Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าซ็องจง (เกาหลี: 성종; ฮันจา: 成宗; อาร์อาร์: Seongjong; เอ็มอาร์: Sŏngchong ค.ศ. 1457 - ค.ศ. 1495) เป็นกษัตริย์องค์ที่เก้าแห่งราชวงศ์โชซ็อน ก่อนขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าเยจงแห่งโชซ็อน พระปิตุลา (อา) ของพระองค์ พระองค์เป็นที่รู้จักในพระนาม เจ้าชายจัลซัน (เกาหลี: 잘산대군)
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
พระเจ้าซ็องจงแห่งโชซ็อน | |
---|---|
พระมหากษัตริย์แห่งโชซ็อน | |
ครองราชย์ | 31 ธันวาคม พ.ศ. 2012 — 25 ธันวาคม พ.ศ. 2037 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าเยจง |
ถัดไป | ย็อนซันกุน |
พระราชสมภพ | 19 สิงหาคม พ.ศ. 2000 อี ฮย็อล (이혈, 李娎) |
สวรรคต | 19 มกราคม พ.ศ. 2038 (37 พรรษา) |
คู่อภิเษก | พระมเหสีคงฮเย อดีตพระมเหสีแจฮยอน พระมเหสีจองฮย็อน |
พระราชบุตร | ย็อนซันกุน พระเจ้าชุงจง |
ราชวงศ์ | โชซ็อน (ราชสกุอี) |
พระราชบิดา | เจ้าชายรัชทายาทอึยคยอง |
พระราชมารดา | พระพันปีอินซู |
พระเจ้าซ็องจง มีพระนามเดิมคือ องค์ชายจาซัน (자산군, 者山君) พระราชสมภพเมื่อค.ศ. 1457 เป็นพระโอรสขององค์ชายรัชทายาทอีกยอง (의경세자, 懿敬世子) และพระชายาซูบิน ตระกูลฮัน แต่ทว่าพระราชบิดาก็ได้สิ้นพระชนม์ไปในปีเดียวกัน องค์ชายแฮยางพระอนุชาขององค์ชายรัชทายาทอีกยองจึงได้เป็นองค์ชายรัชทายาทแทน และขึ้นครองบัลลังก์เมื่อค.ศ. 1468 เป็นพระเจ้าเยจง (예종, 睿宗) ในค.ศ. 1467 องค์ชายจาซานทรงเปลี่ยนพระนามเป็น องค์ชายจัลซัน (잘산군, 乽山君) และอภิเษกกับธิดาของฮันมยองฮี (한명회, 韓明澮) คือ พระชายาชอนฮัน ตระกูลฮัน (천안군부인, 天安郡夫人 ภายหลังเป็น พระมเหสีคงฮเย (공혜왕후, 恭惠王后))
แต่พระเจ้าเยจงก็อยู่ในราชสมบัติได้ไม่นานสวรรคตไปเสียก่อนในค.ศ. 1469 โดยที่ทรงเหลือพระโอรสพระชนมายุสี่ชันษาไว้ คือ องค์ชายเจอัน (제안대군, 齋安大君) พระมเหสีจองฮี หรือ พระพันปีจาซ็อง ร่วมกับชินซุกจู (신숙주, 申淑舟) และฮันมยองฮี ได้ตัดสินพระทัยว่าองค์ชายเจอันนั้นพระชนมายุน้อยเกินกว่าจะเป็นกษัตริย์ และยกราชบัลลังก์ให้กับพระโอรสองค์โตขององค์ชายรัชทายาทอีกยอง คือองค์ชายโวลซาน (월산군, 月山君) แต่พระองค์นั้นมีพระพลานามัยไม่สู้ดีนัก จึงมอบราชบัลลังก์ให้แก่พระอนุชาขององค์ชายโวลซาน คือ องค์ชายจัลซาน
องค์ชายจัลซานจึงขึ้นครองราชสมบัติด้วยพระชนมายุเพียงสิบสามพระชันษา และมีพระอัยยิกาจาซ็อง (자성대왕대비, 慈聖大王大妃 เป็นผู้ว่าราชการแทนหลังม่าน (수렴청정, 垂簾聽政) พระเจ้าซ็องจงในต้นรัชกาลนั้นทรงเป็นเพียงกษัตริย์หุ่นเชิด อำนาจทั้งหมดตกแก่ชินซุกจู และฮันมยองฮี ซึ่งเป็นขุนนางที่มีอำนาจมาตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าเซโจพระอัยกาของพระเจ้าซ็องจง และเป็นผู้ผลักดันให้พระเจ้าซ็องจงได้เป็นกษัตริย์ในที่สุด พระเจ้าซ็องจงสถาปนาพระราชบิดาองค์ชายรัชทายาทอีกยอง เป็น พระเจ้าทอกจง (덕종, 德宗) และพระชายาซูบินพระราชมารดาเป็น พระพันปีอินซู (인수대비, 仁粹大妃) ในค.ศ. 1474 กฎหมายประจำอาณาจักรหรือคยองกุกแดจอน (경국대전, 經國大典) ที่ชำระมาตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเซโจก็ได้เสร็จสิ้นลง
