ติโบร์ ซอมูแอลี
นักการเมืองชาวฮังการี (ค.ศ. 1890-1919) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นักการเมืองชาวฮังการี (ค.ศ. 1890-1919) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ติโบร์ ซอมูแอลี (ฮังการี: Szamuely Tibor; 27 ธันวาคม ค.ศ. 1890 – 2 สิงหาคม ค.ศ. 1919) เป็นนักการเมืองและนักข่าวชาวฮังการี ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งรองกรรมการราษฎรฝ่ายสงคราม และเป็นกรรมการราษฎรฝ่ายศึกษาธิการในสมัยสาธารณรัฐโซเวียตฮังการี
ติโบร์ ซอมูแอลี | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 27 ธันวาคม ค.ศ. 1890 ญีแร็จฮาซอ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี |
เสียชีวิต | สิงหาคม 2, 1919 ปี) วีเนอร์นอยชตัท ออสเตรีย | (28
เชื้อชาติ | ฮังการี |
พรรคการเมือง | MSZDP |
คู่สมรส | โยลาน ซิลาจี |
บุพการี | ลอโยช ซอมูเอลี แซซีลียา ฟอร์ก็อช |
เขาเกิดในญีแร็จฮาซอ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮังการี ซอมูแอลีเป็นบุตรคนโตจากพี่น้องทั้งห้าคนในตระกูลชาวยิว หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา เขาประกอบอาชีพเป็นนักข่าวและเข้าสู่แวดวงทางการเมืองในฐานะสมาชิกของพรรคประชาธิปไตยสังคมนิยมฮังการี
ต่อมาซอมูแอลีเข้าเป็นทหารเกณฑ์และร่วมต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยใน ค.ศ. 1915 เขาถูกจับเป็นเชลยศึกในรัสเซีย แต่แล้วหลังจากเหตุการณ์การปฏิวัติเดือนตุลาคมเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1917 เขาจึงได้รับการปล่อยตัว จากนั้นซอมูแอลีจึงเริ่มสนใจในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ณ กรุงมอสโก เขาก่อตั้งกลุ่มคอมมิวนิสต์ร่วมกันกับเบ-ลอ กุน ซึ่งเส่วนใหญ่เป็นเชลยศึกชาวฮังการี หลายคนรวมถึงซอมูแอลีและกุนเข้าร่วมกองทัพแดงของโซเวียตและต่อสู้ในสงครามกลางเมืองรัสเซีย
เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1918 เขาพำนักอยู่ในมอสโก ซึ่งเขาปฏิบัติงานร่วมกับกุนเพื่อจัดกลุ่มเชลยศึกชาวฮังการีที่สนับสนุนการปฏิวัติรัสเซีย เขายังเป็นสมาชิกคณะกรรมการส่วนกลางที่มีหน้าที่รับผิดชอบเชลยศึกอีกด้วย เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานกลุ่มคอมมิวนิสต์ฝ่ายเชลยศึกชาวฮังการี ในระหว่างวันที่ 14-18 เมษายน ซอมูแอลีมีโอกาสได้เข้าร่วมการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1918 เขาตีพิมพ์หนังสือพิมพ์คอมมิวนิสต์ Socialist Revolution ร่วมกับเบ-ลอ กุน จากเหตุการณ์ที่เชลยศึกชาวฮังการีจำนวนมากปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกองกำลังแดงของรัสเซีย เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ฮังการีหลายคนถูกประหารชีวิต
ต่อมาซอมูแอลีเดินทางไปยังเยอรมนีและในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1918 เขามีส่วนร่วมในก่อตั้งสันนิบาตสปาร์ตาคิสท์ ร่วมกับคาร์ล ลีพคเน็ชท์ และโรซา ลุคเซิมบวร์ค เขาเดินทางกลับสู่บูดาเปสต์เมื่อวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1919 เขาเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ฮังการี ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เขาถูกเนรเทศ แต่ยังคงดําเนินกิจกรรมของเขาในคณะกรรมการส่วนกลางที่ถูกเนรเทศ เช่น การมีส่วนร่วมในองค์กรในกองกําลังกึ่งทหารของพรรค[1]
