Loading AI tools
หน่วยงานภายใต้การดูแลของมหาเถรสมาคม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง (อังกฤษ: Royal Dhamma Studies Office[1]) คู่กับสำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวงของคณะสงฆ์ไทย เป็นหน่วยงานภายใต้การดูแลของมหาเถรสมาคมซึ่งอยู่ในความอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทย มีหน้าที่หลักคือดำเนินการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษา ชั้นตรี โท เอกของชาติ[2] และจัดให้มีการสอบไล่วัดผลประจำปีตามหลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาที่เปิดสอนไปทั่วราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ
Royal Dhamma Studies Office | |
สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวงที่วัดบวรนิเวศวิหาร | |
ภาพรวมหน่วยงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2471 |
เขตอำนาจ | ทั่วราชอาณาจักร |
สำนักงานใหญ่ | วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน |
|
ต้นสังกัดหน่วยงาน | มหาเถรสมาคม |
เว็บไซต์ | www |
สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งประกอบไปด้วย 2 แผนกด้วยกัน คือแผนกบาลี และแผนกธรรม ซึ่งแผนกธรรมดูแลโดยแม่กองธรรม ก่อตั้งขึ้นตามดำริของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นการศึกษาส่วนของพระธรรมวินัยในภาษาไทย ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพระภิกษุและสามเณรในการศึกษาพระธรรมคำสอนของศาสนาพุทธได้อย่างทั่วถึง ซึ่งแต่เดิมการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยจะใช้การศึกษาผ่านภาษาบาลีซึ่งเป็นสิ่งที่ยากสำหรับภิกษุและสามเณรทั่วไป ทำให้ขาดแคลนผู้มีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัยทั้งในด้านการเผยแผ่ การปกครอง และการเทศนาให้กับประชาชน จึงได้มีการสร้างการเรียนพระธรรมวินัยในภาษาไทยหรือนักธรรมขึ้นมา เริ่มต้นสอนภิกษุสามเณรในวัดบวรนเิวศวิหารเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทรงรับหน้าที่ในการปกครองวัดบวรนิเวศวิหารเมื่อปี พ.ศ. 2435 ประกอบไปด้วยการเรียนรู้ทั้งด้านหลักธรรม, พุทธประวัติ และพระวินัย รวมไปถึงการแต่งและแก้กระทู้ธรรม[3]
เมื่อทรงเห็นว่าผลการเรียนการสอนดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดี จึงมีแนวคิดที่จะนำวิธีการดังกล่าวไปใช้ให้แพร่หลายขึ้น เนื่องจากสามารถเรียนรู้ได้ง่ายและเข้าใจได้ง่าย ซึ่งขณะนั้นเองได้มีการประการใช้พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร รัตนโกสินทรศก 124 ในปี พ.ศ. 2448 ที่ระบุว่าพระภิกษุทั้งหมดจะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร ยกเว้นเฉพาะสามเณรที่มิได้รู้ธรรม ทางราชการจึงขอให้คณะสงฆ์กำหนดเกณฑ์การรู้ธรรมของสามเณรดังกล่าว สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ จึงได้กำหนดหลักสูตร "องค์สามเณรรู้ธรรม" ขึ้นมา ต่อมาได้ปรับปรุงหลักสูตรขึ้นมาเป็น "องค์นักธรรม" สำหรับภิกษุสามเณรชั้นนวกะ (ผู้บวชใหม่) ทั่วไป โดยได้รับพระบรมราชานุมัติในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2454 และโปรดให้มีการสอบส่วนกลางขึ้นครั้งแรกในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2454 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดมหาธาตุ และวัดเบญจมบพิตร ประกอบด้วย 3 รายวิชา ได้แก่ ธรรมวิภาคในนวโกวาท, การแต่งความแก้กระทู้ธรรม และแปลภาษามคธเฉพาะในท้องนิทานในอรรถกถาธรรมบท[3]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2455 ได้ทรงปรับปรุงหลักสูตรองค์นักธรรมให้กว้างขวางขึ้น เหมาะกับการศึกษาเรียนรู้ จึงได้แบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร[3] คือ
