อ่าวโทยามะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อ่าวโทยามะ เป็นอ่าวที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งทะเลญี่ปุ่นทะเลญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดโทยามะ และทางตะวันออกของจังหวัดอิชิกาวะอ่าวแห่งนี้มีชื่อเสียงจากปรากฏการณ์มิราจที่เกิดขึ้นบริเวณจุดขอบฟ้าในช่วงฤดูหนาว และยังเป็นแหล่งวางไข่ของหมึกหิ่นห้อย (หมึกโฮตารุ) [2][3]บางจุดของอ่าวอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติโนโตะ-ฮันโต[4]
อ่าวโทยามะ | |
---|---|
ทิวทัศน์ของอ่าวโทยามะเมื่อมองจากชายหาดในจังหวัดโทยามะ | |
พิกัด | 36°50′N 137°10′E |
ต้นแม่น้ำ | แม่น้ำคุโรเบะ แม่น้ำโจกันจิ แม่น้ำจินซู แม่น้ำโช |
เปิดสู่มหาสมุทร/ทะเล | ทะเลญี่ปุ่น |
ประเทศในลุ่มน้ำ | ประเทศญี่ปุ่น |
ความลึกสูงสุด | 1,200 m (3,937 ft)[1] |
ในคำจำกัดความทั่วไปแล้วอ่าวโทยามะตั้งอยู่ระหว่างนครคูโรเบะไปจนถึงเมืองนานาโอะหรือจนถึงเมืองฮิมิ แต่ในคำจำกัดความกว้าง ๆ นั้นจะหมายถึงอ่าวที่มีพื้นที่ระหว่างปลายคาบสมุทรโนโตะไปจนถึงชายฝั่งจังหวัดโทยามะหรือนีงาตะบางส่วน [5][6][7] เช่นตัวอย่างที่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นตั้งชื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะใช้ความหมายของอ่าวโทยามะในคำจำกัดความที่กว้างกว่า [8][9] เช่นนี้จะถือว่าอ่าวนานาโอะจะถูกรวมเข้ากับอ่าวโทยามะในคำจำกัดความที่กว้างกว่า
อ่าวโทยามะเป็นที่ซึ่งมีชื่อเสียงจากความลึกของก้นอ่าว ความอุดมสมบูรณ์ของปลาหลากสายพันธุ์รวมถึงปรากฏการณ์มิราจที่เกิดขึ้นบริเวณจุดขอบฟ้าในช่วงฤดูหนาว [10]
ในปี ค.ศ. 2014 ถูดจัดโดยโครงการ เวิร์ด มอสท์ บิวตีฟูล เบยส์ คลับ (World's Most Beautiful Bays Club) ให้เป็นอ่าวที่สวยที่สุดในโลกลำดับที่สองในประเทศญี่ปุ่นถัดจากอ่าวมัตสึชิมะ[10]
ภูมิประเทศของอ่าวโทยามะมีลักษณะเฉพาะตัวคือมีระดับความชันและลึกแทบจะไม่มีก้นทะเลตื้น ๆ ตามแนวชายฝั่ง[11] แม้จะอยู่ห่างจากชายฝั่งเป็นระยะทางไม่มากแต่ทะเลก็มีความลึกภูมิประเทศของพื้นทะเลก็ค่อนข้างชันและมีสันเขาใต้ทะเลอยู่หลายแห่ง[12][10] โดยบริเวณที่ว่านั้นคือช่องทะเลลึกโทยามะมีความยาวรวมประมาณ 750 กิโลเมตรทอดยาวตั้งแต่อ่าวโทยามะไปจนถึงแอ่งทะเลญี่ปุ่น[13] พื้นที่ในอ่าวส่วนใหญ่ลึกเกิน 300 เมตรแทบทั้งสิ้นและจุดที่ลึกที่สุดลึกมากถึง 1,000 เมตร กล่าวอีกอย่างได้ว่าพื้นที่ในอ่าวนั้นเป็นช่องเขาของเทือกเขาทาเตยามะที่ทอดยาว 4,000 เมตรไปจนถึงพื้นมหาสมุทร[14]
อ่าวโทยามะมีเกาะและแนวปะการังน้อยเนื่องจากไม่มีก้นทะเลตื้น ๆ ตามชายฝั่งมีเพียงแต่ภูมิประเทศแบบทะเลน้ำลึก โดยเฉพาะในฝั่งตะวันออกของอ่าวซึ่งไม่มีเกาะกลางทะเลเลย เกาะและแนวปะการังส่วนใหญ่กระจายอยู่บริเวณเมืองทากาโอกะและนครฮิมิทางตะวันตกของอ่าว ในอ่าวโทยามะมีเกาะขนาดเล็กในรายชื่อต่อไปนี้
ในจำนวนนี้มีเกาะที่มีขนาดใหญ่มีเส้นรอบวงมากกว่า 100 เมตรเพียงสามเกาะเท่านั้น ได้แก่ อาบูกาชิมะ คาราชิมะ และโอโตโกอิวะ ในบริเวณชายฝั่งทะเลทางตะวันตกของอ่าวโทยามะมีชื่อชายฝั่งที่เรียกว่า "ชายฝั่งอามาฮาราชิ" เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาทาเตยามะที่ทอดตัวโอบอ้อมเกาะแก่งและแนวปะการัง[10]
