Loading AI tools
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 59 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2563 เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกสี่ปีครั้งที่ 59 มีขึ้นในวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2563 โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี และ กมลา แฮร์ริส สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต เอาชนะประธานาธิบดี ดอนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดี ไมก์ เพนซ์ ผู้สมัครจากพรรคริพับลิกัน การเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก และภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกตั้งแต่ปี 2535, การเลือกตั้งครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 21, และครั้งที่ 5 ในรอบ 100 ปี, ที่ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ไม่ได้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2443, โดยผู้สมัครทั้งสองพรรคได้มากกว่า 74 ล้านเสียง, ทำลายสถิติ 69.5 ล้านเสียงของบารัก โอบามา ในปี 2551 โจ ไบเดน ได้มากกว่า 81 ล้านเสียง ถือเป็นคะแนนเสียงที่ได้รับมากที่สุดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
| |||||||||||||||||||||||||||||
538 สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง ต้องการ เสียงคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียงจึงชนะ | |||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ผู้ใช้สิทธิ | 66.2% (โดยประมาณ)[3] | ||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||
แผนที่จำนวนคณะผู้เลือกตั้งในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2563 ตามมติเอกฉันท์ของบรรดาสื่อ สีแดงหมายถึงรัฐที่ทรัมป์/เพนซ์ชนะ สีน้ำเงินหมายถึงรัฐที่ไบเดน/แฮร์ริสชนะ และสีเทาหมายถึงรัฐที่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ ตัวเลขนั้นแสดงถึงจำนวนคณะผู้เลือกตั้งของแต่ละรัฐ ตามจำนวนประชากรสหรัฐในสำมะโนปี พ.ศ. 2553 | |||||||||||||||||||||||||||||
|
ในการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตที่มีผู้ลงสมัครถึง 29 คน โจ ไบเดน เอาชนะคู่แข่งคนสำคัญอย่าง สมาชิกวุฒิสภา เบอร์นี แซนเดอร์ส ไปได้ คู่หูของโจ ไบเดน, กมลา แฮร์ริส, เป็นผู้ลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนแรกที่มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน, คนแรกที่มีเชื้อสายเอเชียน-อเมริกัน, และผู้หญิงคนที่สามของพรรคใหญ่สองพรรค โจ จอร์เกนเซน และ สไปค์ โคเฮน เป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งของพรรคลิเบอร์เทเรียน โฮวี่ ฮอว์กินส์ และ แองเจลา นิโคล วอล์คเกอร์ เป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งของพรรคกรีน ประเด็นหลักของการเลือกตั้งครั้งนี้คือระบบสาธารณสุขและผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19; การประท้วงจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์; ศาลสูงสุดหลังการเสียชีวิตของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก และการโหวตรับรองเอมี โคนีย์ บาร์เรตต์; และอนาคตของรัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วยและการบริบาลที่เสียได้ (Affordable Care Act)
การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโควิด-19 ทำให้มีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าและลงคะแนนเสียงผ่านทางจดหมายเป็นจำนวนมาก พรรคเดโมแครตมีการลงเสียงผ่านจดหมายมากกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากการลงคะแนนเสียงทางจดหมายเป็นจำนวนมาก Swing States บางรัฐมีความล่าช้าในการนับและรายงานคะแนนเสียง หลายสำนักข่าวจึงได้ประกาศให้ไบเดนเป็นว่าที่ประธานาธิบดีและแฮร์ริสเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีในเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน หลังจากผ่านวันเลือกตั้งไปสามวันครึ่ง ท้ายที่สุด ไบเดนได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 306 คะแนน ส่วนทรัมป์ได้ 232 คะแนน ไบเดนเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐจอร์เจียตั้งแต่ปี 2535 และเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะในรัฐแอริโซนาตั้งแต่ปี 2539 และเป็นคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งโดยแพ้รัฐโอไฮโอตั้งแต่ปี 2503 และชนะการเลือกตั้งโดยแพ้รัฐฟลอริดาตั้งแต่ปี 2535 ทำลายสถานะการเป็นรัฐ bellwether ไบเดนเป็นเดโมแครตคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งโดยแพ้รัฐไอโอวาตั้งแต่ปี 2519 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2423 ที่ผู้สมัครทั้งสองพรรคมีจำนวนรัฐที่ชนะเท่ากัน และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2491 ที่พรรคเดโมแครต (หรือพรรคอื่น ๆ) ชนะ Popular vote ติดกันสี่ครั้ง
ก่อน ระหว่าง และหลังวันเลือกตั้ง ทรัมป์และคนในพรรครีพับลิกันหลายคนพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางและเข้าไปยุ่งการนับคะแนนเสียงในรัฐ swing states อัยการสูงสุด วิลเลียม บาร์ และเจ้าหน้าที่ทั้ง 50 รัฐไม่เจอหลักฐานของการโกงเลือกตั้งหรือความผิดปกติในการเลือกตั้ง หน่วยงานรัฐบาลกลางที่ดูแลการเลือกตั้งกล่าวว่านี่เป็นการเลือกตั้งที่สะอาดที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์และพวกพ้อง รวมถึงสมาชิกพรรคริพับลิกันในสภาคองเกรส ยังคงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งโดยยื่นฟ้องไป 63 คดีความ (โดยคดีความทั้งหมดถูกถอนฟ้องหรือถอดออก), อ้างทฤษฎีสมคบคิดว่ามีการโกง, กดดันให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการเลือกตั้ง (ที่ชัดเจนคือ แบรด รัฟเฟนสเปอเกอร์ เลขาธิการรัฐจอร์เจีย ในการสนทนาโทรศัพท์กับทรัมป์ทำให้เกิดเป็นข่าวดังขึ้นมา) และสมาชิกสภานิติบัญญัติที่อยู่พรรครีพับลิกันเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง, กดดันให้กระทรวงยุติธรรมประกาศว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการ “ทุจริต” และเข้าแทรกแซง, คัดค้านการรับรองคะแนนคณะผู้เลือกตั้งในสภาคองเกรส, และปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนผ่านและถ่ายโอนอำนาจไปยังโจ ไบเดน จนกระทั่งในวันที่ 6 มกราคม 2564 ม็อบสนับสนุนทรัมป์บุกเข้าอาคารรัฐสภา หลังจากทรัมป์ยังคงพูดว่าจะไม่ยอมประกาศรับความพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 มกราคม ทรัมป์โพสต์วิดีโอบนทวิตเตอร์ รับรองการเข้ามาของรัฐบาลชุดถัดไป โดยไม่มีการกล่าวถึงชื่อไบเดน ไบเดนและแฮร์ริสเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2564
รัฐธรรมนูญสหรัฐ มาตรา 2 ระบุว่า บุคคลที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐต้องเป็นพลเมืองสหรัฐโดยกำเนิด มีอายุ 35 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นผู้พำนักในสหรัฐอย่างน้อย 14 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีตรงแบบมองหาการเสนอชื่อของพรรคการเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยแต่ละพรรคมีวิธีการของตน (เช่น การเลือกตั้งขั้นต้น) เพื่อเลือกผู้สมัครที่พรรคเห็นว่าเหมาะสมลงรับสมัครเลือกตั้ง การเลือกตั้งขั้นต้นปกติเป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมโดยผู้ออกเสียงเลือกตั้งของแต่ละพรรคลงคะแนนเลือกรายชื่อผู้แทนที่จะส่งสมัครรับเลือกตั้งที่จะเลือกผู้สมัครคนหนึ่ง ๆ จากนั้นผู้แทนของพรรคจะเสนอชื่อผู้สมัครให้ลงรับเลือกตั้งในนามของพรรคอย่างเป็นทางการ ผู้เสนอชื่อประธานาธิบดีตรงแบบเลือกผู้ร่วมสมัครรับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งผู้แทนพรรคจะให้สัตยาบัน การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนก็เป็นการเลือกตั้งโดยอ้อมเช่นกัน ซึ่งผู้ออกเสียงเลือกตั้งลงคะแนนให้สมาชิกคณะผู้เลือกตั้ง แล้วผู้เลือกตั้งเหล่านี้จะเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีโดยตรง[5]
ในเดือนพฤศจิกายน 2561 คณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครตออกเสียงไม่อนุญาตให้ซูเปอร์เดลีเกตออกเสียงเป็นลำดับแรกในกระบวนการเสนอชื่อ เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2563 ทำให้ผู้สมัครต้องชนะผู้แทนที่ให้สัญญาฝ่ายข้างมากจากการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อให้พรรคเสนอชื่อ[6]
