เดเจมวรีอานา
From Wikipedia, the free encyclopedia
เดเจมวรีอานา (กรีก: Δεκεμβριανά, "เหตุการณ์เดือนธันวาคม") หมายถึงหนึ่งในการสู้รบปะทะกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในกรุงเอเธนส์ ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1944 ถึง 11 มกราคม ค.ศ. 1945 ความขัดแย้งคือการถึงสิ้นสุดของเดือนแห่งความตึงเครียดระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ แนวร่วมปลดปล่อยชาติ (EAM) บางส่วนหนึ่งของปีกทหาร, กองทัพปลดปล่อยประชาชนชาวกรีก (ELAS) ประจำการอยู่ในกรุงเอเธนส์ พรรคคอมมิวนิสต์กรีซ (KKE) และองค์กรเพื่อปกป้องการต่อสู้ของประชาชน (OPLA) จากฝ่ายหนึ่งและจากอีกฝ่ายหนึ่ง รัฐบาลกรีซ บางส่วนหนึ่งของกองทัพเฮลเลนิก กองกำลังตำรวจภูธรเฮลเลนิก ตำรวจเมือง องค์กรเอ็กซ์ที่เป็นฝ่ายขวาจัด พร้อมทั้งกลุ่มอื่น ๆ และกองทัพบกบริติซ[3]
เดเจมวรีอานา | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามโลกครั้งที่สอง, สงครามกลางเมืองกรีซ และสงครามเย็น | |||||||
รถถังเชอร์แมนและทหารจากกองพันทหารโดดร่ม (สก็อตติช) ที่ 5, กองพลน้อยทหารโดดร่มที่ 2 บริตช พร้อมกับพันธมิตรกรีซ, เข้าปะทะรบกับสมาชิกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนชาวกรีกในกรุงเอเธนส์, 18 ธันวาคม ค.ศ. 1944 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ΡΕΑΝ
| |||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
Archbishop Damaskinos Georgios Papandreou Nikolaos Plastiras Thrasyvoulos Tsakalotos Christodoulos Tsigantes Angelos Evert Georgios Grivas Dionysios Papadongonas † วินสตัน เชอร์ชิล Ronald Scobie John Hawkesworth |
Georgios Siantos Manolis Mantakas Giannis Zevgos Grigoris Farakos Konstantinos Laggouranis | ||||||
กำลัง | |||||||
11,600 4,000-4,500 (ตั้งแต่ 12-16 ธ.ค. 1944) 80,000-90,000 (ตั้งแต่ 18 ธ.ค. 1944) | 17,800 | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต 1,200 นาย เสียชีวิต 210 นาย บาดเจ็บ 1,000 นาย สูญหาย 733 นาย | เสียชีวิต 2,000 นาย | ||||||
พลเรือน 10,000-40,000 คน ถูกสังหารโดยฝ่ายซ้าย (รวมทั้งช่วงเวลาที่ล่าถอย)[1] พลเรือน 2,000 คน ถูกสังหารโดยฝ่ายขวา[2] |
ความที่่คาดไม่ถึงความตึงเครียดระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1944 มันเป็นเรื่องที่ได้ตกลงกันไว้ในการประชุมเลบานอนว่าฝ่ายที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือทั้งหมดจะมีส่วนร่วมในรัฐบาลแห่งชาติ ท้ายที่สุดในวันที่ 6 ถึง 24 รัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งจากแนวร่วมปลดปล่อยชาติ ยิ่งไปกว่านั้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่กองทัพเยอรมันจะถอนกำลังออกไป เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 ได้มีการรับรองใหม่ในข้อตกลงเคเซอร์ตาว่ากองกำลังที่ให้ความร่วมมือทั้งหมดจะต้องขึ้นศาลและถูกลงโทษตามที่ได้กระทำเอาไว้ และกองกำลังฝ่ายต่อต้านทั้งหมดจะเข้าร่วมในการก่อตั้งกองทัพกรีกใหม่ ภายใต้บัญชาการของบริติช แต่ในวันที่ 1 ธันวาคม ผู้บัญชาการบริติช Ronald Scobie ได้ออกคำสั่งให้ปลดอาวุธแต่ฝ่ายเดียวต่อแนวร่วมปลดปล่อยชาติและกองทัพปลดปล่อยประชาชนชาวกรีก รัฐมนตรีของฝ่าย EAM ได้ลาออก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม และ EAM ได้เรียกร้องให้มีการชุมนุมในใจกลางกรุงเอเธนส์ในวันที่ 3 เพื่อเป็นการเรียกร้องให้ลงโทษทันทีต่อกองพันรักษาความปลอดภัยของฝ่ายที่ให้ความร่วมมือและให้ถอน "คำสั่ง Scobie" การชุมนุมของประชนชนกว่า 200,000 คน ได้ถูกยิงโดยตำรวจกรีกและกองกำลังตำรวจภูธร ได้มีผู้เสียชีวิตโดยผู้ประท้วง 28 คนและบาดเจ็บ 148 คน การสังหารเหล่านี้ได้นำไปสู่การเผชิญหน้าทางอาวุธแบบเต็มรูปแบบระหว่างฝ่ายแนวร่วมปลดปล่อยชาติและกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลในช่วงแรก (ซึ่งรวมถึงกองพันรักษาความปลอดภัย) และในช่วงที่สองครึ่งหลังเดือนธันวาคม ได้เข้าปะทะกับกองทหารบริติชที่อ่อนแรงเต็มที่
การปะทะกันนั้นได้จำกัดอยู่ที่กรุงเอเธนส์ ในขณะที่แห่งอื่น ๆ ในกรีซ สถานการณ์ยังคงตึงเครียด แต่กลับเงียบสงบ ยกเว้นที่อิไพรัส เมื่อ Aris Velouchiotis ได้เข้าโจมตีต่อกองกำลังของ Napoleon Zervas
เดเจมวรีอานาจบลงด้วยความปราชัยของฝ่ายแนวร่วมปลดปล่อยชาติ-กองทัพปลดปล่อยประชาชนชาวกรีก นำไปสู่การปลดอาวุธในข้อตกลงวาร์กิซาซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนชาวกรีก ความพ่ายแพ้ครั้งแรกนี้ได้ทำลายอำนาจของแนวร่วมปลดปล่อยชาติ พร้อมด้วยแนวร่วมปลดปล่อยชาติได้กระตุ้น "ความหวาดกลัวแดง" ตามมาด้วยช่วงเวลาของ "ความหวาดกลัวขาว" ปะทะกับฝ่ายซ้าย[4] ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการระบาดของสงครามกลางเมืองกรีซในปี ค.ศ. 1946 การปะทะของเดเจมวรีอานาอยู่ท่ามกลางการสู้รบนองเลือดในประวัติศาสตร์กรีซยุคใหม่ ที่มีอัตราการเสียชีวิตของพลเรือนสูง