Remove ads
ขุนนางชาวสยาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาเสวกโท นายกองตรี พระยาศรีภูริปรีชา (4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2404 - 3 มีนาคม พ.ศ. 2460) นามเดิม กมล ผู้ได้รับพระราชทานนามสกุลสาลักษณ สมุหพระอาลักษณ์ เลขานุการรัฐมนตรีสภา ปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตราธิการ ปลัดทูลฉลองกระทรวงมุรธาธร ผู้ช่วยราชเลขาธิการ ราชเลขานุการ[1] องคมนตรี[2]
มหาเสวกโท นายกองตรี พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) | |
---|---|
พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) ขณะดำรงตำแหน่งสมุหพระอาลักษณ์ฝ่ายพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2459 | |
สมุหพระอาลักษณ์ ฝ่ายพระบรมมหาราชวัง (ฝ่ายวังหลวง) | |
ดำรงตำแหน่ง 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 – 3 มีนาคม พ.ศ. 2460 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
เจ้ากรมพระอาลักษณ์ | |
ดำรงตำแหน่ง 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 – 24 มกราคม พ.ศ. 2437 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2404 สี่กั๊กพระยาศรี เขตพระนคร กรุงรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | 3 มีนาคม พ.ศ. 2460 (56 ปี) |
บุตร | พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ) |
บุพการี |
|
อาชีพ | ขุนนาง |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองเสือป่า |
ประจำการ | พ.ศ. ไม่ปรากฏ – พ.ศ. 2460 |
ยศ | นายกองตรี |
มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา มีนามเดิมว่า กมล เป็นบุตรของพระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 กับคุณหญิงอิ่ม เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2404 ปีระกา ที่เรือนมารดาในบ้านของพระศรีสหเทพ (เพง) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสี่แยกถนนเจริญกรุง และถนนเฟื่องนคร หรือที่รู้จักกันในนามของสี่กั๊กพระยาศรีในปัจจุบัน
พระยาศรีภูริปรีชาได้เริ่มเรียนหนังสือตั้งแต่ยังเล็ก โดยมารดาได้เริ่มสอนอ่านหนังสือตั้งแต่ 5 ขวบ ครั้นบิดา พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) ได้พาขึ้นเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยให้อ่านหนังสือถวายตัว จนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชหฤทัยเอ็นดูและพระราชทานทองคำลิ่มเป็นรางวัล
เนื่องจากพระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) ผู้เป็นบิดา แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความรู้มากอย่างยิ่ง แต่ก็หาได้มีเวลาว่างจากงานราชการเลย มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) จึงต้องเที่ยวเรียนวิชาในสำนักอื่น อาทิเช่น วัดพระเชตุพน สำนักพระมงคลเทพมุนี (เที่ยง) สำนักพระครูสมุหคณิศร (โต) และสำนักหมอยอน ฮัสเสต ชันดเลอร์ (หมอจัน) ซึ่งเป็นครูสอนศาสนาชาวอเมริกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ พระยาศรีภูริปรีชายังเคยได้รับการอบรมสั่งสอนวิชาจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ร่วมกับนายเจิม ซึ่งเป็นน้องชาย เมื่อครั้นยังเป็นเสมียนฝึกหัด[3]
ด้วยเหตุที่ตระกูลสาลักษณได้รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ในตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ถึงสามชั้น นับตั้งแต่รุ่นบิดา อันได้แก่ พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สืบต่อมายัง มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา สมุหพระอาลักษณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จวบจนกระทั่งถึงบุตร คือ มหาเสวกตรี พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ) ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ดำรงในตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์สืบทอดต่อจากปู่และบิดาด้วยเช่นกัน
