รัฐนิวเม็กซิโก
From Wikipedia, the free encyclopedia
นิวเม็กซิโก (อังกฤษ: New Mexico, ออกเสียง: /ˌn(j)uː ˈmeksɪkoʊ/; สเปน: Nuevo México, ออกเสียง: [ˈnweβo ˈmexiko] ( ฟังเสียง); นาวาโฮ: Yootó Hahoodzo, ออกเสียง: [jòːtʰó hɑ̀hòːtsò]) เป็นรัฐหนึ่งทางตอนตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ติดกับประเทศเม็กซิโก เมืองหลวงของรัฐคือแซนตาเฟ โดยมีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือแอลบูเคอร์คี ถึงแม้ว่าในสหรัฐ ภาษาอังกฤษนิยมใช้กันมากที่สุด แต่รัฐนิวเม็กซิโกเป็นรัฐที่มีการใช้ภาษาสเปนมากที่สุดรัฐหนึ่งในสหรัฐ โดยประชากรในรัฐประกอบด้วยชาวอเมริกัน ชาวสเปน และชาวเม็กซิโก ใน ค.ศ. 2007 นิวเม็กซิโกมีประชากร 1,969,915 คน[5]
รัฐนิวเม็กซิโก State of New Mexico (อังกฤษ) Estado de Nuevo México (สเปน) Yootó Hahoodzo (นาวาโฮ) | |
---|---|
สมญา: ดินแดนมนต์เสน่ห์ | |
คำขวัญ: | |
เพลง: "โอแฟร์นิวเม็กซิโก" (อังกฤษ: O Fair New Mexico) และ "อาซีเอสนูเอโบเมฆิโก" (สเปน: Así Es Nuevo México) | |
แผนที่สหรัฐเน้นรัฐนิวเม็กซิโก | |
ประเทศ | สหรัฐ |
สถานะก่อนเป็นรัฐ | นูเอโบเมฆิโก (1598–1848) ดินแดนนิวเม็กซิโก (1850–1912) |
เข้าร่วมสหรัฐ | 1 มิถุนายน 1912; 111 ปีก่อน (1912-06-01) (ลำดับที่ 47) |
เมืองหลวง | แซนตาเฟ |
เมืองใหญ่สุด | แอลบูเคอร์คี |
มหานครใหญ่สุด | แอลบูเคอร์คี |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าการ | มิเชลล์ ลูฮาน กริชัม (ด) |
• รองผู้ว่าการ | ฮาววี มอราลิส (ด) |
สภานิติบัญญัติ | สภานิติบัญญัตินิวเม็กซิโก |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
ฝ่ายตุลาการ | ศาลสูงสุดนิวเม็กซิโก |
สมาชิกวุฒิสภา |
|
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร |
|
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 121,591[1] ตร.ไมล์ (314,915 ตร.กม.) |
• พื้นดิน | 121,298[1] ตร.ไมล์ (314,161 ตร.กม.) |
• พื้นน้ำ | 292[1] ตร.ไมล์ (757 ตร.กม.) 0.24% |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 5 |
ขนาด | |
• ความยาว | 371 ไมล์ (596 กิโลเมตร) |
• ความกว้าง | 344 ไมล์ (552 กิโลเมตร) |
ความสูง | 5,701 ฟุต (1,741 เมตร) |
ความสูงจุดสูงสุด (ยอดเขาวีลเลอร์[2][3]) | 13,161 ฟุต (4,011.4 เมตร) |
ความสูงจุดต่ำสุด (อ่างเก็บน้ำเรดบลัฟฟ์ในเขตรัฐเท็กซัส[3]) | 2,845 ฟุต (868 เมตร) |
ประชากร (2020) | |
• ทั้งหมด | 2,117,522 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 36 |
• ความหนาแน่น | 17.2 คน/ตร.ไมล์ (6.62 คน/ตร.กม.) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 45 |
• ค่ามัธยฐานรายได้ครัวเรือน | 51,945 ดอลลาร์ |
• อันดับรายได้ | อันดับที่ 45 |
ภาษา | |
• ภาษาทางการ | ไม่มี |
• ภาษาพูด | อังกฤษ, สเปน (นิวเม็กซิโก), นาวาโฮ, เคอรีส, ซูนี[4] |
เขตเวลา | |
ทั้งรัฐ | UTC−07:00 (เวลาภูเขา) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC−06:00 (เวลาออมแสงภูเขา) |
อักษรย่อไปรษณีย์ | NM |
รหัส ISO 3166 | US-NM |
อักษรย่อเดิม | N.M., N.Mex. |
ละติจูด | 31°20′ เหนือ ถึง 37° เหนือ |
ลองจิจูด | 103° ตะวันตก ถึง 109°3′ ตะวันตก |
เว็บไซต์ | www |
นิวเม็กซิโกเป็นรัฐที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในบรรดา 50 รัฐของประเทศ แต่มีประชากรเพียง 2.1 ล้านคน[6] และอยู่ในอันดับที่ 36 ของจำนวนประชากรและอันดับที่ 46 ในด้านความหนาแน่นของประชากร[7] และเป็นบริเวณที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐ[8][9] บริเวณตอนเหนือและตะวันออกมีภูมิอากาศแบบแอลป์ที่เย็นกว่าในขณะที่ทางตะวันตกและทางใต้นั้นอบอุ่นและแห้งแล้งกว่า โดยมีแม่น้ำรีโอแกรนด์และหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ทอดตัวจากเหนือจรดใต้ ทำให้เกิดสภาพอากาศอบอุ่นบริเวณตอนกลางของรัฐ กว่าหนึ่งในสามของที่ดินในนิวเม็กซิโกมีรัฐบาลกลางเป็นเจ้าของ และรัฐยังมีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่ได้รับการคุ้มครองและประกอบไปด้วยอนุสรณ์สถานแห่งชาติหลายแห่ง รวมถึงแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก 3 แห่ง[10]
