Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิลเลียม เอ็ดเวิร์ด โบอิง (/ˈboʊɪŋ/) (1 ตุลาคม พ.ศ. 2424 - 28 กันยายน พ.ศ. 2499) เป็นผู้บุกเบิกการบินชาวอเมริกัน[1] เขาก่อตั้งบริษัท Pacific Airplane Company ในปี 1916 ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นโบอิงในอีกหนึ่งปีต่อมา ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อพิจารณาจากมูลค่าเงินดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตด้านการบินและอวกาศรายใหญ่ที่สุดในโลก
วิลเลียม อี. โบอิง | |
---|---|
เกิด | วิลเลียม เอ็ดเวิร์ด โบอิง 01 ตุลาคม ค.ศ. 1881 ดีทรอยต์, มิชิแกน, สหรัฐอเมริกา |
เสียชีวิต | 28 กันยายน ค.ศ. 1956 ปี) Puget Sound, วอชิงตัน, สหรัฐอเมริกา | (74
สัญชาติ | อเมริกัน |
พลเมือง | อเมริกัน |
การศึกษา | มหาวิทยาลัยเยล |
อาชีพ | นักอุตสาหกรรม |
มีชื่อเสียงจาก | ผู้ก่อตั้งบริษัทโบอิง |
คู่สมรส | Bertha M. Potter Paschall Boeing (สมรส 1921) |
บุตร | วิลเลียม อี. โบอิง จูเนียร์ |
รางวัล | Daniel Guggenheim Medal (พ.ศ. 2477) |
ลายมือชื่อ | |
เครื่องบินที่โบอิงออกแบบลำแรกมีชื่อว่า โบอิง โมเดล 1 ซึ่งขึ้นบินครั้งแรกในปี 1916 เดือนก่อนที่เขาจะก่อตั้งบริษัท นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมในการก่อตั้งบริษัท United Aircraft and Transport Corporation ในปี 1929 ซึ่งต่อมาคือยูไนเต็ดแอร์ไลน์
วิลเลียม โบอิง เกิดที่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ทั้งบิดาและมารดาอพยพมาจากยุโรป มารดามีนามว่า แมรี เอ็ม. ออตมันน์ ชาวออสเตรีย ส่วนบิดามีนามว่า วิลเฮล์ม โบอิง ชาวเยอรมนี
เมื่อเขาอายุเพียง 8 ขวบ บิดาของเขาได้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ มารดาจึงพาเขาเดินทางอพยพกลับยุโรป โดยเข้ารับการศึกษาที่เมืองเวอแว ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จากนั้นเขาเดินทางกลับมาศึกษาที่เมืองคองคอร์ด รัฐนิวแฮมป์เชอร์ สหรัฐอเมริกา และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเยล ในคณะวิศวกรรมศาสตร์[2] แต่สุดท้ายในปี 1906 เขาได้หยุดเรียนชั่วคราวและออกมาประกอบธุรกิจค้าไม้
ต่อมาเขาย้ายไปอาศัยที่เมืองโฮเควียม รัฐวอชิงตัน และเริ่มต้นทำธุรกิจค้าไม้โดยลงทุนซื้อที่ดินที่มีป่าไม้บริเวณอ่าวเกรย์ส คาบสมุทรโอลิมปิค[3] ธุรกิจค้าไม้สร้างความมั่งคั่งให้กับเขาเป็นอย่างมากจากความเฟื่องฟูในธุรกิจก่อสร้าง นอกจากนี้ธุรกิจร่วมทุนของเขายังประสบความสำเร็จในการขนส่งไม้ทางเรือไปทางชายฝั่งตะวันออกผ่านคลองปานามา[4]
ในขณะที่ทำธุรกิจค้าไม้นั้น เขาทดลองออกแบบเรือและได้เดินทางไปเมืองซีแอตเทิล เพื่อเข้าร่วมงาน Alaska–Yukon–Pacific Exposition ปี 1909 ในงานนี้เขาได้เห็นมนุษย์ที่สามารถบินบนอากาศได้โดยเครื่องจักรชนิดหนึ่ง ซึ่งต่อมาเขาก็รู้จักในนามเครื่องบิน
ปี 1910 เขาได้ร่วมงานลอสแอนเจลิสแอร์โชว์ เขาถามนักบินทุกคนทั้งในและต่างประเทศว่าเขาสามารถนั่งเครื่องบินได้หรือไม่ และเขาก็ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยกเว้นหลุยส์ ปอลฮัน นักบินชาวฝรั่งเศส โบอิ้งรอพบหลุยส์ แต่สุดท้ายเขาจากไปโดยโบอิงไม่ได้นั่งเครื่องบินเลย[5] โบอิงจึงเข้าเรียนการบินที่โรงเรียนการบินของ เกลนน์ ลูเธอร์ มาร์ติน และซื้อเครื่องบินของมาร์ตินหนึ่งลำ โดยผู้ที่เดินทางมาประกอบและสอนโบอิงบินคือ เจมส์ ฟลอยด์ สมิธ โดยชิ้นส่วนถูกส่งมาทางรถไฟและประกอบเครื่องบินในโกดังริมทะเลสาบยูเนียน เมื่อกระสอบเครื่องบินเสร็จและทดสอบบิน ปรากฎว่าเครื่องบินได้รับความเสียหาย
เขาจึงแจ้งมาร์ตินให้ดำเนินการส่งอะไหล่มาเปลี่ยน แต่ก็รับแจ้งจากมาร์ตินว่าอะไหล่เครื่องบินขาดแคลน ต้องใช้เวลารอเป็นเดือน เขาจึงหารือกับเพื่อนของเขานามว่า จอร์จ คอนราด เวสเตอร์เวลต์ ซึ่งเป็นทหารเรือว่า "เราควรสร้างเครื่องบืนที่ดีกว่าและสร้างได้เร็วกว่า" ซึ่งเวสเตอร์เวลต์ก็เห็นด้วย เขาจึงได้ออกแบบและสร้างเครื่องบิน โบอิง โมเดล 1 ซึ่งมีสมรรถนะที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจการบิน โดยใช้โรงเก็บเรือริมแม่น้ำดูวามิช ใกล้เมืองซีแอตเทิลเป็นโรงงานผลิต
ในปี 1916 โบอิงและเพื่อนของเขา จอร์จ คอนราด เวสเตอร์เวลต์ เข้าสู่ธุรกิจการบิน โดยตั้งชื่อเครื่องบินรุ่นแรกว่า B&W และก่อตั้งบริษัท Pacific Aero Products[6][7] Company โดยเครื่องบินรุ่นแรกของบริษัทคือ โบอิงโมเดล 1 (บี & ดับบลิว ซีเพลน)[8] ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1917 เขาจึงเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Boeing Airplane Company และได้รับคำสั่งซื้อจากกองทัพอเรือสหรัฐอเมริกา 50 ลำ และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง โบอิงจึงเน้นธุรกิจด้านอากาศยานพาณิชย์และธุรกิจขนส่งไปรษณีย์ทางอากาศ
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.