เมื่อพระเจ้าซ็องจงขึ้นครองราชย์ได้มีการปูนบำเน็จขุนนางผู้มีความดีความชอบ (공신, 功臣) ซึ่งขุนนางกลุ่มนี้มีอภิสิทธิ์หลายอย่างและมีทรัพย์สินร่ำรวย[1] รวมทั้งดำรงตำแหน่งสำคัญระดับสูงของระบอบการปกครอง เรียกว่า กลุ่มขุนนางเก่า (훈구파, 勳舊派) ซึ่งมีอำนาจมาตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าเซโจ เหตุการณ์ที่พระเจ้าเซโจทรงแย่งราชบัลลังก์มาจากพระเจ้าทันจงและกวาดล้างขุนนางที่ต่อต้านทำให้เกิดนักปราชญ์ขึ้นกลุ่มใหม่ ที่ต้องลี้ภัยการเมืองไปอาศัยอยู่ตามป่าเขาถูกกีดกันจากวงราชการ เรียกว่า กลุ่มซาริม (사림파, 士林派) เมื่อพระเจ้าซ็องจงมีพระชนมายุครบยี่สิบชันษาเมื่อค.ศ. 1476 ทรงว่าราชการด้วยพระองค์เองและทรงดึงขุนนางกลุ่มซาริม นำโดยคิมจงจิก (김종직, 金宗直) เข้ามารับราชการในสามกรม (삼사, 司) เพื่อคานอำนาจกับกลุ่มขุนนางเก่า
พระเจ้าซ็องจงได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ตามแบบของลัทธิขงจื้อพระองค์แรกของราชวงศ์โจซ็อน ในรัชสมัยของพระองค์เกาหลีได้กลายเป็นสังคมขงจื้ออย่างเต็มตัว ในค.ศ. 1478 ทรงตั้งฮงมุนกวาน (홍문관, 弘文館) [2] ไว้เป็นสถานศึกษาและห้องสมุดคล้ายกับจีพยอนจอนของพระเจ้าเซจงมหาราช ฮงมุนกวานเมื่อรวมกับซากันวอน (사간원, 司諫院) และซาฮอนบู (사헌부, 司憲府) แล้วเรียกว่า สามกรม[3] เป็นหน่วยงานที่คอยตรวจสอบการทำงานของขุนนางผู้ใหญ่กลุ่มขุนนางเก่า หรือแม้แต่องค์กษัตริย์เอง และเป็นที่สำหรับขุนนางกลุ่มซาริมที่จะเข้ามามีบทบาทในราชสำนัก[4] พระเจ้าซ็องจงยังดำเนินนโยบายกดขี่พระพุทธศาสนาโดยการห้ามสร้างวัดและห้ามมิให้พระภิกษุเข้าเมืองฮันซ็อง พระเจ้าซ็องจงเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอและไร้ความเด็ดขาด ในราชบัลลังก์ของพระองค์เอง และอำนาจของพระองค์ ทรงถูกบั่นทอนลงอย่างมาก จากเหล่าขุนนางของพระองค์เอง และยังถูกแทรกแซงจาก พระพันปีอินซู อีกด้วย
พระมเหสีจากตระกูลยุน ในอดีตเคยเล่นผูกพันและรักกับพระเจ้าซ็อนจงแต่เด็ก ทว่าถูกกำแพงชนชั้นปิดกั้นด้วยเหตุผลทางชนชั้นและครอบครัวกล่าวคือบิดาของพระมหสีถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ ตำแหน่งของบิดาพระมเหสีในตอนนั้นคือเจ้ากรมการศึกษาซึ่งเทียบเท่ารัฐมนตรีในปัจจุบัน ครอบครัวของพระมเหสีจึงแทบถูกเนรเทศ ส่วนทางครอบครัวพระเจ้าซ็องจงตอนนั้นแม้เป็นเพียงองค์ชายและยังไม่ได้อยู่ในวังแต่พระราชมารดาไม่โปรดที่พระเจ้าซ็องจงออกไปเล่นและพบปะเช่นนั้น
