ไข้เด็งกี
From Wikipedia, the free encyclopedia
ไข้เด็งกี (อังกฤษ: Dengue fever) หรือในประเทศไทยนิยมเรียกว่า ไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อซึ่งระบาดในเขตร้อน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี[1] ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และมีผื่นลักษณะเฉพาะซึ่งคล้ายกับผื่นของโรคหัด ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะมีอาการรุนแรง จนกลายเป็นไข้เลือดออกเด็งกี (Dengue hemorrhagic fever) ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งทำให้มีเลือดออกง่าย มีเกล็ดเลือดต่ำ และมีการรั่วของพลาสมา หรือรุนแรงมากขึ้นเป็นกลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (Dengue shock syndrome) ซึ่งมีความดันโลหิตต่ำอย่างเป็นอันตรายได้[2]
ไข้เด็งกี (Dengue fever) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Dengue, breakbone fever[1][2] |
ผื่นลักษณะเฉพาะของไข้เลือดออกเด็งกี | |
สาขาวิชา | โรคติดเชื้อ |
อาการ | ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ผื่น[1][2] |
ภาวะแทรกซ้อน | เลือดออก ระดับเกล็ดเลือดต่ำ ความดันโลหิตต่ำจนช็อก[2] |
การตั้งต้น | 3–14 วันหลังได้รับเชื้อ[2] |
ระยะดำเนินโรค | 2–7 วัน[1] |
สาเหตุ | ไวรัสเด็งกีจากยุงลาย (Aedes)[1] |
วิธีวินิจฉัย | ตรวจพบแอนติบอดีต่อไวรัสหรืออาร์เอ็นเอไวรัส[2] |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | มาลาเรีย, ไข้เหลือง, ตับอักเสบเหตุไวรัส โรคฉี่หนู[3] |
การป้องกัน | วัคซีนไข้เด็งกี ลดการสัมผัสยุง[1][4] |
การรักษา | การบำบัดประคับประคอง สารน้ำทางหลอดเลือดดำ การเติมเลือด[2] |
ความชุก | 390 ล้านคนต่อปี[5] |
การเสียชีวิต | 4 หมื่นคนต่อปี[5] |
ไข้เลือดออกติดต่อผ่านทางพาหะคือยุงหลายสปีชีส์ในจีนัส Aedes โดยเฉพาะ A. aegypti หรือยุงลายบ้าน ไวรัสเด็งกีมีชนิดย่อยอยู่สี่ชนิด การติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งมักทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนั้น ๆ ไปตลอดชีวิต แต่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเด็งกีชนิดอื่น ๆ ในเวลาสั้น ๆ การติดเชื้อไวรัสเด็งกีชนิดอื่นในภายหลังเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนรุนแรง การป้องกันโรคทำโดยลดจำนวนแหล่งเพาะพันธุ์และจำนวนของยุง และป้องกันมิให้ยุงลายกัด เพราะวัคซีนในทางพาณิชย์ยังมีข้อจำกัดในการนำมาใช้
ยังไม่มีวิธีจำเพาะในการรักษาไข้เลือดออก การรักษาหลัก ๆ เป็นการรักษาประคับประคอง สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงรักษาโดยการคืนน้ำ อาจใช้การกินทางปากหรือการให้ทางหลอดเลือดดำ และสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงรักษาโดยให้สารน้ำหรือเลือดหรือองค์ประกอบของเลือดทางหลอดเลือดดำ อุบัติการณ์ของไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1960 โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อ 50-100 ล้านคนต่อปี โรคนี้มีการอธิบายเอาไว้ครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ. 1779 ส่วนไวรัสที่เป็นสาเหตุและกลไกการติดต่อนั้นค้นพบเมื่อช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ไข้เลือดออกได้กลายเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งทั่วโลก มีประเทศที่เป็นพื้นที่ระบาดมากกว่า 110 ประเทศ ปัจจุบันนอกจากความพยายามลดจำนวนยุงแล้วยังมีความพยายามพัฒนาวัคซีนและยาที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับไวรัสด้วย