![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/69/Frontier_Airlines_Airbus_A320neo_N389FR_BWI_MD2_%2528cropped%2529.png/640px-Frontier_Airlines_Airbus_A320neo_N389FR_BWI_MD2_%2528cropped%2529.png&w=640&q=50)
แอร์บัส เอ320นีโอ
From Wikipedia, the free encyclopedia
แอร์บัส เอ320นีโอ (Airbus A320neo family) เป็นรุ่นของอากาศยานที่ออกแบบโดยแอร์บัสตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 2010 โดยคำว่า "นีโอ (Neo)" เป็นคำย่อจากภาษาอังกฤษว่า "ตัวเลือกเครื่องยนต์แบบใหม่ (New Engine Option)" และถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของโครงการปรับปรุงรุ่น เอ320 (A320 Enhanced) ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 2006 โดยมุ่งมั่นเพื่อจะผลิตมาแทนที่แอร์บัส เอ320 ซึ่งในปัจจุบันนั้นได้ถูกเรียกถึงเป็น เอ320ซีอีโอ (A320ceo) โดย "ซีอีโอ (Ceo)" เป็นคำย่อมาจาก "ตัวเลือกเครื่องยนต์แบบปัจจุบัน (Current Engine Option)"
![]() ![]() แอร์บัส เอ320นีโอ ของฟรอนเทียร์แอร์ไลน์ | |
บทบาท | อากาศยานไอพ่นลำตัวแคบ |
---|---|
บริษัทผู้ผลิต | แอร์บัส |
บินครั้งแรก | 25 กันยายน ค.ศ. 2014 |
เริ่มใช้ | 25 มกราคม ค.ศ. 2016 โดยลุฟต์ฮันซา |
สถานะ | ในประจำการ |
ผู้ใช้งานหลัก | อินดิโก วิซซ์แอร์ ไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ ฟรอนเทียร์แอร์ไลน์ |
ช่วงการผลิต | ค.ศ. 2012-ปัจจุบัน |
จำนวนที่ผลิต | 3,228 ลำ (กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024) |
มูลค่า | เอ319นีโอ: 97.5 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] เอ320นีโอ: 106.2 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] เอ321นีโอ: 124.4 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] |
พัฒนามาจาก | แอร์บัส เอ320 |
แบบอื่น | แอร์บัส เอ319นีโอ แอร์บัส เอ321นีโอ |
นอกเหนือจากการพัฒนาเครื่องยนต์รูปแบบใหม่แล้ว โครงการพัฒนายังรวมถึงการปรับปรุงด้านต่างๆ ได้แก่ การปรับปรุงความสามารถด้านอากาศพลศาสตร์ การติดตั้งปลายปีกแบบโค้งรูปแบบใหม่ การลดน้ำหนักโดยรวม ส่วนของผู้โดยสารที่ออกแบบใหม่ให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น และปรับปรุงระบบกรองอากาศใหม่[2][3] นอกจากนี้ บริษัทการบินพาณิชย์ยังสามารถเลือกแบบเครื่องยนต์ได้ระหว่างซีเอฟเอ็ม ลีป-1A หรือ แพตแอนด์วิทนีย์ PW1000G
โครงการปรับปรุงที่กล่าวมานั้นโดยรวมจะสามารถประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 15% ต่ออากาศยาน ลดต้นทุนการปฏิบัติการได้ถึง 8% ลดมลภาวะทางเสียง และยังลดการปลดปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ได้ถึง 10% จากเครื่องเอ320 รุ่นเก่า รวมทั้งยังสามารถมีพิสัยบินเพิ่มขึ้นถึง 500 ไมล์ทะเล (900 กิโลเมตร) โดยประมาณ[4] การปรับแต่งส่วนของผู้โดยสารใหม่นั้นจะทำให้สามารถจุผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึง 20 ที่นั่ง โดยรวมจึงทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากถึง 20% ต่อที่นั่ง
แอร์บัสได้รับคำสั่งซื้อจากสายการบินต่างๆ สำหรับรุ่น เอ 320นีโอ นี้รวมทั้งสิ้น 3,891 ลำ (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015)[5] โดยลำแรกได้ถูกเปิดตัวที่โรงงานผลิตของแอร์บัสในตูลูสเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2014[6] และทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2014[7]