ประเทศสกอตแลนด์
ประเทศในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร / From Wikipedia, the free encyclopedia
สกอตแลนด์ (อังกฤษ: Scotland; สกอต: Scotland; แกลิกสกอต: Alba, [ˈal̪ˠapə]( ฟังเสียง), อัลวะเปอะ) เป็นชาติของชนชาวสกอต และเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร โดยครอบคลุมพื้นที่หนึ่งในสามทางตอนเหนือของเกาะบริเตนใหญ่[2][3][4] มีพรมแดนร่วมกับประเทศอังกฤษทางทิศใต้ ส่วนที่เหลือล้อมรอบด้วยมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันออกเป็นทะเลเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้จดช่องแคบเหนือและทะเลไอร์แลนด์ นอกเหนือจากแผ่นดินใหญ่แล้ว ประเทศสกอตแลนด์ยังมีเกาะอีกกว่า 790 เกาะ[5]
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
สกอตแลนด์ แกลิกสกอต: Alba | |
---|---|
คำขวัญ: "In My Defens God Me Defend" (ภาษาสกอต) | |
ที่ตั้งของ สกอตแลนด์ (สีเขียวเข้ม) – ในทวีปยุโรป (สีเขียว & สีเทาเข้ม) | |
เมืองหลวง | เอดินบะระ |
เมืองใหญ่สุด | กลาสโกว์ |
ภาษาราชการ | ภาษาอังกฤษ ภาษาแกลิกแบบสกอต และภาษาสกอต |
เดมะนิม |
|
การปกครอง | สภานิติบัญญัติภายใต้ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญตามหลักการกระจายอำนาจ |
ชาลส์ที่ 3 | |
• มุขมนตรี | ฮัมซา ยูซาฟ |
การก่อตั้ง | |
พื้นที่ | |
• รวม | 78,772 ตารางกิโลเมตร (30,414 ตารางไมล์) (n/a) |
1.9 | |
ประชากร | |
• 2560 ประมาณ | 5,424,800 (n/a) |
• สำมะโนประชากร 2544 | 5,062,011 |
95 ต่อตารางกิโลเมตร (246.0 ต่อตารางไมล์) (n/a) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2545 (ประมาณ) |
• รวม | $130 billion (n/a) |
• ต่อหัว | $25,546 (n/a) |
เอชดีไอ (2562) | 0.925[a][1] สูงมาก · อันดับที่ 4 |
สกุลเงิน | ปอนด์สเตอร์ลิง (£) (GBP) |
เขตเวลา | UTC+0 (GMT) |
รหัสโทรศัพท์ | 44 |
โดเมนบนสุด | .uk |
|
เอดินบะระ เมืองหลวงและนครใหญ่ที่สุดอันดับสองของประเทศ เป็นศูนย์กลางยุคเรืองปัญญาของชาวสกอตในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งเปลี่ยนสกอตแลนด์มาเป็นมหาอำนาจทางพาณิชย์ ทางการศึกษา และทางอุตสาหกรรมเมืองหนึ่งของทวีปยุโรป. ส่วนกลาสโกว์ นครใหญ่สุดของสกอตแลนด์[6] เคยเป็นนครอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกและปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของเขตเมืองขยายเกรตเตอร์กลาสโกว์ น่านน้ำสกอตแลนด์ประกอบด้วยทะเลแอตแลนติกเหนือและทะเลเหนือ[7] ซึ่งมีปริมาณน้ำมันสำรองใหญ่สุดในสหภาพยุโรป ทำให้เมืองแอเบอร์ดีน นครใหญ่สุดอันดับสามในสกอตแลนด์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงน้ำมันของทวีปยุโรป[8]
เดิมราชอาณาจักรสกอตแลนด์เป็นประเทศอิสระที่ไม่ขึ้นกับประเทศอังกฤษจนถึง ค.ศ. 1603 เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ครองบัลลังก์อังกฤษโดยทรงใช้พระนามว่า พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ จึงมีผลให้ทั้งสองประเทศมีพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกัน เรียกว่า การรวมราชบัลลังก์ (Union of the Crowns) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของทั้งสองยังคงแยกจากกันอยู่จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1707 ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีแอนน์ อังกฤษและสกอตแลนด์ได้รวมตัวกันด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ตามพระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1707 มีผลให้รวมเข้ากับราชอาณาจักรอังกฤษ และกลายเป็นราชอาณาจักรบริเตนใหญ่[9]
ระบบกฎหมายของสกอตแลนด์ยังแยกจากระบบกฎหมายของอังกฤษ เวลส์และไอร์แลนด์เหนือ และสกอตแลนด์อยู่ในเขตอำนาจศาลต่างหาก ทั้งในทางกฎหมายมหาชนและเอกชน[10] การคงไว้ซึ่งสถาบันกฎหมาย, การศึกษา, และศาสนาของตน อย่างเป็นอิสระจากสถาบันของสหราชอาณาจักร ล้วนส่งผลให้วัฒนธรรมสกอตแลนด์ และอัตลักษณ์ของชาติสามารถคงความต่อเนื่องไว้ได้ แม้ว่าสกอตแลนด์จะถูกรวมเข้าเป็นสหภาพมาตั้งแต่ ค.ศ. 1707[11] ใน ค.ศ. 1999 รัฐสภาสกอตแลนด์ สภานิติบัญญัติแบบระบบสภาเดี่ยวที่จัดตั้งขึ้น(ใหม่)ตามกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ และการลงประชามติ ค.ศ. 1997 เปิดประชุมใหม่โดยมีอำนาจเหนือกิจการภายในหลายด้าน ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 พรรคชาติสกอตแลนด์ชนะการเลือกตั้งโดยมีเสียงข้างมากในรัฐสภาสกอตแลนด์ ทำให้นำไปสู่การลงประชามติเอกราชสกอตแลนด์ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2014 ซึ่งผลในครั้งนั้นประชากรสกอตแลนด์ข้างมากลงเสียงปฏิเสธ[12][13]
สกอตแลนด์มีผู้แทนในรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร 59 ที่นั่ง และมีผู้แทนในรัฐสภายุโรป 6 ที่นั่ง[14] เป็นชาติสมาชิกสภาบริเตน–ไอร์แลนด์[15] และสมัชชารัฐสภาบริเตน–ไอร์แลนด์