![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/db/Pyu_city-states_map.svg/langth-640px-Pyu_city-states_map.svg.png&w=640&q=50)
ปยู
From Wikipedia, the free encyclopedia
นครรัฐปยู (พม่า: ပျူ မြို့ပြ နိုင်ငံများ) เป็นกลุ่มนครรัฐที่มีอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศพม่าตอนบน นครรัฐถูกก่อตั้งขึ้นจากการอพยพย้ายถิ่นลงใต้ของชาวปยู ผู้พูดภาษาตระกูลทิเบต-พม่า ซึ่งเป็นผู้อาศัยอยู่ในเขตประเทศพม่าเป็นพวกแรก ๆ[2] ระยะเวลากว่าหนึ่งพันปีนี้มักเรียกกันว่า สหัสวรรษของปยู ซึ่งเชื่อมโยงกับยุคสัมฤทธิ์ และคาบเกี่ยวกับต้นยุคโบราณของอาณาจักรพุกาม ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9
นครรัฐปยู ပျူ မြို့ပြ နိုင်ငံများ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ป. ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล–ป. คริสต์ศตวรรษที่ 1050 | |||||||||
![]() นครรัฐปยูในโซนสีแดง | |||||||||
สถานะ | นคร | ||||||||
เมืองหลวง | ศรีเกษตร, ฮะลี่น, เบะตะโน่, ปีนแล, พินนาคา | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ปยู | ||||||||
ศาสนา | พุทธนิกายเถรวาท, มหายาน, วัชรยาน | ||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยโบราณ | ||||||||
• เริ่มต้นการมีอยู่ของชาวปยูในพม่าตอนบน | ป. ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล | ||||||||
• การก่อตั้งนครเบะตะโน่ | ป. 180 ปีก่อนคริสต์ศักราช | ||||||||
• ปยูเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ | คริสต์ศตวรรษที่ 4 | ||||||||
• เริ่มต้นปฏิทินพม่า | 22 มีนาคม ค.ศ. 638[1] | ||||||||
• ก่อตั้งราชวงศ์ศรีเกษตรครั้งที่ 2 | 25 มีนาคม ค.ศ. 739 | ||||||||
• การก่อตั้งจักรวรรดิพุกาม | ป. คริสต์ศตวรรษที่ 1050 | ||||||||
|
กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรปยู * | |
---|---|
![]() | |
![]() เจดีย์บอบอจี้ | |
พิกัด | 22°28′12″N 95°49′7″E |
ประเทศ | ![]() |
ภูมิภาค ** | เอเชียและแปซิฟิก |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (ii), (iii), (iv) |
อ้างอิง | 1444 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2557 (คณะกรรมการสมัยที่ 38) |
พื้นที่ | 5,809 ha (14,350 เอเคอร์) |
พื้นที่กันชน | 6,790 ha (16,800 เอเคอร์) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
นครรัฐปยูที่สำคัญทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่ชลประทานหลักสามแห่งของพม่าตอนบน ได้แก่หุบเขาแม่น้ำมู่ ที่ราบเจาะแซ และภูมิภาคมี่นบู้ ซึ่งอยู่บริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำชี่น-ดวี่น เมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมรอบ 5 เมือง ได้แก่ เบะตะโน่ มองกะโม้ พินนาคา ฮะลี่น ศรีเกษตร และเมืองเล็ก ๆ อีกหลายแห่งที่ถูกขุดขึ้นทั่วลุ่มแม่น้ำอิรวดี ฮะลี่นก่อตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดจนกระทั่งราวคริสต์ศตวรรษที่ 7 หรือ 8 เมื่อถูกแทนที่โดยศรีเกษตร (ใกล้กับเมืองแปรในปัจจุบัน) ที่ชายขอบด้านใต้ของอาณาจักรปยู ศรีเกษตรมีขนาดใหญ่กว่าฮะลี่นถึงสองเท่า และกลายเป็นศูนย์กลางปยูที่ใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุด[2] เฉพาะนครรัฐฮะลี่น เบะตะโน่ และศรีเกษตร เท่านั้นที่ได้ถูกเสนอให้เป็นแหล่งมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งสถานที่อื่น ๆ อาจเสนอชื่อเพิ่มในอนาคต[3]
นครรัฐปยูเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าทางบกระหว่างจีนและอินเดีย วัฒนธรรมปยูได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการค้าขายกับอินเดีย การนำเข้าศาสนาพุทธตลอดจนแนวคิดทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และการเมืองอื่น ๆ ซึ่งมีอิทธิพลสืบเนื่องต่อการเมืองและวัฒนธรรมของพม่า[4] ปฏิทินปยูซึ่งยึดตามพุทธศักราชต่อมาได้กลายมาเป็นปฏิทินพม่า อักษรปยูซึ่งมีพื้นฐานมาจากอักษรพราหมีอาจเป็นหนึ่งที่มาของอักษรพม่าที่ใช้เขียนภาษาพม่า[5][6]
อารยธรรมอายุนับพันปีล่มสลายลงในคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อนครรัฐถูกทำลายโดยการรุกรานซ้ำหลายครั้งจากอาณาจักรน่านเจ้า ชาวพม่าได้ตั้งเมืองรักษาการณ์ขึ้นที่พุกาม บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำชี่น-ดวี่น การตั้งถิ่นฐานของชาวปยูยังคงอยู่ในพม่าตอนบนต่อไปอีกสามศตวรรษ แต่ชาวปยูค่อย ๆ ถูกกลืนเข้าสู่อาณาจักรพุกามที่กำลังขยายตัว ภาษาปยูยังคงมีอยู่จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวปยูได้ถูกกลืนเข้ากับกลุ่มชนพม่า ประวัติศาสตร์และตำนานของปยูก็รวมเข้ากับประวัติศาสตร์และตำนานของพม่าด้วยเช่นกัน[4]