คณะกรรมการระดับรัฐของพรรครีพับลิกันหลายคณะมีรายงานว่าพิจารณายกเลิกการเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมลับปี 2563 ส่วนอีกหลายคณะดำเนินการไปแล้ว[7] โดยอ้างข้อเท็จจริงว่ารีพับลิกันเคยยกเลิกการเลือกตั้งขั้นต้นหลายรัฐเมื่อจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช และจอร์จ ดับเบิลยู. บุชลงสมัครสมัยที่สองในปี 2535 และ 2547 ตามลำดับ ส่วนเดโมแครตเคยยกเลิกการเลือกตั้งขั้นต้นเมื่อบิล คลินตันและบารัค โอบามากำลังรับเลือกตั้งสมัยที่สองในปี 2539 และ 2555 ตามลำดับ[8][9]
วันที่ 26 สิงหาคม 2562 สภานิติบัญญัติรัฐเมนผ่านร่างกฎหมายใช้การออกเสียงลงคะแนนแบบตัวเลือกจัดอันดับ (ranked-choice voting) สำหรับทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีขั้นต้นและการเลือกตั้งทั่วไป[10][11] วันที่ 6 กันยายน 2562 ผู้ว่าการรัฐเมน เจเน็ต มิลส์ อนุญาตให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวโดยไม่ลงนาม ซึ่งทำให้ชะลอเวลามีผลจนกระทั่งหลังเลือกตั้งขั้นต้นพรรคเดโมแครตปี 2563 ในเดือนมีนาคม ทำให้รัฐเมนจะเป็นรัฐแรกที่ใช้การออกเสียงลงคะแนนแบบตัวเลือกจัดอันดับสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปประธานาธิบดี[12] กฎหมายยังคงใช้วิธีการเขตเลือกตั้งรัฐสภาสำหรับการจัดสรรผู้เลือกตั้ง โดยรัฐเมนและรัฐเนแบรสกาใช้ในการเลือกตั้งล่าสุด การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจชะลอการทำนายผู้ชนะเสียงผู้เลือกตั้งของรัฐเมนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังวันเลือกตั้ง และยังจะทำให้การตีความคะแนนของประชาชนทั่วประเทศยุ่งยากขึ้นด้วย
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 22 ระบุว่าบุคคลไม่สามารถได้ร้บเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกินสองครั้ง ทำให้อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัค โอบามาไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งอีกสมัย
กลุ่มอายุที่จะมีอายุอยู่ในช่วง 18 ถึง 45 ปีคาดว่าจะคิดเป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งของสหรัฐน้อยกว่าร้อยละ 40 เล็กน้อยในปี 2563 คาดหมายว่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสหรัฐกว่าร้อยละ 30 ไม่ใช่ผิวขาว[13]
รายงานสองพรรคระบุว่าประชากรศาสตร์ผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่เปลี่ยนไปนับแต่การเลือกตั้งปี 2559 อาจมีผลต่อการเลือกตั้งปี 2563 แอฟริกันอเมริกัน ฮิสแปนิก เอเชียและชนกลุ่มน้อยอื่น ตลอดจน "ผิวขาวที่มีปริญญาวิทยาลัย" ล้วนคาดว่าจะมีสัดส่วนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกต้งเพิ่มขึ้นทั่วประเทศภายในปี 2563 ส่วน "ผิขาวที่ไม่มีปริญญาวิทยาลัย" จะลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ผู้สมัครพรรคเดโมแครตได้เปรียบ แต่เนื่องจากความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ อาจทำให้ผู้สมัครพรรครีพับลิกันชนะคณะผู้เลือกตั้งได้แม้จะแพ้คะแนนเสียงของประชาชน โดยอาจทิ้งห่างมากยิ่งกว่าปี 2559[14]
การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หลายรัฐจัดการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐและสภานิติบัญญัติของรัฐด้วย หลังการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎรจะมีการจัดสรรที่นั่งใหม่ให้กับ 50 รัฐตามผลของสำมะโนสหรัฐปี 2563 และรัฐจะจัดเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติของรัฐใหม่ ในหลายรัฐ ผู้ว่าการและสภานิติบัญญัติของรัฐจะจัดเขตเลือกตั้งใหม่ และบ่อยครั้งที่พรรคที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีผลอาศัยบารมีช่วยทำให้ผู้สมัครอื่นจากพรรคเดียวกันชนะการเลือกตั้งตามไปด้วย[15] ฉะนั้น พรรคที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 อาจมีข้อได้เปรียบสำคัญในการร่างเขตรัฐสภาและสภานิติบัญญัติของรัฐใหม่ซึ่งจะมีผลจนถึงการเลือกตั้งปี 2575[16]
พรรคริพับลิกัน | |||||||||||||||||||||||||||||
