกไปก่อน[44] ทั้งนี้เจ้าหญิงมาโกะจะเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่เก้าที่เสกสมรสกับชายสามัญชน และจะต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ตามกฎมนเทียรบาล[45] แต่พระราชพิธีเสกสมรสถูกระงับไว้ เพราะปัญหาด้านการเงินของมารดานายโคมูโระ[46][47] นอกจากนี้แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่าตาของนายโคมูโระมีเชื้อสายเกาหลี[48]
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 สำนักข่าวเอ็นเอชเครายงานข่าวว่าเจ้าหญิงมาโกะจะเสกสมรสกับนายโคมูโระในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 แต่จะไม่มีการจัดพิธีหมั้นและพิธีเสกสมรสตามธรรมเนียมญี่ปุ่น รวมทั้งทรงปฏิเสธเงินบำเหน็จการลาออกจากฐานันดรศักดิ์จำนวน 150 ล้านเยน หรือราว 44 ล้านบาท โดยหลังจากพิธีเสกสมรสเสร็จสิ้นลงแล้ว พระองค์จะออกไปใช้ชีวิตกับพระภัสดาที่นิวยอร์ก สหรัฐ[49][50]
ที่สุดเจ้าหญิงมาโกะและโคมูโระได้จดทะเบียนสมรสภายในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 หรือวันสามวันหลังวันครบรอบวันประสูติของเจ้าหญิง[51] พระองค์ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์หลังการเสกสมรส เช่นเดียวกับซายาโกะ คูโรดะ ซึ่งเป็นพระปิตุจฉา[52] หลังการจดทะเบียนสมรส มีการตั้งโต๊ะสัมภาษณ์ ทั้งสองจะตอบคำถามที่สื่อมวลชนญี่ปุ่นส่งมาล่วงหน้า ทั้งนี้เพื่อป้องกันคำถามที่รุนแรง เพราะมาโกะยังประชวรด้วยโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง[53]
มาโกะออกไปประทับ ณ พระตำหนักส่วนพระองค์ย่านชิบูยะเพื่อรอหนังสือเดินทางและวีซ่าสหรัฐ เพราะเมื่อลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว จะต้องย้ายออกจากพระราชวังของพระราชวงศ์ตามกฎหมาย[54] และจะติดตามพระภัสดาซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมใน พ.ศ. 2564 และทำงานในบริษัทกฎหมายโลเวนสไตน์แซนด์เลอร์ แอลแอลพี (Lowenstein Sandler LLP) ในนิวยอร์ก[19][20] วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 มาโกะและโคมูโระเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ชีวิตที่สหรัฐ[55][56]
พงศาวลีของมาโกะ โคมูโระ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.