ต่อมาพระมเหสียุนเข้าวังโดยการถวายตัวเป็นนางในแต่พระเจ้าซ็องจงทรงลืมไปแล้วด้วยผ่านมาหลายสิบปี แต่ฟื้นความจำได้เพราะเคยหักตราหยกมอบให้พระมเหสีครึ่งนึงและเก็บไว้อีกครึ่งหนึ่ง พระมเหสีจึงได้เป็นพระสนมและเป็นพระมเหสีเพราะได้ให้ประสูติพระโอรสเมื่อ ค.ศ. 1476 ซึ่งพระเจ้าซ็องจงสถาปนาขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาท พระมเหสียุน เป็นพระมเหสีที่มีอุปนิสัยอ่อนโยนและเป็นมิตรกับทุกๆคนเช่นเดียวกับมเหสีซุกยอน แต่เนื่องด้วยพระองค์เป็นมเหสีที่เคร่งครัดในกฎระเบียบและมีความตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่ไม่พอใจของเหล่าพระสนมเท่าไรนัก เนื่องจากพระสนมหลายคนไม่ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบของฝ่ายในจึงมักถูกลงโทษจากพระมเหสีอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เหล่าสนมไม่พอใจและร่วมมือกันใส่ร้ายพระมเหสียุนต่างๆ นานา ประกอบกับพระมเหสียุนทรงมีเรื่องบาดหมางพระทัยกับพระเจ้าซ็องจงในเรื่องชู้สาวและการเสด็จออกเที่ยวกลางคืน รวมถึงเรื่องกับพระพันปีอินซู พระราชมารดาพระเจ้าซ็องจง จนถึงขั้นทำให้พระพักตร์ของพระเจ้าซ็องจงได้รับบาดเจ็บเนื่องด้วยความหึงหวง เหตุเกิดจากระหว่างที่พระนางท้องพระเจ้าซ็องจงทำตัวเหลวไหลออกเสพกามโลกีย์นอกวังกับนางโลมชื่อ "ออลูตง"[ต้องการอ้างอิง] พระมเหสียุนผู้เคร่งครัดกฎระเบียบยอมแหกกฎปลอมตัวออกนอกวังเพื่อไปขอร้องออลูตงให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับพระเจ้าซ็องจงถึงขึ้นลดตัวลงไปคำนับ เมื่อพระเจ้าซ็อนจงกลับเข้าวัง พระมเหสีผู้ทรงพระครรภ์จำเอามือพยายามจะเข้ากอดพระเจ้าซ็องจงที่เดินหนีแต่พระเจ้าซ็องจงผลักพระมเหสีที่ทรงพระครรภ์ พระมเหสีพยายามใช้มือที่ถือตราหยกเกาะเพื่อไม่ให้ล้มลงและกระทบกระเทือนถึงลูกที่อยู่ในท้อง จึงเอื้อมมือไปเกาะสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงทำให้พระพักตร์ของพระเจ้าซ็องจงมีบาดแผลเล็กน้อย แต่ทว่าเหตุการณ์นี้นำมาซึ่งเหตุให้พระนางถูกปลดออกจากตำแหน่งและเนรเทศออกนอกวัง และเมื่อเสด็จออกไปอยู่นอกวังแล้ว พระนางก็ยังถูกใส่ร้ายเช่นเดิมและด้วยความเข้าใจผิดของพระพันปีอินซู จึงได้มีพระเสาวนีย์ให้ประทานยาพิษแก่อดีตพระมเหสียุนจนสิ้นพระชนม์ไปในที่สุด โดยที่พระเจ้าซ็องจงมิได้ช่วยอะไรเลยนอกจากนี้ยังเป็นผู้ลงตราในราชโองการะประหารพระมเหสียุนด้วยยาพิษที่ทำให้ทรมานและกระอักเลือดตายอย่างช้าๆในที่สุด พระเจ้าซ็องจงสวรรคตเมื่อค.ศ. 1495 มีพระสุสานชื่อว่า ซ็อนรึง (선릉, 宣陵)
สมเด็จพระราชา ซ็องจง คังจอง อินมุน โฮนมู ฮุมซ็อง คงฮโย แห่งเกาหลี
พงศาวลีของพระเจ้าซ็องจงแห่งโชซ็อน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.