ดอนัลด์ ทรัมป์ | ไมก์ เพนซ์ | ||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เป็นประธานาธิบดี | เป็นรองประธานาธิบดี | ||||||||||||||||||||||||||||
ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 45 (พ.ศ. 2560–2564) |
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 48 (พ.ศ. 2560–2564) | ||||||||||||||||||||||||||||
การรณรงค์หาเสียง | |||||||||||||||||||||||||||||
[17][18][19] |
ชื่อ | เกิด / รัฐเหย้า | ประสบการณ์ | การรณรงค์หาเสียง วันประกาศ |
จำนวนผู้แทนพรรค[20] | คะแนนเสียง[20] | รัฐที่ชนะ[lower-alpha 3] |
---|---|---|---|---|---|---|
ดอนัลด์ ทรัมป์ |
14 มิถุนายน พ.ศ. 2489 (78 ปี) ควีนส์ รัฐนิวยอร์ก |
ประธานาธิบดีสหรัฐ (พ.ศ. 2560–2564) นักธุรกิจ บุคคลในวงการโทรทัศน์ และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ |
การรณรงค์หาเสียง การรณรงค์หาเสียง (อย่างไม่เป็นทางการ): 17 กุมภาพันธ์ 2560 (อย่างเป็นทางการ): 18 มิถุนายน 2562 คำแถลงการณ์ FEC[22] |
19 (0.78%) |
0 (0%) |
1 ฮาวาย[23] |
ฟลอริดา[24] | ||||||
โจ วอล์ช |
27 ธันวาคม พ.ศ. 2504 (62 ปี) นอร์ทแบร์ริงตัน รัฐอิลลินอย |
ส.ส. รัฐอิลลินอย เขต 8 (พ.ศ. 2554–2556) นักจัดรายการวิทยุอนุรักษ์นิยม |
การรณรงค์หาเสียง การรณรงค์หาเสียง: 25 สิงหาคม 2562 คำแถลงการณ์ FEC[25] |
0 (0%) |
0 (0%) |
0 |
อิลลินอยส์ | ||||||
บิล เวลด์ |
31 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 (79 ปี) สมิธทาวน์ รัฐนิวยอร์ก |
ผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ (พ.ศ. 2534–2540) ตัวแทนพรรคลิเบอร์เทเรียนในการเสนอชื่อ รองประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2559 ตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ จากรัฐแมสซาชูเซตส์ พ.ศ. 2539 |
การรณรงค์หาเสียง จัดตั้งคณะกรรมการหยั่งเสียง: 15 กุมภาพันธ์ 2562 การรณรงค์หาเสียง: 15 เมษายน 2562 คำแถลงการณ์ FEC[26] |
0 (0%) |
0 (0%) |
0 |
แมสซาชูเซตส์ |
ชื่อ | เกิด | ประสบการณ์ | รัฐเหย้า | วันประกาศลงสมัคร | วันประกาศถอนตัว | บทความ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|
มาร์ก แซนฟอร์ด |
28 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 (64 ปี) ฟอร์ตลอเดอร์เดล รัฐฟลอริดา |
ส.ส. รัฐเซาท์แคโรไลนา เขต 1 (พ.ศ. 2538–2544, 2556–2562) ผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา (พ.ศ. 2546–2554) |
เซาท์แคโรไลนา |
8 กันยายน 2562 | 12 พฤศจิกายน 2562 | การรณรงค์หาเสียง คำแถลงการณ์ FEC[27] |
[28][29] |
พรรคเดโมแครต | |||||||||||||||||||||||||||||
โจ ไบเดิน | กมลา แฮร์ริส | ||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เป็นประธานาธิบดี | เป็นรองประธานาธิบดี | ||||||||||||||||||||||||||||
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47 (พ.ศ. 2552–2560) |
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย (พ.ศ. 2560–2564) | ||||||||||||||||||||||||||||
การรณรงค์หาเสียง | |||||||||||||||||||||||||||||
[30][31][32] |
ผู้ทำนายผลการเลือกตั้งส่วนใหญ่ใช้ศัพท์ดังนี้
รัฐ | ดัชนี PVI[33] |
ผลครั้งก่อน | คุก 29 ต.ค. 2019[34] |
IE 19 ธ.ค. 2019[35] |
สะบาโต 7 พ.ย. 2019[36] |
โพลิติโก 19 พ.ย. 2019[37] |
---|---|---|---|---|---|---|
แอละแบมา | R+14 | 62.1% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
อะแลสกา | R+9 | 51.3% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
แอริโซนา | R+5 | 48.9% R | Tossup | Tilt R | Tossup | Tossup |
อาร์คันซอ | R+15 | 60.6% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
แคลิฟอร์เนีย | D+12 | 61.7% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
โคโลราโด | D+1 | 48.2% D | Likely D | Safe D | Lean D | Lean D |
คอนเนตทิคัต | D+6 | 54.6% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
เดลาแวร์ | D+6 | 53.1% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
เขตโคลัมเบีย | D+41 | 90.9% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