ในอ่าวบางจุดที่ลึก 300 เมตรลงไปอุณหภูมิของน้ำจะเย็นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทะเลญี่ปุ่นโดยมีอุณหภูมิ 1 ถึง 2 องศาเซลเซียสบริเวณน้ำเย็นนี้จะมีปลาน้ำเย็นอาศัยอยู่ ในชั้นผิวน้ำที่ตื้นกว่า 300 เมตรขึ้นไปน้ำทะเลจุดนี้จะอบอุ่นเนื่องจากมีกระแสน้ำสึชิมะที่เป็นกระแสน้ำอุ่นจะไหลเข้าสู่อ่าวฉะนั้นปลาจำนวนมากที่อยู่อาศัยในแหล่งน้ำอุ่นทางตอนใต้ก็สามารถอยู่อาศัยในอ่าวนี้ได้ด้วยเช่นกัน จากปัจจัยเหล่านี้ทำให้อ่าวโทยามะเป็นที่อยู่ของปลามากกว่า 500 ชนิดเป็นจำนวนเกินครึ่งของปลาทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในทะเลญี่ปุ่นจาก 800 ชนิดอ่าวโทยามะนี้ถูกกล่าว่าเป็น "ตู้ปลาจากธรรมชาติ" เนื่องจากมีปลาและสัตว์น้ำให้จับเป็นจำนวนมาก[15] ระบบนิเวศของอ่าวยังมีการพบเจอปลาทะเลลึกหลากสายพันธ์ เช่น ปลาออร์ ปลาเครสต์ฟิช ปลาเครสต์ฟิชยูนิคอร์น และหมึกสาย[16][17][18][19][20] นอกจากปลาที่กล่าวมาแล้วยังมีการพบปลาสำคัญหลายชนิด เช่น ปลาฉลามอาบแดด ปลาฉลามวาฬ และปลาสเตอร์เจียน[21]
นับตั้งแต่ทศวรรษ 2000 เป็นต้นมาสปีชีส์ของสายพันธ์ุปลามีการเปลี่ยนแปลงไปโดยปลาอลาสก้า พอลล็อคไม่มีรายงานการพบเห็นอีกเลย ปลาอีโต้มอญและปลาซาวาระมีแนวโน้วเพิ่มขึ้นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นผลมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น[22]
หุบเขาที่อยู่ส่วนลึกของอ่าวเป็นแหล่งอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอย่างดีมีสัตว์ทะเลจำพวกหอยและกุ้ง ในบรรดาสัตว์ทะเลกุ้งแก้วเป็นสัตว์ที่จับเชิงพาณิชย์เฉพาะที่อ่าวโทยามะเท่านั้น ยังมีกุ้งอีกหลายสายพันธุ์ที่อยู่ในอ่าวเช่น กุ้งโทยามะ เป็นชื่อของกุ้งที่ถูกตั้งชื่อตามอ่าวโทยามะซึ่งเป็นสถานที่ค้นพบ[23] อ่าวโทยามะได้รับแร่ธาตุที่ไหลมาจากแม่น้ำคุโรเบะหรือการละลายของหิมะจากเทือกเขาฮิดะทำให้พัดพาตะกอนสารอาหารลงสู่อ่าวแปรสภาพให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์มีปลานานาชนิดมาวางไข่เพาะพันธุ์[10][24]
ชายฝั่งของอ่าวโทยามะซึ่งทอดยาวตั้งแต่เมืองโทยามะไปจนถึงเมืองอูโอซุเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตรเป็นพื้นที่ริมทะเลที่มีชื่อเสียงมาจากหมึกโฮตารุเรืองแสง[25]พื้นที่ชายฝั่งและนอกชายฝั่งประมาณ 1,260 ม. ถูกกำหนดให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติในปี 1922 จนถึงวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1952 สถานที่แห่งนี้ถูกตั้งชื่อว่า "Firefly Squid Group Yukai Surface" และได้รับการยกระดับเป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติพิเศษ[26][27] แต่หมึกโฮตารุไม่ได้ถูกจัดเป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติเนื่องจากหากหมึกถูกจัดเป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการจับปลาเพื่อการบริโภคดังนั้นซึ่งกำหนดให้ผิวน้ำทะเลเป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติแทน
นอกจากอ่าวโทยามะแล้วในอ่าวนานาโอะยังพบแหล่งอยู่อาศัยของโลมาปากขวดอินโดแปซิฟิกซึ่งฝูงโลมาเหล่านี้อาศัยอยู่บริเวณตะวันตกของอ่าว[28] โดยรอบอ่าวมีแหล่งโบราณสถานหลายแหล่งมีจุดสำคัญ ๆ คือ แหล่งคิตาไดและแหล่งมาวากิ[29]หลังฐานจากแห่งโบราณสถานเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าในพื้นที่คาบสมุทรโนโตะมีการล่าวาฬและโลมามาตั้งแต่ยุคโจมงจนกระทั้งสิ้นสุดลงในยุคโชวะ[30][31][29]
เชื่อว่าสิงโตทะเลญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันสุญพันธ์ไปแล้วเคยอาศัยอยู่บริเวณอ่าวแห่งนี้และมีการค้นพบซากกระดูกวาฬตามแหล่งแนวชายฝั่ง[29][32]
ในส่วนลึกของอ่าวมีบริเวณที่ยังไม่ได้สำรวจอยู่มากสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมารีน-เอิร์ธญี่ปุ่นกำลังวิจัยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีรายงานการค้นพบปลาทะเลน้ำลึกหลายชนิดซึ่งเป็นผลลัพท์จากการสำรวจทะเล ในปี 2000 ได้มีการค้นพบที่อยู่ของสัตว์หายากที่มีชื่อว่าพรีดาโทรี ทูนิเคต (Predatory Tunicate) เป็นสิ่งมีชีวิตไม่มีกระดูกสันหลังที่ดูเหมือนลูกโป่งนี้ทำให้ครั้งนี้เป็นการค้นพบอาณาจักรสัตว์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก[33] นับแต่มีการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ได้ถูกรวบรวมนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอูโอซุ
บริเวณรอบชายฝั่งของอ่าวมีสภาพอากาศที่อบอุ่นเมื่อเทียบกับเส้นละติจูดที่อยู่ในเขตค่อนหนาวอันเนื่องมาจากอิทธิพลของกระแสน้ำสึชิมะเป็นผลให้มีป่าใบกว้างไม่ผลัดใบซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปบริเวณทางตอนใต้ของเขตอบอุ่นรอบ ๆ อ่าว[34]
ในนครอูโอซุมีป่าโบราณอายุหลายพันปีถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินและยังคงสภาพสมบูรณ์ไม่เน่าเปื่อยเชื่อว่าป่าที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินในเมืองอูโอซุนั้นมีอายุมาประมาณ 2,000 ปีก่อนที่โลกจะอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้ะระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ชายฝั่งที่มีป่าจมลงสู่ทะเลและถูกดินตะกอนทับถม และยังมีป่าที่อยู่ใต้ทะเลบริเวณนอกชายฝั่งของเมืองนีวเซ็งซึ่วมีอายุประมาณ 10,000 ปีทำให้สามารถสันนิษฐานได้ว่าพื้นที่จุดนั้นเคยเป็นไหล่ทวีปบนบกมาก่อน [35]
เนื่องจากผิวทะเลของอ่าวเป็นแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์จึงทำให้เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมประมงเป็นอย่างมากมีตั้งแต่การใช้อวนจับหมึกโฮตารุซึ่งเป็นวิธีที่มีการพัฒนามาตั้งแต่สมัยโบราณ บริเวณตลาดปลามีการจำหน่ายกุ้งชิราเอบิสามารถหาซื้อได้ทั่วอ่าวโทยามะหรือที่อื่นในทะเลญี่ปุ่น
ในด้านอุตสาหกรรมบริการขนส่งสินค้าทางทะเลมีท่าเรือฟูชิกิ-โทยามะเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญเป็นพิเศษท่าเรือแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยคิตามาเอบูเนะซึ่งเป็นสมัยของเส้นทางการเดินเรือจากโอซากะไปยังฮกไกโดผ่านทะเลญี่ปุ่น ถือเป็นท่าเรือสำคัญในภูมิภาคทะเลญี่ปุ่น [36]
หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในคาบสมุทรโนโตะ ค.ศ. 2024มีรายงานว่ามีปริมาณการจับกุ้งขาวลดลงนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น มีการประเมิณว่าอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลเป็นผลมาจากดินถล่ม ทำให้สถาบันวิจัยการประมงประจําจังหวัดโทยามะได้มีโครงการสำรวจพื้นทะเลในอ่าวเพื่อตรวจดูผลกระทบของดินถล่มที่จะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรประมง[37]
มีการขายอาหารทะเลจำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการในภาคการท่องเที่ยว ในจังหวัดโทยามะมีพันธุ์ปลาสามสายพันธุ์ได้รับการส่งเสริมให้เป็นปลาประจำจังหวัดได้แก่ ปลาหางเหลืองถูกยกย่องให้เป็น "ราชาแห่งอ่าวโทยามะ" หมึกโฮตารุ "ความพิศวงเร้นลับของอ่าวโทยามะ" และกุ้งชิราเอบิถูกตั้งฉายาว่า "อัญมณีแห่งอ่าวโทยามะ"[38]
นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีปลาชิโอการะหรือเรียกว่าปลาดำซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของจังหวัดโทยามะตั้งแต่ยุคเอโดะเป็นอาหารหมักที่ทำจากหอย และมีสัตว์ที่มีชื่อเสียงคือปูหิมะและปลาทะเลลึกหลากสายพันธุ์ที่มีหน้าตาที่แปลกคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้พบเจอนักจึงทำให้เรียกปลาแบบนี้ว่า "ปลาผี" (幻魚) [39]
ในอ่าวจะมีหมึกโฮตารุซึ่งเป็นหมึกที่สามารถเรืองแสงได้มีลักษณะที่สวยงามจึงเกิดเป็นการท่องเที่ยวชมหมึกจากเรือท่องเที่ยวนเวลาค่ำคืน[10] หรือสามารถชมได้จากพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงหมึกโฮตารุ นอกจากสัตว์น้ำแล้วอ่าวโทยามะยังมีชื่อเสียงมาจากปรากฏการณ์มิราจซึ่งเกิดขึ้นบ่อยเมื่อมองไปยังทะเลในเมืองอุโอซุ[40][41]
อีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือจุดชมวิวชายฝั่งอามาฮาราชิและชายฝั่งฮิมิตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติคาบสมุทรโนโตะสามารถมองเห็นเทือกเขาทาเตยามะที่มีความสูง 3,000 เมตรได้จากจุดชมวิวแห่งนี้ [10]
หลังจากเกิดแผ่นดินไหวเทนโช ค.ศ. 1586ได้เกิดสึนามิในอ่าวโทยามะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ความเสียหายส่วนใหญ่กระจุกตัวตามลุ่มแม่น้ำโชกาวะ [42] และยังมีการบันทึกการเกิดสึนามิในอ่าวโทยามะครั้งอื่น ๆ เช่น สึนามิในปี ค.ศ. 1488 และ ค.ศ. 1792 [43]
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2024 เวลา 16:10 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ในพื้นที่คาบสมุทรโนโตะ จังหวัดอิชิกาวะ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออ่าวโทยามะเป็นบางส่วน โดยพบว่าผลกระทบส่วนใหญ่มาจากการถล่มของเนินเขาใต้ทะเลซึ่งจุดที่เกิดการถล่มห่างจากเหนือจรดใต้ประมาณ 3.5 กิโลเมตร และประมาณ 1 กม. จากตะวันออกไปตะวันตก หลังจากแผ่นดินไหวในเดือนมกราคมหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นได้สร้างแบบแผนที่ภูมิประเทศของก้นทะเลใต้อ่าวโดยละเอียดใช้วิธีการปล่อยคลื่นเสียงจากเรือสํารวจที่ผิวน้ำลงไปข้างใต้ และนำมาเปรียบเทียบกับแผนที่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2010 พบว่าจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงห่างจากทางเหนือของเมืองโทยามะ 4 กิโลเมตร บริเวณนั้นมีเนินเขาใต้ทะเลถล่มลงมาเป็นพื้นที่ยาวประมาณ 500 เมตร และกว้างประมาณ 80 เมตร [44][45]