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1919 เกิดการรัฐประหารโดยสมาชิกคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลผสมและได้จัดตั้งสาธารณรัฐโซเวียตฮังการีภายใต้การนำของเบ-ลอ กุน ซอมูแอลีจึงกลายเป็นนักการเมืองที่โดดเด่นในรัฐบาลชุดใหม่นี้ เขาได้รับการแต่งตั้งในหลายตำแหน่ง แต่จากนั้นเขาจึงเป็นกรรมการราษฎรฝ่ายกิจการทหาร เขาเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ "ความน่าสะพรึงกลัวแดง" ในฮังการี กองกำลังของซอมูแอลีมีชื่อว่า "เลนินบอยส์" หรือ "ยุวชนเลนิน" ซึ่งกองกำลังเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งของความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น และการปราบปรามผู้ต่อต้านการปฏิวัติและไม่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ กิจกรรมของเลนินบอยส์มีความคล้ายคลึงกับกองกําลังกึ่งทหารอื่น ๆ เช่น กองกำลังแดงในบัญชาของโยแฌ็ฟ แชร์นี ซึ่งกองกำลังนี้ตระเวนกำลังไปทั่วประเทศโดยใช้รถไฟหุ้มเกราะ[2]
เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1919 ซอมูแอลีกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับการปราบปรามทางการเมือง ณ เมืองเจอร์ ความว่า "อำนาจตกอยู่ในมือของพวกเราแล้ว ผู้ที่ประสงค์ให้ระบอบการปกครองเก่ากลับมาจะต้องถูกแขวนไว้อย่างไร้ความปราณี เราต้องกัดคอของบุคคลดังกล่าว ชัยชนะของชนชั้นกรรมาชีพฮังการีไม่ได้ทําให้เราต้องเสียสละครั้งใหญ่จนถึงตอนนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ต้องการให้เลือดไหล เราต้องไม่กลัวเลือด เลือดคือเหล็ก มันทําให้หัวใจของเราแข็งแกร่งขึ้น มันทําให้กําปั้นของชนชั้นกรรมาชีพแข็งแกร่งขึ้น เลือดจะทําให้เรามีพลัง เลือดจะนําเราไปสู่โลกที่แท้จริงของคอมมูน เราจะกําจัดชนชั้นนายทุนทั้งหมด ถ้าเราต้องทํา!"[lower-roman 1]
ศาลปฏิวัติตัดสินประหารชีวิตผู้ถูกควบคุมตัวเป็นจำนวนตั้งแต่ 370 ถึง 587 คน[4] และตามแหล่งข้อมูลอื่นมามีการคาดคะเนจำนวนไว้เป็น 590 คน[5]
ปลายเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1919 ซอมูแอลีเดินทางเยือนมอสโกโดยเครื่องบินเพื่อรณรงค์สำหรับการปฏิวัติโลกร่วมกับเลนิน เมื่อซอมูแอลีมีอำนาจมากขึ้นในศาลปฏิวัติ ทำให้กุนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและกลัวว่าเขาจะมีอํานาจมากกว่ารัฐบาล พรรคประชาธิปไตยสังคมนิยมซึ่งเป็นสมาชิกของสภาปกครองปฏิวัติได้ผลักดันให้ควบคุมซอมูแอลีและแชร์นี และวิลโมช เบิฮ์ม กรรมการราษฎรฝ่ายกิจการทหารจึงสั่งยุบกองกำลังกึ่งทหารและศาลปฏิวัติในช่วงปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 1919 อย่างไรก็ตาม ซอมูแอลีไม่ปฏิบัติตาม รวมถึงยังคงดําเนินกิจกรรมของศาลในโซลโนกและต่อมาในออโบญ เขาวางแผนที่จะลอบสังหารเบิฮ์ม แต่ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1919 สาธารณรัฐโซเวียตฮังการีได้สิ้นสุดลงหลังจากสงครามฮังการี–โรมาเนีย และซอมูแอลีถูกบังคับให้ลี้ภัย[6][7]
สาธารณรัฐโซเวียตฮังการีดำรงอยู่เป็นเวลาหกเดือนจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1919 กุนถูกเนรเทศขณะที่กองทหารโรมาเนียบุกครองบูดาเปสต์ ซอมูแอลีสามารถหลบหนีการตอบโต้ของฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ได้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ความน่าสะพรึงกลังขาว" เขาเดินทางไปออสเตรียโดยรถของเขาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 191 แต่หลังจากข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย เขาก็ถูกจับโดยทางการออสเตรีย ทั้งทางการฮังการีและออสเตรียรายงานว่า ซอมูแอลีกระทำการอัตวินิบาตกรรมในขณะที่พรรคพวกคอมมิวนิสต์พาตัวเขาข้ามพรมแดน[8] ภรรยาของกุนเขียนบันทึกความทรงจําของเธอว่า ซอมูแอลีกล่าวกับเธอถึงแผนการฆ่าตัวตายของเขาหากเขาถูกจับและแสดงปืนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของเขาให้เธอดู[9] อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และบางคนเชื่อว่าเขาถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่รักษาชายแดน
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.