ฟลอริดา | R+2 | 49.0% R | Tossup | Tossup | Lean R | Tossup |
จอร์เจีย | R+5 | 50.8% R | Lean R | Likely R | Lean R | Lean R |
ฮาวาย | D+18 | 62.2% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
ไอดาโฮ | R+19 | 59.3% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
อิลลินอยส์ | D+7 | 55.8% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
อินดีแอนา | R+9 | 56.8% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
ไอโอวา | R+3 | 51.2% R | Lean R | Lean R | Lean R | Lean R |
แคนซัส | R+13 | 56.7% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
เคนทักกี | R+15 | 62.5% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
ลุยเซียนา | R+11 | 58.1% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
เมน | D+3 | 47.8% D | Lean D | Lean D (ประเมิน เฉพาะทั้งรัฐ) | Lean D | Lean D |
เมน เขต 1 | D+8 | 54.0% D | Safe D | Safe D | Safe D | |
เมน เขต 2 | R+2 | 51.3% R | Lean R | Lean R | Lean R | |
แมริแลนด์ | D+12 | 60.3% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
แมสซาชูเซตส์ | D+12 | 60.1% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
มิชิแกน | D+1 | 47.5% R | Lean D (พลิกชนะ) | Tilt D (พลิกชนะ) | Lean D (พลิกชนะ) | Tossup |
มินนิโซตา | D+1 | 46.4% D | Lean D | Likely D | Lean D | Lean D |
มิสซิสซิปปี | R+9 | 57.9% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
มิสซูรี | R+9 | 56.8% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
มอนแทนา | R+11 | 56.2% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
เนแบรสกา | R+14 | 58.8% R | Safe R | Safe R (ประเมิน เฉพาะทั้งรัฐ) | Safe R | Safe R |
เนแบรสกา เขต 1 | R+11 | 56.2% R | Safe R | Safe R | Safe R | |
เนแบรสกา เขต 2 | R+4 | 47.2% R | Lean R | Tossup | Tossup | |
เนแบรสกา เขต 3 | R+27 | 73.9% R | Safe R | Safe R | Safe R | |
เนวาดา | D+1 | 47.9% D | Likely D | Lean D | Lean D | Tossup |
นิวแฮมป์เชียร์ | EVEN | 47.0% D | Lean D | Lean D | Lean D | Tossup |
นิวเจอร์ซีย์ | D+7 | 55.0% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
นิวเม็กซิโก | D+3 | 48.4% D | Safe D | Safe D | Likely D | Likely D |
นิวยอร์ก | D+11 | 59.0% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
นอร์ทแคโรไลนา | R+3 | 49.8% R | Tossup | Tossup | Lean R | Tossup |
นอร์ทดาโคตา | R+16 | 63.0% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
โอไฮโอ | R+3 | 51.7% R | Lean R | Likely R | Lean R | Lean R |
โอคลาโฮมา | R+20 | 65.3% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
ออริกอน | D+5 | 50.1% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
เพนซิลเวเนีย | EVEN | 48.2% R | Tossup | Tilt D (พลิกชนะ) | Tossup | Tossup |
โรดไอแลนด์ | D+10 | 54.4% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
เซาท์แคโรไลนา | R+8 | 54.9% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
เซาท์ดาโคตา | R+14 | 61.5% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
เทนเนสซี | R+14 | 60.7% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
เท็กซัส | R+8 | 52.2% R | Likely R | Safe R | Lean R | Lean R |
ยูทาห์ | R+20 | 45.5% R | Safe R | Safe R | Safe R | Likely R |
เวอร์มอนต์ | D+15 | 56.7% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
เวอร์จิเนีย | D+1 | 49.7% D | Likely D | Safe D | Likely D | Lean D |
วอชิงตัน | D+7 | 52.5% D | Safe D | Safe D | Safe D | Safe D |
เวสต์เวอร์จิเนีย | R+19 | 68.5% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
วิสคอนซิน | EVEN | 47.2% R | Tossup | Tossup | Tossup | Tossup |
ไวโอมิง | R+25 | 67.4% R | Safe R | Safe R | Safe R | Safe R |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.