อย่างสามัญ หากสอบผ่านประโยค 1 จะได้รับยกเว้นการเกณฑ์ทหาร หากสอบผ่านอย่างสามัญทั้ง 2 ประโยค จะได้เป็น นักธรรม 2 ประโยค[3]
อย่างวิสามัญ ผู้ที่สอบผ่านวิสามัญทั้งสองประโยค จะได้เป็น เปรียญ 2 ประโยค เทียบได้กับเปรียญปริยัติ (เปรียญบาลี) 3 ประโยค[3]
ในปี พ.ศ. 2456 ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรองค์นักธรรมอีกครั้ง โดยเพิ่มหลักธรรมในหมวดคิหิปฏิบัติเข้าไปในธรรมวิภาค เพื่อประโยชน์หากจำเป็นต้องลาสิกขาไปเป็นฆราวาส เรียกว่า นักธรรมชั้นตรี การศึกษารูปแบบใหม่นี้เป็นที่นิยมในหมู่ภิกษุและสามเณรเป็นอย่างมาก และเป็นที่นิยมในวงกว้าง ในระยะเวลา 2 ปีมีผู้เข้าร่วมสอบกว่าเกือบพันรูป ทำให้ต่อมามีการขยายระดับการศึกษานักธรรมให้ทั่วถึงสำหรับการศึกษาของพระภิกษุในทุกระดับ คือกำหนดหลักสูตร นักธรรมชั้นโท สำหรับพระภิกษุชั้นมัชฌิมะ คือพระที่มีพรรษาเกิน 5 แต่ไม่ถึง 10 และ นักธรรมชั้นเอก สำหรับภิกษุชั้นเถระ คือพระที่มีพรรษา 10 ขึ้นไป และเป็นหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานของคณะสงฆ์มาจนถึงปัจจุบัน[3]
เนื่องจากการศึกษานักธรรมเริ่มเป็นที่นิยมทั้งในคณะสงฆ์และในหมู่ข้าราชการ ซึ่งผู้ที่สอบได้ประโยคนักธรรมนั้นเมื่อลาสิกขาออกไปสามารถรับราชการครูได้ตามโรงเรียนต่าง ๆ ของรัฐ และสามารถได้สิทธิพิเศษในการสอบเลื่อนวิทยฐานะครูไม่ต้องสอบ 1 ชุดวิชา เนื่องจากประโยคนักธรรมชั้นตรีถือเป็นอีกชุดวิชาในการสอบเลื่อนวิทยฐานะ ทำให้ในสมัยพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าได้พิจารณาให้อนุญาตให้ฆราวาส คือครูทั้งหญิงและชายสามารถร่วมสอบประโยคนักธรรมชั้นตรีในสนามหลวงได้ ผ่านการตั้งหลักสูตรสำหรับฆราวาสชื่อว่า "ธรรมศึกษาตรี" มีรายละเอียดเชี่ยนเดียวกับหลักสูตรนักธรรมชั้นตรี ยกเว้นวิชาวินัยบัญญัติ ได้เปลี่ยนไปใช้เนื้อหาเบญจศีล เบญจธรรม และอุโบสถศีลแทนทีพระธรรมวินัยของภิกษุสงฆ์ โดยธรรมศึกษาตรีเปิดสอบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2472[3] และได้รับความสนใจจากฆราวาสร่วมสอบเป็นจำนวนมาก[3]
จากผลตอบรับในการร่วมสอบธรรมศึกษาตรี ในปี พ.ศ. 2473 จึงได้มีการจัดตั้งหลักสูตร "ธรรมศึกษาโท" ขึ้นมา เพื่อขยายระดับการศึกษาของฆราวาสที่สนใจการศึกษานักธรรมซึ่งช่วยส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนาให้กว้างขวาง โดยประกอบด้วย 3 วิชาที่ต้องสอบเช่นเดียวกับนักธรรมชั้นโท ยกเว้นวิชาวินัยบัญญัติ โดยเริ่มสอบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2473[3]
คณะสงฆ์ได้จัดตั้งหลักสูตร "ธรรมศึกษาเอก" และเปิดให้ฆราวาสร่วมสอบในปี พ.ศ. 2478 โดยประกอบไปด้วย 3 วิชา เช่นเดียวกับนักธรรมชั้นเอก ยกเว้นวิชาวินัยบัญญัติ[3]
การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในด้านพระธรรมวินัยได้มีการพัฒนามาตามลำดับนับตั้งแต่การเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2455 เพื่อให้พระภิกษุสามเณรมีความรู้ในพระธรรมคำสอน เป็นศาสนทายาทในการสืบทอดคำสอนอย่างมีคุณภาพ โดยนับเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานของภิกษุสามเณรควบคู่ไปกับการศึกษาพระปริญัติธรรมแผนกบาลีตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงสามารถเผยแผ่ไปยังฆราวาสซึ่งเป็นหนึ่งในพุทธบริษัทซึ่งสนใจในพระธรรมวินัย ซึ่งมีประโยชน์ต่อการดำรงรักษาพระพุทธศาสนาในอีกทาง[3]
ลำดับที่ | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | พระศาสนโศภน (แจ่ม จตฺตสลฺโล) | พ.ศ. 2470 | พ.ศ. 2484 |
2 | พระศรีสมโพธิ (เกษม ภทฺทธมฺโม) | พ.ศ. 2486 | พ.ศ. 2488 |
3 | พระศรีสุธรรมมุนี (อาจ อาสโภ) | พ.ศ. 2488 | พ.ศ. 2491 |
4 | พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารี) | พ.ศ. 2491 | พ.ศ. 2503 |
5 | สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) | พ.ศ. 2503 | พ.ศ. 2532 |
6 | พระสุธรรมาธิบดี (เพิ่ม อาภาโค) | พ.ศ. 2532 | พ.ศ. 2542 |
7 | สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) | พ.ศ. 2542 | พ.ศ. 2559 |
8 | สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) | พ.ศ. 2559 | ปัจจุบัน |
หลักสูตรนักธรรม เป็นหลักสูตรที่เปิดให้มีการเรียนการสอนเฉพาะนักบวชของศาสนาพุทธ คือ ภิกษุ และสามเณร[3]
นักธรรมชั้นตรี ประกอบด้วย
นักธรรมชั้นโท[3] ประกอบด้วย
นักธรรมชั้นเอก[3] ประกอบด้วย
หลักสูตรธรรมศึกษา เป็นหลักสูตรที่เปิดให้มีการเรียนการสอนในส่วนของคฤหัสถ์หรือฆราวาส ที่มีความสนในในพระพุทธศาสนาและพระธรรมวินัย[3]
ธรรมศึกษาตรี ประกอบด้วย
ธรรมศึกษาโท ประกอบด้วย
ธรรมศึกษาเอก ประกอบด้วย
การสอบธรรมและธรรมศึกษาในสนามหลวง หมายถึง การสอบไล่เพื่อวัดผลธรรมและธรรมศึกษาเพื่อเลื่อนชั้นประจำปีของชาติ พระสงฆ์เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวงมีหน้าที่วางแผน, ประเมินและดำเนินการเพื่อให้การศึกษาของสงฆ์ตามหลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาของชาติมีประสิทธิภาพและคุณภาพ[6]
การกำหนดวันสอบนักธรรมนั้น แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ส่วน ธรรมศึกษา : กำหนดสอบ ประมาณ แรม 7 ค่ำ เดือน 12
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สำหรับการสอบไล่ธรรมศึกษานั้น จะเปิดให้มีการสอบตามสนามสอบต่าง ๆ ที่ได้กำหนดขึ้น เช่น ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมของวัดต่าง ๆ[7] ,สถานศึกษาสำหรับโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และองค์กรต่าง ๆ ที่สนใจ ซึ่งจะสังกัดตามสำนักเรียนของวัดต่าง ๆ โดยหนึ่งสำนักเรียนอาจจะมีสนามสอบหลายแห่งได้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้าสอบ[8]
สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง ได้จัดให้มีการสอบธรรมสนามหลวงในต่างประเทศด้วย อาทิ ในประเทศสหรัฐ, ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศนิวซีแลนด์ และไต้หวัน โดยมีผู้เข้ารับการสอบทั้งชาวไทยในต่างประเทศ และชาวต่างประเทศที่สนใจในพระพุทธศาสนา[9] ซึ่งมหาเถรสมาคมได้มีมติแต่งตั้งผู้แทนแม่กองธรรมเพื่อไปควบคุมการจัดสอบในต่างประเทศ[10]
สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง ตั้งอยู่หน้าวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.