จากย่อหน้าที่ผ่านมาการถล่มของเนินเขาใต้ทะเลทำให้เกิดคลื่นสึนามิเข้ามาถึงฝั่งในระยะเวลา 3 นาทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ในเวลาแรกสถานีวัดระดับน้ำขึ้นน้ำลงของเมืองโทยามะพบสึนามิสูงถึง 80 ซม. แต่มีความเป็นไปได้ว่าคลื่นสึนามิที่แท้จริงอาจสูงถึง 2 เมตรในเมืองนีวเซ็ง [46]
คลื่นสูงที่ถล่มจังหวัดโทยามะหลายครั้งถูกเรียกว่า "คลื่นโยริมาวาริ" อันเนื่องมาจากอ่าวโทยามะมีความลึกและภูมิประเทศมีความซับซ้อนเมื่อความกดอากาศสูงจากทางตะวันตกมีกำลังแรงขึ้นจะทำให้เกิดลมกะโชกแรงพัดเอาคลื่นจากฮกไกโดลงมาถึงอ่าวโทยามะทำให้เกิดภัยพิบัติคลื่นลมแรงซึ่งนครชินมินาโตะในจังหวัดโทยามะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติรูปแบบนี้หลายครั้ง [47] จากวารสารธรณีฟิสิกส์ที่เขียนโดยศาสตราจารย์ ฟูมิอากิ ทากูจิ จากมหาวิทยาลัยโทยามะกล่าวว่าโดยปกติคลื่นจะสูงเพียง 3 ถึง 5 เมตรในหน้าหนาวซึ่งเป็นเรื่องปกติของทะเลญี่ปุ่นในฤดูนี้แต่ทุก ๆ 10 ปีหรือกว่านั้นจึงจะมีคลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นและไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงคลื่นจึงสามารถก่อตัวได้สูงขนาดนั้น [48]
เมื่อวันที่ 28-29 ธันวาคม ค.ศ. 1916 เกิดคลื่นสูงพัดถล่มตามแนวชายฝั่งตะวันออกของอ่าวโมยามะของอ่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่ถนนช่วงระหว่างสถานีอิชิบูริและสถานีโอยาชิราจิ[49]
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 คลื่นสูงได้พัดถล่มชายฝั่งอ่าวโทยามะอีกครั้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 15 คน บ้านเรือนถูกทำลาย 4 หลังเสียหายปานกลาง 7 หลัง ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมืองนีวเซ็ง ภัยจากคลื่นสูงในครั้งนี้ถูกบันทึกว่ารุนแรงที่สุดคลื่นมีความสูง 10 เมตร [48]
ในจังหวัดโทยามะและจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่รอบอ่าวได้มีมาตรการป้องกันคลื่นสูง ในปีงบประมาณแต่ละครั้งจังหวัดจะส่งเสริมการสร้างเขื่อนกันคลื่นบนชายฝั่งมิยาซากิของเมืองอาซาฮีและชายฝั่งของเมืองโทยามะ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2003 เป็นต้นมาเขื่อนกันคลื่นตามแนวชายฝั่งได้ถูกสร้างขึ้นตามแผนการอนุรักษ์ชายฝั่งของจังหวัด แต่หลังเกิดภัยพิบัติคลื่นโยริมาวาริในปี ค.ศ. 2008 ซึ่งก่อความเสียหายเกินกว่าที่คาดไว้ทำให้มีการกลับมาทบทวนความทนทานของเขื่อนกันคลื่นและโครงสร้างอื่น ๆ ในอ่าวซึ่งได้รับความเสียหายมากจากเหตุการณ์ในคราวนั้น[48]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.