รัฐนิวเม็กซิโกถูกจัดอยู่ในกลุ่มรัฐที่มีความยากจน[11][12][13][14][15] แม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของรัฐมีการเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยประชากรในนิวเม็กซิโกมีรายได้หลักมาจากหลายภาคส่วน เช่น การขุดเจาะน้ำมัน การขุดแร่ การทำฟาร์มบนที่แห้ง การเลี้ยงโค เกษตรกรรม การค้าไม้อย่างถูกกฎหมาย การค้าปลีก การทำห้องปฏิบัติการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาเทคโนโลยี และศิลปะ รวมถึงสิ่งทอและทัศนศิลป์ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมด (จีดีพี) ใน ค.ศ. 2020 อยู่ที่ 95.73 พันล้านดอลลาร์ และมีจีดีพีต่อหัวอยู่ที่ 46,300 ดอลลาร์[16][17] นโยบายภาษีของรัฐมีลักษณะการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในระดับต่ำถึงปานกลางตามมาตรฐานรัฐบาลกลาง โดยมีเครดิตภาษี การยกเว้น และการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับบุคลากรทางทหาร ต่อมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในรัฐ[18] นิวเม็กซิโกเป็นยังที่ตั้งของฐานทัพสำคัญของกองทัพสหรัฐบริเวณไวต์แซนดส์มิสไซล์เรนจ์ และหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติหลายแห่งได้เข้ามาตั้งฐานการวิจัยและทดสอบอาวุธในรัฐเช่นที่ซานดีอาและลอสแอละโมส ในคริสต์ทศวรรษ 1940 โครงการวายของโครงการแมนฮัตตันซึ่งผลิตระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกได้ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกภายใต้รหัสนาม "ทรินิตี"
สำหรับที่มาของชื่อรัฐนิวเม็กซิโกนั้น ในอดีตดินแดนแห่งนี้เคยถูกสเปนปกครอง โดยคณะสำรวจและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวสเปนได้เดินทางมาถึงบริเวณนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และตั้งชื่ออาณาเขตว่า นูเอโบเมฆิโก ตามชื่อหุบเขาเม็กซิโก ก่อนที่เม็กซิโกจะได้รับเอกราชจากสเปนและใช้ชื่อประเทศดังปัจจุบัน ดังนั้นรัฐนี้จึงไม่ได้ตั้งชื่อตามประเทศเม็กซิโกอย่างที่หลายคนเข้าใจ[19][20] นิวเม็กซิโกถูกแยกออกจากกันด้วยภูมิประเทศที่ขรุขระและปกครองโดยชนพื้นเมือง ภายหลังการได้รับเอกราชของเม็กซิโกใน ค.ศ. 1821 บริเวณนี้ได้กลายเป็นเขตปกครองตนเองของเม็กซิโก แม้ว่าจะยังคงถูกคุกคามอยู่เรื่อย ๆ จากนโยบายการรวมชาติของรัฐบาลเม็กซิโก ในเวลาเดียวกัน ภูมิภาคนี้ได้พึ่งพากิจกรรมทางเศรษฐกิจจากสหรัฐ และในช่วงท้ายของสงครามเม็กซิโก–สหรัฐใน ค.ศ. 1848 สหรัฐได้ผนวกนิวเม็กซิโกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนนิวเม็กซิโกที่มีขนาดใหญ่กว่า และถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการขยายตัวทางตะวันตกของสหรัฐและได้รับการยอมรับโดยสหภาพมาตราแห่งรัฐธรรมนูญของสหรัฐโดยถือเป็นรัฐที่ 47 อย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1912
ธงประจำรัฐนิวเม็กซิโกเป็นที่รู้จักมากที่สุดในสหรัฐ[21] สะท้อนถึงต้นกำเนิดของรัฐจากการผสมผสานของวัฒนธรรมโดยมีสีแดงเข้มและสีทองของไม้กางเขนเบอร์กันดีของสเปน พร้อมด้วยสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์โบราณของกลุ่มชนปูเอโบล การบรรจบกันของอิทธิพลของชนพื้นเมือง สเปน เม็กซิโก ฮิสแปนิก และอเมริกันยังปรากฏชัดในวัฒนธรรมด้านอื่น ๆ เช่น อาหาร ดนตรี และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของนิวเม็กซิโก[22] นิวเม็กซิโกยังเป็นรัฐที่มีชาวลาตินอเมริกาอาศัยอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งมีการพูดภาษาสเปนอย่างแพร่หลาย