สำหรับการพระราชทานนามสกุล ปรากฏใน พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า :-
วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๔๕๖
ถึง พระยาศรีสุนทรโวหาร (กมล)
นามสกุลของเจ้าที่ขอมานั้น ข้าได้ไตร่ตองดูแล้ว เห็นว่าในสกุลของเจ้าได้มีผู้ได้เคยรับใช้พระเจ้าแผ่นดินในน่าที่อาลักษณ์ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาแล้วติตต่อกันได้สองชั่วคน ซึ่งถ้าจะคิดไปก็ควรนับว่าเป็นสิ่งควรรำฦกถึงและเปนที่ภาคภูมิใจแห่งลูกหลาน เพราะมิใช่ของง่ายที่บุตรจะรับมฤดกบิดาได้ในน่าที่ราชการอย่างเช่นเจ้ากับบิดาเจ้า เพราะเหตุนี้ ข้าขอให้นามสกุลของเจ้าว่า สาลักษณ (เขียนเปนตัวอักษรโรมันว่า Salakshna) เพื่อให้เปนพยานความชอบแห่งบิดาเจ้าและตัวเจ้า ขอให้สกุลสาลักษณ์เจริญรุ่งเรืองและมั่นคงอยู่ในกรุงสยามชั่วกัลปาวสาร
วชิราวุธ ป.ร.[19]: ก
โดยนามสกุลสาลักษณนับเป็นนามสกุลพระราชทานชุดแรกในลำดับที่ 56 ของประกาศกระทรวงมุรธาธร เรื่อง การพระราชทานนามสกุลครั้งที่ 1[20]
นอกจากงานในหน้าที่ราชการแล้ว มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) ยังได้รับการยกย่องให้เป็นนักประพันธ์คนสำคัญท่านหนึ่งของประเทศไทย ดังจะเห็นได้จากผลงานอันประกอบไปด้วย
ในส่วนของงานทางด้านสาธารณกุศล มหาเสวกโทพระยาศรีภูริปรีชาได้มีการบริจาคทานอยู่เป็นนิจ ดังจะเห็นได้จากการบริจาคเงินเป็นจำนวน 45 บาท เพื่อเป็นสาธารณกุศลในการพยาบาล เนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิด โดยมอบให้แก่เจ้าพนักงานกระทรวงธรรมการเป็นผู้นำไปดำเนินการต่อ[22] เป็นต้น
รวมไปถึงการสร้างตึกสาลักษณาลัย[23] ภายในวัดโสมนัสราชวรวิหาร เพื่อเป็นโรงเรียนสำหรับสาธารณประโยชน์ โดยสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่คุณหญิง (พึ่ง) ศรีภูริปรีชา และได้ขอแบบจากกรมศึกษาธิการไปจัดการก่อสร้างเป็นตึกสองชั้น ยาว 8 วา กว้างในประธาน 4 วา สามารถจุนักเรียนได้ห้องละ 30 คน รวมทั้งสิ้น 4 ห้อง โดยในการนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชศรัทธาพระราชทานทรัพย์เข้าในส่วนกุศล ร่วมด้วยเจ้านายหลายพระองค์ และข้าราชการอีกเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามตึกโรงเรียนหลังดังกล่าวนี้ว่า สาลักษณาลัย อีกด้วย
มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา ได้มอบตึกดังกล่าวให้แก่กรมศึกษาธิการเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2459 และในปัจจุบันตึกสาลักษณาลัยได้กลายเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมภายในวัดโสมนัสราชวรวิหาร ยังประโยชน์สมดังเจตนารมณ์ของท่านเจ้าคุณในที่สุด
มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) ได้ตั้งเคหสถานอยู่ที่ถนนตลาด ตำบลนางเลิ้ง จังหวัดพระนคร และสมรสกับคุณหญิง (พึ่ง) ศรีภูริปรีชา[24]มีบุตรธิดาจำนวนทั้งสิ้น 8 คน[25] ได้แก่
พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) ได้รับพระราชทานเครื่องยศ ดังต่อไปนี้
พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญ และเข็ม ชั้นสูงสุดตระกูลต่างๆ ดังนี้
มหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) ถึงแก่อนิจกรรมในปีมะเส็ง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2460 (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2461) สิริอายุรวม 56 ปี ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศแปดเหลี่ยมสวมศพตั้งบนแว่นฟ้า 2 ชั้น ตั้งฉัตรเบญจา 4 คัน กลองชนะเขียว 10 จ่าปี่ 1 ประโคมประจำศพ กับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมรับพระราชทานฉันเช้า 4 รูป มีกำหนด 3 วันเป็นเกียรติยศ[38]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.